SET Recap 

  SET ปิดที่ระดับ 1,658.56 จุด ลดลง 9.35 จุด (- 0.56%) มูลค่าการซื้อขาย 40,735.29 ล้านบาท แรงกดดันของตลาดที่มาจากผลกระทบในการปรับขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯและสงครามการค้า ทางด้านปัจจัยภายในประเทศ ส่งออกไทยที่ลดลง รวมถึงผลกระทบจากจีนที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจของไทย

 

  คาดดัชนีฯ มีแนวโน้มอ่อนตัว แม้ตลาดเอเซียเช้านี้เริ่มฟื้น ความกังวลผลกระทบสงครามการค้าและอื่นๆ กดดันให้นักลงทุนเลี่ยงสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง ......  วานนี้ ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงตามตลาดเอเซีย Bloomberg World Index ลดลง 1.1% และ MSCI EM ลดลง 2.2% จากตัวแปรเดิมคือสงครามการค้าที่กระทบเศรษฐกิจหลายประเทศรวมทั้งจีน และความกังวลต่อปัญหาที่อียูยังไม่ยอมรับแผนงบประมาณของอิตาลีและความกังวลเรื่อง Brexit ขณะที่แนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯนั้นทำให้เงินทุนไหลออกจากตลาดต่างๆ มาก่อนหน้านี้แล้ว และดัชนีฯตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ Dow Jones ติดลบมากที่สุดถึง 549 จุด ในระหว่างการซื้อขาย แม้จะเป็นความกังวลในเรื่องผลประกอบการของบางบริษัทแต่มีผลลบมาถึงตลาดอื่นๆด้วย เนื่องจากเป็นสัญญาณว่ากำไรของตลาดหุ้นสหรัฐฯนั้นอาจเริ่มชะลอตัวลง .......  ราคาน้ำมันดิบ Brent เช้านี้ $76 เหรียญ หลังมีสัญญาณว่า OPEC จะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน เป็นตัวถ่วงหุ้นกลุ่มน้ำมัน-สินค้าโภคภัฑณ์ต่อในวันนี้ ....... ปัจจัยในประเทศ ตัวเลขส่งออก(ไม่รวมทองคำ) ลดลง 0.8% YoY แต่ส่งออกสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมหลัก(รถ+อีเล็คฯ) และส่งออกไปจีนลดลง ยังคงเป็นลบต่อตลาดหุ้นด้วย วันนี้ SCC จะรายงานกำไร 3Q  ทาง KTBST คาดกำไร 10,597 ลบ. และวันนี้จะมีประชุม ครม. ติดตามวาระที่เกี่ยวข้องการเศรษฐกิจ

 

  ทิศทางตลาดยังมีโอกาสอ่อนตัวลง จากปัจจัยภายนอกที่สำคัญคือแนวโน้มเศรษฐกิจจากผลของสงครามการค้า กลยุทธ์ยังคงเป็น “ชะลอการลงทุน”  หุ้นที่ยังมีความเสี่ยงจะมีทั้งหุ้นที่มีปัจจัยลบหรือแนวโน้มกำไร q3 ออกมาไม่ดี หรือห้นที่มี P/E สูง เพราะนักลงทุนอาจเลือกขายทำกำไรออกไปก่อน .....  ขณะที่การเลือกหุ้นเข้าลงทุน เน้นหุ้นที่มีความเป็น Defensive และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และรอดูจังหวะซื้อเมื่อตลาดเริ่มยืนได้ (แนวรับสำคัญ 1650 ,1620) .….. หุ้นที่เราเลือกมา  ประกอบด้วย  GULF , CPN, KCE , MTC และ SSP

  Technical : AMATA, GPSC, TPCH

  * เป็นหุ้นที่แนะนำโดย KTBST ยังไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์