" FED ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย "                               

          ตลาดหุ้นเมื่อวานนี้ : SET Index วานนี้ปรับตัวขึ้น +6.40 จุด (+0.38%) ปิดที่ 1,681 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย4.9 หมื่นล้านบาท ตอบรับผลการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐ รวมถึงความชัดเจน timeline การเลือกตั้งของไทยโดยหากจัดเลือกตั้ง 24 ก.พ.62 คาดกกต.ประกาศผลเลือกตั้ง 24 เม.ย.หรือภายใน 60 วัน ส่งผลให้มีแรงซื้อในกลุ่ม PETRO, CONS และ TRANS โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเป็นวันที่สี่ติดต่อกันอีก 1,459 ล้านบาท และ Net Long TFEX 2,248 สัญญา แต่ขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 119 ล้านบาท

          แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : มุมมองเป็นกลาง คาดดัชนีแกว่งตัว 1,670 - 1,690 จุด โดยแม้ว่าภาวะตลาดจะยังมี sentiment เชิงบวกจากผลการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐ และความชัดเจนกรอบการเลือกตั้งของไทย รวมถึงความคาดหวังธปท.จะแถลงมาตรการกำกับสินเชื่ออสังหาฯแบบผ่อนปรนลงในช่วงบ่ายวันนี้ อย่างไรก็ตามแรงกดดันจากการที่ FED คงอัตราดอกเบี้ยที่ 2.25% แต่ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้า (18 - 19 ธ.ค.) รวมถึงขึ้นอีก 3 ครั้ง ปี 2019 และ 1 ครั้งในปี 2020 ตามภาวะตลาดแรงงานและเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้ USD Bond yield 10 ปีพุ่งขึ้นสู่ระดับ 2.2% อีกครั้งซึ่งอาจกระทบต่อกระแส Fund Flow ให้ชะลอตัวได้ นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงต่อเนื่องจากความกังวล Oversupply หลังกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่เพิ่มกำลังการผลิตขึ้นจะกดดันต่อกลุ่มพลังงานและดัชนีให้อ่อนตัวลง  

 

          - ทยอยสะสมหุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการ 3Q18 จะออกมาดี SAWAD, ROBINS, ANAN, SVI, BCH, EA, GULF, PYLON และ STA 

          - กลุ่มอสังหาฯ บ่ายวันนี้ (9 พ.ย.) ธปท.แถลงปรับปรุงเกณฑ์กำกับสินเชื่ออสังหาฯ (คาดเลื่อนวันบังคังใช้ออกไปจากเดิม 1 ม.ค. 2562 ) Top pick : ANAN และ SPALI 

          - กลุ่มรับเหมา (STEC, SEAFCO) นิคมฯ (AMATA) รับผลบวกจากการเลือกตั้ง และโครงการขนาดใหญ่ภาครัฐ 

 

          หุ้นแนะนำวันนี้: SAWAD (ปิด 47.75 ซื้อ/เป้าใหม่ 55 จาก 50) คาดกำไรสุทธิ 3Q18 กลับมาเป็นปกติ เบื้องต้นคาดไว้ประมาณ 761 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22%qoq และ 25%yoy จากยอดสินเชื่อที่ยังเติบโต และ NIM ที่กลับมาฟื้นตัว, ANAN (ปิด 4.68 ซื้อ/เป้า 6.9) คาดกำไรสุทธิ 3Q18 โดดเด่นที่สุดของกลุ่ม โดยมีกำไรสุทธิประมาณ 900 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 55%qoq และ 540%yoy ขณะที่วันนี้คาด ธปท. ประกาศผ่อนคลายเกณฑ์คลุมสินเชื่อภาคอสังหาฯ 

          Top picks ปีนี้ : ANAN, BBL, CPALL, MTC, ROBINS และ SPALI  

          KSS report วันนี้ : GFPT (ปิด 14.5 ซื้อ/เป้า 16.6), IVL (ปิด 57 ซื้อ/เป้า 73), LPN (ปิด 9.55 ถือ/เป้า 11),MTC (ปิด 51.25 ซื้อ/เป้า 58), SAWAD (ปิด 47.75 ซื้อ/เป้าใหม่ 55 จาก 50), Thailand Strategy 

 

          (+/-) Fed มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 2.25% ตามคาด พร้อมส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือน ธ.ค.และอีก 3 ครั้งในปีถัดไป : ตามคาดที่ประชุมเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 2.25% ตามเดิม แต่ส่งสัญญาณจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือน ธ.ค. และจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งในปีหน้า และ 1 ครั้งในปี 2020 โดยให้เหตุผลถึงความแข็งแกร่งในตลาดแรงงาน (อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 49 ปี ที่ 3.7% และ อัตราเงินเฟ้อเข้าใกล้เป้าหมายของเฟดที่ 2%) 

          (+) Time line เลือกตั้งชัดเจนขึ้น วันเลือกตั้งยังคงเดิมกำหนดลงคะแนนเลือกตั้ง 24 ก.พ.2019 เป็นบวกต่อ Sentiment การลงทุนของกลุ่มรับเหมาและนิคมฯ : วานนี้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯแถลงถึงไทม์ไลน์ หรือ กรอบการเลือกตั้ง เบื้องต้นยังกำหนดวันเลือกตั้งไว้ตามเดิมคือวันที่ 24 ก.พ.2019 (วันที่ 11 ธ.ค. พ.ร.ป.เลือกตั้ง จะเริ่มมีผลบังคับใช้, 16-27 ธ.ค.คาด กกต.ประกาศใช้ พรฏ.เลือกตั้ง ส.ส. และประกาศปลดล็อกพรรคการเมือง, เดือนม.ค.คัดเลือก ส.ว. และ 24 ก.พ.เลือกตั้ง ส.ส. ประมาณ 8 พ.ค.18 สิ้นสุดรัฐบาลเก่าและคสช.) 

          (+/-) กลุ่มอสังหาฯ - วันนี้ลุ้น แบงก์ชาติผ่อนคลายเกณฑ์คลุมเข้มสินเชื่อภาคอสังหาฯเป็นบวกต่อ Sentiment การลงทุนในกลุ่ม Top pick: ANAN, SPALI : เรายังคาดหวังว่า ธปท.จะเลื่อนการบังคับใช้มาตรการคลุมเข้มสินเชื่อในภาคอสังหาริมทรัพย์ออกไป (เดิมกำหนดให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนม.ค.ปีหน้า) เพื่อให้ผู้ประกอบการและผู้ซื้อได้มีเวลาปรับตัว นอกจากนี้คาดว่า ธปท.อาจจะลดเงื่อนไขการวางเงินดาวน์ลงจาก 20% เป็น 15% หรือ 10% ซึ่งจะเป็นบวกต่อ Sentiment ของกลุ่ม Property Top pick : ANAN และ SPALI 

          (+/-) สัปดาห์หน้าติดตามการประชุม กนง.คาดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามเดิมที่ระดับ 1.5% :คณะกรรมการนโยบายการเงินของไทยมีกำหนดประชุมเพื่อพิจารณาแนวนโยบายการเงินและทิศทางอัตราดอกเบี้ยในวันที่ 14 พ.ย. เบื้องต้นคาดแบงก์ชาติจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.5% ตามเดิม จากเหตุผลของอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับต่ำ (1.23%) และ ภาพเศรษฐกิจโดยรวมยังถูกกดดันจากการส่งออกและท่องเที่ยวที่ชะลอตัว