ตลาดหุ้นเมื่อวานนี้: SET Index วานนี้ปรับตัวขึ้น +6.00 จุด (+0.36%) ปิดที่ 1,675 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายเบาบาง 5 หมื่นล้านบาท ตอบรับผลการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐที่พรรค Democrat ได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฏร ส่วนพรรค Republican ได้เสียงข้างมากในวุฒิสภาหนุนให้ Fund flow มีแนวโน้มไหลกลับมาฝั่งเอเชียมากขึ้น ทั้งนี้เป็นแรงซื้อในกลุ่ม ENERG, ICT และ PETRO โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเป็นวันที่สามติดต่อกันอีก 215 ล้านบาท และ Net Long TFEX 5,655 สัญญา แต่ขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 5,677 ล้านบาท  

          แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้: มุมมองเป็นบวก คาดดัชนีปรับตัวขึ้นทดสอบ High เดิมบริเวณ 1,685 - 1,690 จุดก่อนจะสลับอ่อนตัว ตอบรับผลการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐเป็นไปตามคาดโดยพรรค Republican ได้เสียงข้างมากในวุฒิสภา ส่วนพรรค Democrat ได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฏรซึ่งคาดว่าจะขัดขวางนโยบายกีดกันการค้าได้ ประกอบกับปธน.ทรัมป์ส่งสัญญาณทำงานร่วมมือกับพรรค Democrat กระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐซึ่งหนุนต่อทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลก นอกจากนี้ปัจจัยเสริมภายในประเทศจากนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีจะแถลงช่วงเวลาและขั้นตอนสู่การเลือกตั้งในช่วงบ่ายวันนี้ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจภาพการเมืองและเศรษฐกิจในช่วงถัดไปของนักลงทุนได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลงต่อเนื่องหลังสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 7 สัปดาห์ต่อเนื่องอีก 5.8 ล้านบาร์เรลซึ่งเป็นลบต่อกลุ่มพลังงาน และจะกดดันให้ดัชนีสลับอ่อนตัว  

 

          - ทยอยสะสมหุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการ 3Q18 จะออกมาดี SAWAD, ROBINS, ANAN, SVI, BCH, CHG, CKP, EA, GULF, PYLON และ STA 

          - กลุ่มอสังหาฯ บ่ายพรุ่งนี้ (9 พ.ย.) ธปท.แถลงปรับปรุงเกณฑ์กำกับสินเชื่ออสังหาฯ (คาดเลื่อนวันบังคังใช้ออกไปจากเดิม 1 ม.ค. 2562 ) 

          - กลุ่มรับเหมา (STEC, SEAFCO) นิคมฯ (AMATA) รับผลบวกจากการเลือกตั้ง และรัฐบาลอนุมัติโครงการขนาดใหญ่ใน EEC 5 โครงการวงเงิน 6.5 แสนลบ. 

          - กลุ่มท่องเที่ยว (CENTEL, MINT, ERW) ครม.ยกเลิกค่าธรรมเนียมวีซ่านักท่องเที่ยวในช่วง พ.ย. 61 - ม.ค. 62 

 

          หุ้นแนะนำวันนี้: ANAN (ปิด 4.62 ซื้อ/เป้า 6.9) คาดกำไรสุทธิ 3Q18 โดดเด่นที่สุดของกลุ่ม โดยมีกำไรสุทธิประมาณ 900 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 55%qoq และ 540%yoy ขณะที่พรุ่งนี้คาด ธปท. ประกาศผ่อนคลายเกณฑ์คลุมสินเชื่อภาคอสังหาฯ, AMATA (ปิด 24.3 ซื้อ/เป้า Consensus 28) เก็งกำไรข่าวภาครัฐนัดแถลงข่าว Time line การเลือกตั้งเป็นบวกต่อ Sentiment การลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะนิคมฯ และรับเหมาฯ, SAWAD (ปิด 47 ซื้อ/เป้า 50) คาดกำไรสุทธิ 3Q18 กลับมาเป็นปกติ เบื้องต้นคาดไว้ประมาณ 650 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10%qoq และ 8.5%yoy จากลูกหนี้รายเดิมที่เคยมีปัญหาสามารถกลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติ

