- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 19 September 2014 18:33
- Hits: 1843
บล.โกลเบล็ก : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market View : Morning Star
Technical : แนวรับ : 1,578 /1,564 / 1,551 แนวต้าน : 1,585 / 1,591
หุ้นแนะนำพิเศษ : QH แนวรับ 4.20/4.10 แนวต้าน 4.40/4.48
หุ้นเด่นรายวัน : PTT PACE HMPRO
วันพฤหัสบดีตลาดหุ้นไทยบวกแรง ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,584.23 จุด เพิ่มขึ้น 13.59 จุด(+0.87%) มูลค่าการซื้อขาย 48,974.27 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติพลิกเป็นขายสุทธิ 94.43 ล้านบาท
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย ทางฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็กฯ คาดมีแนวโน้มผันผวนในกรอบ 1,553-1,601 แรงซื้อคืนกลับเข้าตลาดเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้นักลงทุนคลายความกังวลหลังเฟดไม่ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและคาดหวังนักลงทุนต่างชาติจะกลับเข้าซื้อถือเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยการปรับยืน 1,580 ได้มั่นคงจะสร้างความมั่นใจต่อแนวโน้มการทดสอบจุดสูงรอบที่ผ่านมา ในขณะที่ SET50 ระยะสั้นยืนเหนือ 1,055 ได้มั่นคงเป็นการยืนยันการกลับตัวทางเทคนิครูปแบบMorning Star แนวต้าน 1,064-1,065 GFV14 เก็งกำไรในกรอบ 18,660-18,990 GFZ14 เก็งกำไรในกรอบ 18,720-19,050
กลยุทธ์ ตลาดมีแนวโน้มเชิงบวกเพิ่มมากขึ้น หลังจากการปรับตัวลงตอบรับปัจจัยต่างประเทศ การกลับตัวขึ้นมีโอกาสที่จะทดสอบจุดสูงเดิมและมีแนวโน้มที่จะสร้างจุดสูงใหม่ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง SCP TASCO TPIPL SCC กลุ่มรับเหมา STEC CK กลุ่มอสังหาฯ RICHY UV SF LPN SPALI QH กลุ่มธนาคารมีแรงซื้อเพิ่มขึ้น และการเคลื่อนไหวของระดับราคามีแนวโน้มกลับตัวขึ้น KTB BBL KBANK TMB(ซื้อเก็งกำไร) หุ้นรายหลักทรัพย์ TOG PDG IVL EARTH TRUE ระยะกลาง ถือ / รอขายบางส่วน
หุ้นแนะนำพิเศษ
QH (ราคาปิด 4.30 ซื้อ เป้าหมาย 5.30) ปัจจัยพื้นฐานยังดีจากการมีสินค้าที่หลากหลายสำหรับลูกค้าทุกกลุ่ม อีกทั้งยังมีสินทรัพย์ที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มจากการถือหุ้น HMPRO(20%) และ LHBANK(22%) ซึ่งผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตดี นอกจากนี้ยังถือหุ้นในกองทุนรวม QHPF (26%) และ QHHR(31%) อีกด้วย กำไรครึ่งแรกปี 57 เท่ากับ 1.6 พันล้านบาท หดตัว 5% คิดเป็น 45% ของประมาณการทั้งปีที่ 3.6 พันล้านบาท ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณกำไรสุทธิปี 57 ตามเดิมที่ 3.6 พันล้านบาทซึ่งเติบโต 8% กำไรในช่วง 3Q57 มีแนวโน้มแผ่วลงจากการโอนคอนโดมิเนียมที่ยังไม่มากและจะปรับดีขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายที่มีแผนโอนคอนโดมิเนียมมากขึ้น สำหรับประมาณการปี 58 คาดรายได้ราว 2.22 หมื่นล้านบาทและกำไรราว 4 พันล้านบาทเติบโต 14%
หุ้นเด่นรายวัน
PTT (ปิด 350 ซื้อเป้าปี 57: 375) กระทรวงพลังงานออกมาตรการเร่งด่วนเตรียมปรับโครงสร้างราคาพลังงานให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง โดยจะทยอยปรับราคา LPG และ NGV ในภาคขนส่งตั้งแต่เดือนต.ค.นี้ เป็นต้นไป คาดเป็นบวกกับ PTT โดยเฉพาะการขึ้นราคา NGV ซึ่งเบื้องต้นเราประเมินว่าทุก 50 สตังค์ต่อก.ก.ที่มีการปรับขึ้นจะทำให้ PTT มีกำไรรวมเพิ่มขึ้น 1,600 ล้านบาทคิดเป็น 1.5%ของกำไรทั้งหมดและหากมีการปรับราคา NGV เพิ่มขึ้นจนเท่ากับต้นทุนที่แท้จริงในปัจจุบันที่ 15.5 บาท/ก.ก.จะทำให้ PTT มีกำไรสุทธิรวมเพิ่มขึ้นประมาณ 16,000 ล้านบาทคิดเป็น 15%ของกำไรสุทธิรวมในปีนี้และจะเพิ่มมูลค่าเหมาะสมให้กับ PTT อีก 58 บาท/หุ้น
