WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

YuanTaบล.หยวนต้า(ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 
 
กลยุทธ์วันนี้ 
  เลือกสะสม/เก็งกำไรหุ้นรายตัว ขนาดกลาง
Smart Pick
สะสม DTAC
  ราคาปิด 44.00 บาท
  ราคาเหมาะสม 53.00 บาท
  DTAC เป็นเพียงผู้ประกอบการรายเดียวเข้าประมูลคลื่น 900MHz ในวันที่ 28 ต.ค. เรามองเป็นบวกต่อการเพิ่มจำนวนคลื่นในมือ
  อีกทั้งผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดแล้วใน 3Q61 และคาดพลิกกลับมาเป็นกำไรใน 4Q61 ราว 1.0-1.1 พันลบ. หลังค่าเสื่อมราคาสัมปทานเดิมหมดลง เรามองว่าโอกาสที่ DTAC จะถูก Re-Rating จากราคา ณ ปัจจุบันซื้อขายที่ EV/EBITDA เพียง 4.9 เท่า เทียบกับกลุ่มที่ 8.0 เท่า
สะสม QH 
  ราคาปิด 3.04 บาท
  ราคาเหมาะสม 3.74 บาท
  SET Property ลดลง -6.3% ตั้งแต่วันที่ 4 ต.ค. หลังธปท.ประกาศมาตรการสินเชื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งธปท.เตรียมประกาศรายละเอียดของหลักเกณฑ์ดังกล่าวช่วงต้นเดือนพ.ย. เรามองว่าโอกาสเกิด Buy on Fact กลุ่มอสังหาฯ 
  QH ได้รับผลกระทบจำกัด จาก (1) สัดส่วนรายได้ 85% เป็นโครงการแนวราบ (2) กลุ่มลูกค้าเป็นผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยแท้จริง ขณะที่ ราคา ณ ปัจจุบันซื้อขายต่ำกว่า NAV ของหุ้น HMPRO หุ้นละ 3.54 บาท
เก็งกำไร GPSC
  ราคาปิด 56.50 บาท
  ราคาเหมาะสม 70.00 บาท
  GPSC ปรับตัวลงแรง 15% ใน 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา vs SET INDEX -3.2%, SET Energy -3.9% เรามองว่าราคาหุ้นลงมามากเกินไปและมีโอกาสเกิดการรีบาวน์ทางเทคนิค 
  อีกทั้ง ราคา ณ ปัจจุบันซื้อขายที่ PER2562 เพียง 18.4 เท่า เทียบกับจุดสูงสุดช่วงเดือนม.ค.ที่ 28.5 เท่า และแนวโน้มกำไรปี 2562 เติบโตต่อเนื่อง +9.2% YoY จากการรับรู้กำลังการผลิตใหม่อีก 392MW และมี Upside Risk จากโรงไฟฟ้า 250MW ของ TOP ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนเร็วๆนี้
เก็งกำไร AOT
  ราคาปิด 61.75 บาท
  แนวต้านทางเทคนิค 64.00 บาท 
  ภาพทางเทคนิคมีโอกาสฟื้นตัว หลังปรับตัวลงทดสอบแนวรับบริเวณ 60.00 บาท +/- และปิดบวกได้วานนี้ จึงมีโอกาสขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 63.00-64.00 บาท และ Stop loss หากต่ำกว่า 60.50 บาท 
  กลุ่มท่องเที่ยวมีปัจจัยบวก เนื่องจากรัฐบาลอยู่ระหว่างพิจารณามาตรการกระตุ้น เช่น Double Entry Visa และยกเว้นค่าธรรมเนียม Visa on Arrival ให้กับนักท่องเที่ยว 21 ประเทศ จะช่วยหนุนโมเมนตั้มการลงทุนให้ฟื้นตัว
Profit Taking : PTTEP
กลยุทธ์วันนี้
  บรรยากาศการลงทุนโดยรวมกลับมาเป็น “กลาง” อีกครั้ง หลัง SET INDEX วานนี้ปิดยืนเหนือ 1640 จุด อีกทั้ง DJIA กลับมาปิดยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันได้อีกครั้ง อย่างไรก็ตามเรายังมีมุมมอง “ระมัดระวัง” ต่อการลงทุนในรอบนี้ เนื่องจาก 1) แรงขายจากต่างชาติยังหนาแน่นต่อเนื่องในตลาดหุ้นไทย 2) Valuation ของตลาดหุ้นไทยเทียบกับตลาดหุ้นอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ถือว่าเรายัง “แพง” โดยเปรียบเทียบ 3) ทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่าเหนือ 96 จุดต่อเนื่อง กดดันจิตวิทยาการลงทุนตลาดหุ้นเกิดใหม่ และ 4) ผลการดำเนินงานที่ทยอยประกาศออกมาของบริษัทจดทะเบียนไทยใกล้เคียงคาด โอกาสปรับประมาณการกำไรขึ้นจำกัด ทำให้เราประเมินกรอบแกว่งของ SET INDEX วันนี้ระหว่าง 1630-1650/55 จุด ทั้งนี้ติดตาม GDP ใน 3Q61 ของสหรัฐฯ รอบแรกคืนวันนี้ Bloomberg consensus คาด 3.3% QoQ 
  ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามต่อเนื่องถึงสัปดาห์หน้าได้แก่ 1) การประมูลคลื่น 900MHz ในวันที่ 28 ต.ค.นี้ ซึ่งมีเพียง DTAC เข้าประมูลเพียงรายเดียว 2) ติดตามรายละเอียดกรอบการปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของธปท.ช่วงต้นเดือนพ.ย. อาจทำให้เกิด Buy on Fact ในกลุ่มอสังหาฯ ได้เช่นกัน หลังปรับตัวลง 6.72% ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา 3) การประชุมธนาคารกลาง BOJ / BOE 4) การประกาศงบการเงิน 3Q61 ของ ADVANC/ INTUCH / SPRC 5) ติดตามการประชุมครม.ที่อาจพิจารณาแผนการลงทุนขนาดใหญ่ที่รออยู่อีกหลายโครงการ รวมถึงมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว หลังรองนายกฯ สมคิดเร่งผลักดันให้รีบเสนอแผนอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งประเด็นนี้จะเป็นบวกต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และท่องเที่ยวรวมถึง AOT และ 6) รายงานเศรษฐกิจไทยเดือนก.ย.ของธปท.วันที่ 31 ต.ค. ทั้งนี้จับตาตัวเลขการบริโภค / การลงทุนภาคเอกชน ที่เป็นตัวแปรสำคัญผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2562 
  กลยุทธ์ช่วงสั้นนี้ เราแนะนำให้นักลงทุนขายทำกำไรในส่วนของการเก็งกำไรรอบสั้นและถือเงินสด หรือหมุนเข้าหาหุ้นขนาดกลางที่ Valuation ถือหรืองบการเงินเด่น เช่น GPSC/ DTAC/ QH/ BANPU/ ADVANC/ TRUE/ TFG เป็นต้น
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
   วานนี้ SET INDEX ลงไปทดสอบแนวรับที่บริเวณ 1596.40 จุด (-26.97 จุด) ก่อนฟื้นตัวขึ้นมาปิดที่ 1644.33 จุด (+20.96 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 7.6 หมื่นล้านบาท
  กระแสเงินทุน : กลุ่มสถาบันในประเทศเป็นผู้ซื้อสุทธิหลักราว 4.4 พันล้านบาท ขณะที่กลุ่มนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิเป็นวันที่ 16 อีกราว 4.1 พันล้านบาท รวม 16 วันทำการขายสุทธิสะสมกว่า 5.8 หมื่นล้านบาท ด้านตลาด SET50 Index Futures กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศและบัญชี บล. มีสถานะ Short สุทธิวันแรกในรอบ 7 วันทำการราว 378 สัญญา ส่งผลให้ QTD มีสถานะ Long สุทธิสะสมคงเหลือ 4.3 หมื่นสัญญา สวนทางกับกลุ่มนักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Long สุทธิเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการราว 6 พันสัญญา ส่งผลให้ QTD มีสถานะ Short สุทธิคงเหลือ 2.9 หมื่นสัญญา 
  ตลาดตราสารหนี้ : นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 อีกราว 1.8 พันล้านบาท รวม 2 วันทำการซื้อสุทธิสะสมกว่า 9 พันล้านบาท ขณะที่ค่าเงินบาททรงตัวอยู่ที่ระดับ THB32.90/USD
ปัจจัยสำคัญวันนี้
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยและประกาศเข้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) วงเงิน EUR1.5 หมื่นล้าน/เดือน จนถึงสิ้นเดือน ธ.ค. 2561
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯรายงานยอดขาดดุลทางการค้าในเดือน ก.ย. 2561 เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ที่ระดับ US$7.6 หมื่นล้าน
แหล่งข่าวเผยสหรัฐฯจะไม่เจรจาประเด็นความขัดแย้งทางการค้ากับจีน จนกว่าจีนจะเสนอแผนยุติการโจรกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐฯ
ติดตามการรายงาน GDP 3Q61 ของสหรัฐฯ ครั้งที่ 1 ตลาดคาดขยายตัว 3.3% YoY วันที่ 26 ต.ค.
ติดตามการรายงานผลประกอบการ 3Q61 ของ DELTA ในวันนี้
ติดตามการประชุมระหว่างญี่ปุ่นและจีนในวันที่ 27 ต.ค. 2561
ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า
ติดตามอัตราเงินเฟ้อ PCE เดือน ก.ย. ของสหรัฐฯ ตลาดคาดขยายตัว 2.0% YoY วันที่ 29 ต.ค.
ติดตามการรายงาน GDP 3Q61 ของอียู ตลาดคาดขยายตัว 1.8% YoY วันที่ 30 ต.ค.
ติดตามการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) วันที่ 30 - 31 ต.ค.
ติดตามการรายงานเงินเฟ้ออียู เดือน ต.ค. และการรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยของธปท. วันที่ 31 ต.ค.
ติดตามการรายงานเงินเฟ้อไทยเดือนต.ค. ตลาดคาดขยายตัว 1.32% YoY และการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) วันที่ 1 พ.ย.
ติดตามการรายงานภาวะตลาดแรงงานของสหรัฐฯ วันที่ 2 พ.ย.
 
Strategist Team
  Mayuree Chowvikran, CISA   Head of Research 662-009-8050 
  Padon Vannarat          Strategist 662-009-8060
  Piyapat Patarapuvadol         Strategist 662-009-8062 
  Nutt Treepoonsuk             Strategist  662-009-8059
OO15473

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!