หุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัวหลังบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งรายงานผลประกอบการแข็งแกร่งและดีกว่าคาด อย่างไรก็ตามแนวโน้มการแข็งค่าของเงินเหรียญสหรัฐฯ จากรายงานการประชุมเฟดที่ยังชี้ถึงทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯที่ยืนในระดับ 3.2% เริ่มสร่างผลกระทบต่อตลาดเกิดใหม่ (EMs) เนื่องจากการมีหนี้ในสกุลเงินสหรัฐฯในระดับ 70-80% ดังนั้นการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะสร้างภาระดอกเบี้ยเพิ่ม ขณะที่การอ่อนค่าของสกุลเงินในตลาดเกิดใหม่ จะซ้ำเติมภาระของการคืนเงินต้น สถานการณ์ดังกล่าวเมื่อประกอบกับทิศทางสถาพคล่องของธนาคารขนาดใหญ่ของโลกที่จะลดลงหลัง QE ยุโรปและญี่ปุ่นทยอยหมด จะทำให้ตลาดเกิดใหม่ ยังเสี่ยงต่อการถูกปรับลดน้ำหนัก 

  สำหรับหุ้นไทย กลุ่มธนาคารรายงานผลประกอบการเป็นไปตามคาด กลุ่มพลังงานมีความเสี่ยงปรับลดลงจากความผันผวนระยะสั้น แต่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ขยับขึ้นตามเงินเฟ้อ ทำให้น้ำมันเป็นสินทรัพย์ที่มีแนวโน้มปรับขึ้นและเป็นที่พักของเงินในช่วงที่ตลาดพันธบัตรโลกมีความเสี่ยงต่อความปั่นป่วนในช่วง 6 เดือนข้างหน้า การลงทุนเน้นเลือกหุ้นขนาดใหญ่พื้นฐานดี และซื้อในจังหวะปรับลงแรงตามแนวรับสำคัญๆ 

  Downside ของ SET Index หากประเมินด้วยการเติบโตปี 2562 และใช้สมมติฐานการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯ อย่างเต็มที่ ปีนี้ 4 ครั้ง ปีหน้า 3 ครั้ง จะได้กรอบการซื้อขายที่ 1620-1856 จุด ดังนั้นการปรับลดลงของดัชนีเข้าใกล้กรอบล่างดังกล่าวจะเป็นจุดเสี่ยงซื้อที่สำคัญรอบนี้

Investment Theme หุ้นใหญ่และกลุ่มหุ้นเลือกตั้ง BBL, SCB, STEC, CPALL, AMATA/ หุ้นเล็กที่น่าสนใจ GUNKUL*, DTC*, EASTW*, AEONTS* / หุ้นกระแสเงินสดมั่นคง-ปันผล CPNREIT, CPN, PSH, AP, SPF*, EA, BCPG 

ภาพรวมกลยุทธ์: เพิ่มความระวังหุ้นกลาง-เล็กที่คาดการณืผลการดำเนินงานไม่ได้ ซื้อขายที่แนวรับและเลือกเก็งกำไรเมื่ออ่อนตัว ถือหุ้นที่มี หรือทยอยสะสมหุ้นใหญ่ // หุ้นแนะนำวันนี้ BCP / เก็งกำไร BGC* (เป้า 13.00 ตัดขาดทุน 11.80), JWD* (เป้า 8.00 ตัดขาดทุน 7.2)

แนวรับ 1666 และ 1620 / แนวต้าน : 1680 จุด สัดส่วน : เงินสด 30% : พอร์ตหุ้น 70%

 

  อุทธรณ์แวตรีฟันด์ - สมาคมผู้ค้าปลีกไทยยื่นอุทธรณ์กรมสรรพากร ยืนยันขอทำจุดคืนภาษี 5 แห่ง ตามแผนเดิม

  ต่างชาติทิ้งหุ้น 2 แสนล. - โบรกเกอร์ต่างชาติทิ้งหุ้นไทย 9 เดือน ทะลุ 2.58 แสนล้าน ซีแอลเอสเอแชมป์ขายมากสุด 3.56 หมื่นล้าน จับตาจีดีพีสหรัฐหากดี ทุบหุ้นป่วน

  TFFIF ปรับพอร์ตรายย่อย 50% - สคร.ฟันธงฟิวเจอร์ฟันด์ ขายหมด 4.5 หมื่นล้าน ทั้งรายย่อย นัก-ลงทุนจองทะลุเป้า เตรียมออกกอง 2 ในครึ่งแรกปี 2562 นี้

  ธอส.สั่งเคาะพ.ย.นี้บ้านคนจนล้านหลัง - ธอส.เตรียมเชิญนายกฯ ประธานเปิดโครงการปล่อยกู้ 6 หมื่นล้าน ให้ผู้มีรายได้น้อยได้ซื้อบ้านราคาไม่เกิน 1 ล้าน

  CPALL - ธนาคารกสิกรไทยเผยผู้ค้าออนไลน์ทำธุรกรรมผ่านไปรษณีย์กว่าพันรายการต่อวัน เล็งขยายโปร 10 บาทหลังจบสิ้นปี เตรียมจีบเซเว่นฯ

  จี้อสังหา - แคปปิตอลหวั่นนักลงทุนจีนแห่ซื้อเหมาอสังหาฯ เสี่ยงไม่โอนกรรมสิทธิ์ สร้างตัวเลขดีมานด์เทียม ผู้ประกอบการอาจเกิดสต๊อกเหลือขาย แนะรัฐเร่งออกไลเซนส์ตัวแทนขายอสังหาฯ ยกมาตรฐานวิชาชีพ

 

ประเด็นติดตาม: 25 ต.ค. – ประชุมนโยบายการเงินยุโรป, 26 ต.ค. – US GDP ไตรมาส 3/61 

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)

 

25 ต.ค. – ประชุมนโยบายการเงินยุโรป

26 ต.ค. – US GDP ไตรมาส 3/61

 

ประเด็นลงทุนสำหรับหุ้นแนะนำ

 

BCP (42) : คาดผลการดำเนินงานไตรมาส 3/61 ออกมาดีทั้งจากโรงกลั่นและด้านพลังงานทดแทน ขณะที่ปี 2562 คาดกำไรเติบโตขึ้น 33% จากการใช้กำลังการผลิตได้เต็มที่

JWD* (8.00) : เก็งกำไรแบบตั้งจุดตัดขาดทุนที่ 7.20 บาท

BGC* (13) : เก็งกำไรแบบตั้งจุดตัดขาดทุนที่ 11.80 บาท

หุ้นที่น่าสนใจอื่นๆ: SVI, EASTW*, BH* (ควรตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5%)