          Top picks ปีนี้ : ANAN, BBL, CPALL, MTC, ROBINS และ SPALI  

          KSS report วันนี้ : KCE (ปิด 31 ปรับเป็นซื้อ/เป้า 37 จาก 46), PSL (ปิด 11 ปรับลดเป็นถือ/เป้าใหม่ 11.5 จาก 17), PTTGC (ปิด 78.25 ซื้อ/เป้า 110) 

 

          (+) ผลเลือกตั้งสหรัฐเป็นไปตามที่ตลาดคาด (Democrat ชนะ ส.ส. และ Republican ชนะส.ว.) ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ตอบรับเชิงบวกพุ่งแรงกว่า 2% : โดยพรรค Democrat ชนะการเลือกตั้งส.ส.ด้วยคะแนนเสียง 223 ต่อ 200 คะแนน ขณะที่พรรค Republican ชนะเลือกตั้งส.ว.ด้วยคะแนน 51 ต่อ 46 คะแนน โดยผลการเลือกตั้งเป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้ (Base case) ส่งผลให้ตลาดหุ้นตอบรับเชิงบวกโดยดัชนีดาวโจนส์พุ่งแรงกว่า 545 จุด (+2.13%) ปิดที่ 26,180.30 จุด คาดหวังผลการเลือกตั้งดังกล่าวจะทำให้โดนัล ทรัมป์ลดท่าทีที่แข็งกร้าวในการดำเนินนโยบายต่างๆลง (มีพรรค Democrat มาคานอำนาจ) 

          (+/-) ประชุมเฟดคืนนี้คาดคงดอกเบี้ยที่ระดับ 2.25% ตามเดิม (Bloomberg consensus คาดความน่าจะเป็นที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยเดือนนี้ต่ำเพียง 13.2%) : เราและตลาดยังคงมุมมองเดิมโดยคาดเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันนี้ที่ระดับ 2.25% ตามเดิม และคาดว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งเป็น 2.5% ในการประชุมครั้งถัดไปในวันที่ 18-19 ธ.ค.โดยล่าสุด Bloomberg Consensus คาดโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้ต่ำเพียง 13.2% และคาดโอกาสครั้งถัดไปที่ 68.3% 

          (+) กลุ่มรับเหมาฯ+นิคมฯ - ภาพการเมืองไทยจะชัดเจนขึ้น โดยวันนี้ นายวุษณุ เครืองาม นัดแถลง Time line การเลือกตั้ง : ทิศทางการเมืองไทยมีแนวโน้มที่จะชัดเจนมากขึ้นเนื่องจากในวันนี้เวลา 13.00 น. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี จะแถลงชี้แจงเกี่ยวกับ Time line การเลือกตั้ง โดยสิงที่ตลาดคาดหวังคือ 1)ประกาศปลดล็อกพรรคการเมืองให้สามารถทำกิจกรรมทางการเมืองได้มากขึ้น และ 2) ประกาศวันเลือกตั้ง หากทั้ง 2 ประเด็นมีความชัดเจนคาดว่าจะช่วยดึง Sentiment การลงทุนกลับมา โดยเฉพาะกลุ่ม รับเหมา (Top pick : STEC)  และกลุ่มนิคมฯ (Top pick : AMATA)  

          (+/-) กลุ่มอสังหาฯ - คาดหวัง ธปท.ผ่อนคลายเกณฑ์คลุมเข้มการเงิน โดยจะนัดแถลงสรุปมาตรการในช่วงบ่ายวันพรุ่งนี้ : ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่ ธปท.จะเลื่อนการบังคับใช้มาตรการคลุมเข้มสินเชื่อในภาคอสังหาริมทรัพย์ออกไปจากเดิมกำหนดให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนม.ค.ปีหน้า เพื่อให้ผู้ประกอบการและผู้ซื้อได้มีเวลาปรับตัว นอกจากนี้คาดว่า ธปท.อาจจะลดเงื่อนไขการวางเงินดาวน์ลงจาก 20% เป็น 15% หรือ 10% ซึ่งจะเป็นบวกต่อ Sentiment ของกลุ่ม Property Top pick : ANAN และ SPALI