บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

“ ตลาดทั่วโลกถูกขายลดความเสี่ยง ”
SET Recap
  SET ปิดที่ระดับ 1,623.37 จุด ลดลง 35.19 จุด (-2.12%) มูลค่าการซื้อขาย 65,323 ล้านบาท ตลาดหุ้นเผชิญแรงกดดันนอกประเทศเป็นหลักจากปัจจัยจากความกังวลผลกระทบสงครามการค้า ปัญหาแผนงบประมาณอิตาลีและความกังวลในเรื่อง Brexit รวมถึงการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯที่ทำให้เงินทุนไหลออกจากตลาดหุ้นมาก่อนหน้านี้แล้ว ปัจจัยภายในประเทศตัวเลขส่งออกลดลงส่งผลลบต่อตลาดหุ้น

SET Outlook
  คาดดัชนีฯมีแนวโน้มลดลงต่อ ความวิตกต่อกำไรตลาด(สหรัฐฯ) แนวโน้มเศรษฐกิจจากผลของสงครามการค้า ยังเป็นตัวแปรที่ทำให้นักลงทุนเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์ที่เสี่ยงสูง ....... ความกังวลต่อผลประกอบการของบริษัทในตลาดที่ก่อตัวขึ้นมาตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ ส่งผลลบต่อตลาดมากขึ้นและชี้ว่าสงครามการค้ามีผลกระทบต่อภาคธุรกิจของประเทศที่เกี่ยวข้อง (จีน-สหรัฐฯ-ไทย) กอรปกับมีปัจจัยลบที่มีอยู่เดิม เช่น ดอกเบี้ยขึ้น และราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมามาก หนุนความเสี่ยงของตลาดให้เพิ่มขึ้น นักลงทุนเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง โดยราคา พันธบัตร-เงินเยน-ทองคำ ยังเป็น safe haven อยู่ต่อไป นี่คือปัจจัยลบที่จะกดดัชนีฯให้มีแนวโน้มอ่อนตัวลง โดยเรามองกรอบแนวรับสำคัญไว้ที่ 1590-1600 จุด ....... ตัวแปรอื่นๆ ราคาน้ำมันดิบ Brent เช้านี้ $75.5 ยังคงเป็นลบต่อหุ้นกลุ่มน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ (ยกเว้น ทองคำ) นักลงทุนกำลังจับตาดูทิศทางการเมืองและการเลือกตั้งว่าผู้มีชัยจะเป็นพรรคใด ขณะที่การรายงานผลประกอบการของบริษัทในตลาด จะทำให้นักลงทุนให้ความสนใจเป็นรายตัว

Recommendation
  ทิศทางตลาดยังมีโอกาสอ่อนตัวลง กลยุทธ์ยังคงเป็น “ชะลอการลงทุน เพิ่มการถือเงินสด “ หุ้นที่ยังมีความเสี่ยงจะมีทั้งหุ้นที่มีปัจจัยลบ หรือแนวโน้มกำไร q3 ออกมาไม่ดี หรือหุ้นที่มี P/E สูง เพราะนักลงทุนอาจเลือกขายทำกำไรออกไปก่อน .... การเลือกหุ้นเข้าลงทุน เน้นหุ้นที่มีความเป็น Defensive และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและรอดูจังหวะซื้อเมื่อตลาดเริ่มยืนได้ หุ้นที่เราเลือกมา ประกอบด้วย GULF , MTC, KKP, QH , CPN

Technical : CPF, STEC (Short Against Port), UREKA

* เป็นหุ้นที่แนะนำโดย KTBST ยังไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์

Mongkol Puangpetra (ทะเบียนนักวิเคราะห์ 1937) & Fundamental Research Team