- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 24 October 2018 16:51
- Hits: 6858
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market summary
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา SET ผันผวนโดยในช่วงเช้ามีแรงขายเด่นในกลุ่มโรงไฟฟ้าอย่าง BCPG, CKP, BGRIM และโรงกลั่น BCP, IRPC, SPRC และหุ้นใหม่อย่าง OSP, BGC อย่างไรก็ตามในช่วงบ่ายมีแรงซื้อใน KBANK, AOT ณ สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,658.5 จุด (-9.3 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 4.0 หมื่นลบ. ลดลงจากวันก่อนหน้าที่ 6.2 หมื่นลบ.
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยเป็นวันที่ 14 ติดต่อกันที่ 61 ล้านบาท (และขายรวมกัน 13 วันทำการมากกว่า 5.0 หมื่นล้านบาท) และเปิดสถานะ Short SET50 index future สุทธิ 2,880 สัญญา
Investment theme
เริ่มเห็นสัญญาณการชะลอตัวของเครื่องยนต์สำคัญของประเทศ : ใน 14 เดือนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นกว่า 280 จุด จากอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่เติบโตสูงในระดับ 4 - 4.90% สนับสนุนจากภาคการส่งออก (คิดเป็นสัดส่วนสูงกว่า 60%) ที่เติบโตสูงกว่า 7-17% และภาคการท่องเที่ยวที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวทำระดับสูงสุดอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ภายหลังเกิดการกีดกันการค้า (trade war) ระหว่างสหรัฐ-จีน ล่าสุดเราเริ่มเห็นผลกระทบผ่านการส่งออกของไทย ที่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์รายงานตัวเลขส่งออกเดือนกันยายนติบลบเป็นครั้งแรกในรอบ 19 เดือน ที่ 5.2% (ตลาดคาด +5.6%) เป็นผลจากการส่งออกรถยนต์ และส่วนประกอบ -7.4% โดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยระบุว่ายุโรปย้ายฐานการนำเข้ารถยนต์บางส่วนไปยังตุรกี เนื่องจากภาษีนำเข้าถูกกว่าการนำเข้าจากประเทศไทย และหากนับรายประเทศพบว่าส่งออกไปจีนลดลงมากกว่า 14% ภาพดังกล่าวสอดคล้องกับมุมมองที่เราประเมิน กล่าวคือเริ่มเห็นสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยกลุ่มประเทศที่มีสัดส่วนการลงออก/ GDP สูงอย่างหลายประเทศใน Asean และ EM จะได้รับผลกระทบก่อน
Investment Theme: แนะนักลงทุนให้เพิ่มความระมัดระวัง ถือเงินสดไม่ต่ำกว่า 40% และจากปัจจัยลบจากการชะลอตัวของภาคการท่องเที่ยวและการส่งออก เป็นอีกหนึ่งปัจจัยกดดันการลงทุนในระยะสั้น ประเมิน SET ปรับฐานในกรอบ 1,620-1,670 จุด จนกว่าจะเห็นปัจจัยสนับสนุนใหม่จากทั้งต่างประเทศและในประเทศ แนะทยอยสะสมกลุ่มค้าปลีกที่มีหลายปัจจัยสนับสนุน และคาดรัฐออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ (CPALL, BJC) กลุ่มก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง (TEAMG, STEC, SCCC)
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – Brent ปรับตัวลงมากกว่า 4% ที่ 76.1เหรียญ / บาร์เรล ภายหลังซาอุเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเป็น 11 ล้านบาร์เรล ต่อวัน / EU คว่ำร่างงบประมาณอิตาลี / ค่าการกลั่นลด 11% เหลือ 4.4เหรียญ/บาร์เรล
Stock pick : -
Trading idea – ทยอยสะสม BJC คาดผลประกอบการเติบโต 23%QoQ, 17%YoY ที่ 1,615 ล้านบาท จากการขยายกำลังการผลิตขวดแก้ว และ Margin(%) ที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่คาด SSSG จาก BIGC พลิกมาบวกที่ 2.5% (จาก -0.5% ในไตรมาสก่อน) / สะสม CPALL บริเวณ 65.0 บาท / เก็งกำไร STEC คาดกำไร 3Q18 เติบโตเด่น YoY, QoQ พร้อมให้เป็น stock pick กลุ่มก่อสร้าง ราคาเป้าหมาย 29.0 บาท / ทยอยสะสม BEM คาดผลประกอบการ Q3 ทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์/ /หลีกเลี่ยงการลงทุนกลุ่มท่องเที่ยว AOT, CENTEL
Technical View
ปิดหลุด 1665 มองแนวรับถัดไปที่ 1640 : ดัชนีปรับตัวลงติดต่อกัน 4 วัน และปิดหลุดแนวรับสำคัญที่ 1665 ทำให้ Downside เปิดมากขึ้น เนื่องจากแนวโน้มระยะกลางเปลี่ยนเป็น “ขาลง” ขณะนี้ยังแนะนำให้ชะลอการเก็งกำไร และพิจารณการหยุดลงหรือแรง Rebound ที่ชัดเจนบริเวณแนวรับถัดไปที่ 1640 และ 1600 ตามลำดับ โดยระหว่างวันหากปรับตัวหลุด Low 1655 Downside จะเปิดมากขึ้น แนะนำ Stop Loss
กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น : หากหลุด 1655 แนะนำ Stop Loss หรือหาก Rebound ระหว่างวันแนะนำขายทำกำไรทันที 2) ไม่มีหุ้น : แนะนำ เลิกเก็งกำไร และรอดูแนวโน้มตามแนวรับจนกว่าดัชนีจะเริ่มหยุดลงหรือมีสัญญาณ Rebound ที่ชัดเจนกว่านี้
แนวรับ : 1640, 1655 แนวต้าน : 1665, 1670
Keep an eye on…
ปัจจัยต่างประเทศ: 24 ต.ค. ยุโรปรายงาน PMI การผลิต / 26 ต.ค. สหรัฐรายงาน GDP ไตรมาส 3 / จีนเตรียมออกมาตรการพยุงดัชนีหลักทรัพย์
ปัจจัยในประเทศ: สัปดาห์นี้ SCC, PTTEP รายงานงบ
หุ้นเทคนิค:
HMPRO (B 14.80-15.00, Tp 15.50//16.00, Cut 14.50)
THANI (B 8.60-8.75, Tp 9.20//9.50, Cut 8.50)
นักวิเคราะห์ : สรพล วีระเมธีกุล / วิจิตร อารยะพิศิษฐ / จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์
Research Department Tel. 02-658-5000
OO15346