SET ปิดที่ระดับ 1,682.91 จุด ลดลง 12.13 จุด (- 0.72%) มูลค่าการซื้อขาย 46,194.76 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแรงช่วงปลาย จากความกังวลเรื่องทิศทางดอกเบี้ย ซึ่งมีความเสี่ยงให้เงินทุนไหลออก ปัจจัยในประเทศจะเป็นเรื่องการการรายงานกำไรของธนาคาร และทิศทางการเมือง

 

SET Outlook

  คาดดัชนีฯ มีแนวโน้มอ่อนตัวลงต่อหลังความกังวลสองเรื่องใหญ่ยังไม่จางลง คือ ผลกระทบ Trade War และ Fed จะปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง .....  แม้ตลาดจะรับรู้ผลกระทบทั้งสองเรื่องมาแล้ว แต่เมื่อผนวกสองเรื่องรวมกัน กลายเป็นว่า เศรษฐกิจ(โลก) อาจชะลอตัวแต่ดอกเบี้ยมีทิศทางสูงขึ้น ดูแล้วเป็นลบต่อทั้งสหรัฐฯ และตลาดหุ้นอื่นๆ และเป็นเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา  Bond Yield  ระยะ 2 ปีของสหรัฐฯ เดินหน้าขึ้นมาแตะ 2.91% อีกครั้งบ่งชี้ว่านักลงทุนมองดอกเบี้ยสหรัฐฯขึ้น และตลาดหุ้น-ค่าเงิน Emerging market ปรับตัวลง ซึ่งจะส่งผลลบมาถึงตลาดหุ้นไทยวันนี้ด้วย .....  ด้านยุโรป ยังมีความเสี่ยงในเรื่องของ BRExit และแผนงบประมาณของอิตาลีที่เสนอต่ออียู ....... ราคาน้ำมันดิบ Brent ลงมาที่ $79 เหรียญอีกครั้ง ประเด็นสหรัฐฯ-ซาอุฯ ยังไม่จบ แต่น้ำหนักในทางลบต่อราคาน้ำมันมีมากกว่า (ดอลล่าร์แข็งค่า กังวลเศรษฐกิจ) .....  ปัจจัยในประเทศ กำหนดวันเลือกตั้งไทย ที่นายกฯเผยที่การประชุม Asia-Europe เช้านี้ว่า  ก.พ.-พ.ค.62 นั้นทำให้นักลงทุนจับตาดูในเรื่องนี้มากขึ้น ... การรายงานผลประกอบการของหุ้นธนาคารในวันนี้ จะเป็นปัจจัยเฉพาะตัว ....  เช้านี้ ตัวเลข GDP q3 ของจีนมีผลต่อตลาดด้วย (คาด 6.6% ; ไตรมาสก่อน 6.7%)

 

  ดัชนีฯกลับลงมาใกล้ระดับ 1680 จุดอีกครั้ง จากความกังวลในตลาดหุ้นสหรัฐฯที่กลับมา ทำให้ตลาดดูจะมีความเสี่ยงในช่วงสั้นๆ รวมนักลงทุนอาจเพ่งไปที่กำหนดวันเลือกตั้งของไทยเองว่าเป็นในวันใด .....   กลยุทธ์ของเรา ควรมองจุด cut หรือลดพอร์ตหากดัชนีฯลงไปต่ำกว่า 1673 หรือ low ของสัปดาห์ก่อน ส่วนจังหวะการเข้าสะสมหุ้นควรรอให้ตลาดมีความนิ่งก่อน .....  หุ้น Top Pick ของวันนี้ เนื่องจากตลาดไม่เอื้อนัก เราเน้น “ถือ” มากกว่าซื้อเข้า หุ้นหลักๆ  มีการปรับจากที่แนะนำในวันก่อนไปบ้าง  ประกอบด้วย SCB ,  BEM*, HANA,  PTT* , ESSO*

 

  * เป็นหุ้นที่แนะนำโดย KTBST ยังไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์