PACE (ราคาปิด 4.08 ซื้อเก็งกำไร) เปิดตัวห้องตัวอย่างใหม่ในโครงการคอนโดมิเนียมหานครแบบ 3 ห้องนอน ราคาเริ่มต้น 60 ล้านบาท ทำให้ได้ยอดขายเพิ่มขึ้นอีกกว่า 300 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัททำยอดขายห้องชุดพักอาศัยแบรนด์ เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอก ในโครงการมหานครได้แล้วกว่า 60% และในช่วงครึ่งแรกของปีทำยอดขายได้อย่างต่อเนื่องหลังจากโครงการมหานครเปลี่ยนกรรมสิทธิ์เป็นแบบ freehold จากเดิม leasehold
HMPRO (ราคาปิด 10.20 ซื้อ เป้าหมาย 12.30) ได้รับอานิสงส์จากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซันในช่วงครึ่งปีหลังที่มีงานโฮมโปรเอ๊กซ์โป และการเปิดสาขาใหม่ต่อเนื่องและสาขาเดิมที่รายได้ยังเติบโตดี
รายชื่อหลักทรัพย์ที่ติดเกณฑ์บัญชี Cash Balance
*ADAM/ SLC / IFEC / AJD มีผลบังคับใช้ 13 ส.ค. - 19 ก.ย.57
* TH มีผลบังคับใช้ 4 ส.ค. - 26 ก.ย. 57
* AJP/ SOLAR / SUPER /VIH มีผลบังคับใช้ 25 ส.ค. - 3 ต.ค.57
* ACD / DIMET / EMC / EVER / GENCO / SST / TAKUNI มีผลบังคับใช้ 1 ก.ย. - 10 ต.ค. 57
* BKD / CSS / SUPER-W1 / TFI มีผลบังคับใช้ 8 ก.ย. - 17 ต.ค. 57
* ABC / BMCL / E / EE / KC / MAX / NUSA / RASA / RPC มีผลบังคับใช้ 15 ก.ย. - 24 ต.ค. 57
/ SEAOIL / SPVI
***เนื่องจากการลงทุนในหลักทรัพย์ ดังกล่าวมีการซื้อขายผิดไปจากสภาพปกติของตลาดดังนั้นผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ
ตลาดหุ้นดาวโจนส์ : เพิ่มขึ้น 109.24 จุด
ดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์ปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้น 109.14 จุด เนื่องจากนักลงทุนยังขานรับที่ เฟด ส่งสัญญาว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐที่ลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 13 ก.ย. ของสหรัฐปรับตัวลง 36,000 ราย สู่ระดับ 280,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. และลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 305,000 ราย ทำให้ปิดตลาดดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 109.14 จุด หรือ +0.64% ปิดที่ 17,265.99 จุด ดัชนี NASDAQ เพิ่มขึ้น 31.24 จุด หรือ +0.68% ปิดที่ 4,593.43 จุด ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 9.79 จุด หรือ +0.49% ปิดที่ 2,011.36 จุด
ตลาดน้ำมัน NYMEX : ลดลง 1.35 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบที่ตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 1.35 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักอื่นๆซึ่งเป็นผลจากรายงานผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 13 ก.ย. ของสหรัฐที่ปรับตัวลง 36,000 ราย สู่ระดับ 280,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. และลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 305,000 ราย นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของอุปสงค์พลังงานในสหรัฐ EIAรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 12 ก.ย. พุ่งขึ้น 3.7 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะร่วงลง 1.2 ล้านบาร์เรล ทำให้ปิดตลาดราคาน้ำมันดิบที่ตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 1.35 ดอลลาร์ ปิดที่ 93.07 ดอลลาร์/บาร์เรลส่วนน้ำมันดิบ BRENT ลดลง 1.27 ดอลลาร์ ปิดที่ 97.7 ดอลลาร์/บาร์เรล
Analyst :
ธวัชชัย 02-6725993 [email protected]
วิลาสินี 02-6725937 [email protected]
อาทิตย์ [email protected]
Assistant : ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์