- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 19 October 2018 17:42
- Hits: 3844
บล.ฟินันเซียไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Stay in Domestic and Defensive Play
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัวในแดนลบตั้งแต่ช่วงเช้าเนื่องจากยังไร้ปัจจัยบวกใหม่ ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่ปรับลง ขณะที่ช่วงบ่ายเริ่มอ่อนตัวลงลึกขึ้นและปิดลบ 12.13 จุด ณ สิ้นวัน นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 12 ติดต่อกันอีก 3.1 พันลบ. (และ Short ใน Index Futures ราว 6.4 พันสัญญา) ขณะที่สถาบันในประเทศพลิกมาขายสุทธิ 603 ลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งตัวลงทดสอบแนวรับสำคัญบริเวณ 1,665-1,670 จุดอีกครั้งจากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบจากตลาดหุ้นทั่วโลกที่ร่วงแรงเมื่อคืน โดยถูกกดดันจากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ-ซาอุฯ ขณะที่ฝั่งยุโรปยังคงไม่มีความคืบหน้าประเด็น Brexit รวมถึงงบประมาณอิตาลีที่มีโอกาสถูก EU ปฏิเสธค่อนข้างสูง ส่งผลให้กระแสเงินทุนไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยทั้งทองคำ รวมถึงดอลลาร์สหรัฐฯที่แข็งค่าต่อเนื่อง เราคาดว่าหุ้นกลุ่ม Domestic น่าจะเคลื่อนไหวได้แข็งแรงกว่า Global Play
กลยุทธ์ : ยังเน้นลงทุนในหุ้น Domestic และ Defensive
หุ้นเด่นเดือนต.ค. : BDMS, CPALL, CPN, MINT, PTTGC
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$371ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากไต้หวัน US$139ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$97ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคหลังความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและซาอุรวมถึงจีน มีความตึงเครียด ขณะที่กังวลการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจาก Fed
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> BJC <<
แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 71 บาท
คาดกำไรสุทธิ 3Q18 ที่ 1,635 ลบ. +17.1% Q-Q, +17.9% Y-Y แรงสุดในกลุ่มค้าปลีก เพราะ BIGC ทำผลงานได้โดดเด่นจากการจัดโปรโมชั่น การเปิดสาขาใหม่ และการนับสต็อก ขณะที่ 4Q18 จะเป็นจุดสูงสุดของปี เพราะเป็น High Season และ run โรงแก้วแห่งที่ 5 เต็มไตรมาส อีกทั้ง คาดว่าการปรับโครงสร้างภาษีจะแล้วเสร็จด้วย
เป็นหุ้นที่ Outperform ตลาดในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา แต่ทั้ง PE และ PBV ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต จึงเป็นหุ้นที่คาดว่าจะชนะตลาดสำหรับการลงทุนในช่วง 1 เดือนข้างหน้านี้ได้
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) กลุ่มยานยนต์ ยอดผลิตรถยนต์ ก.ย. 18 อยู่ที่ 183,191 คัน +1% M-M แต่ -4% Y-Y ยอดขายในประเทศยังเร่งตัวขึ้นได้ดี 2% M-M และ 14% Y-Y ตามการฟื้นตัวของกำลังซื้อในประเทศและการออกรถรุ่นใหม่ของหลายยี่ห้อ ส่วนยอดส่งออก +2% M-M แต่ -14% Y-Y เพราะการส่งออกรถยนต์นั่งและรถกระบะลดลงเกือบทุกตลาดยกเว้นเอเชีย แอฟริกา และอเมริกากลาง+ใต้ เราให้น้ำหนักการลงทุนของกลุ่มเป็นกลาง แนะนำซื้อ SAT (ราคาเป้าหมาย 24.10 บาท) และ PCSGH (ราคาเป้าหมาย 11 บาท) ส่วน AH แนะนำหลีกเลี่ยง เพราะกำไร 2H18 จะชะลอกว่ากลุ่ม เนื่องจาก SGAH ยังขาดทุน และอาจมีตั้งด้อยค่าความนิยมอีกรอบ
(0) SCB กำไร 3Q18 ออกมาตามคาดที่ 1.05 หมื่นลบ. -5% Q-Q, +3.7% Y-Y โดยสินเชื่อ และ NPL Ratio ทรงตัวจากไตรมาสก่อน กำไรสุทธิ 9M18 อยู่ที่ 3.3 หมื่นลบ. ลดลง 2.8% Y-Y และเท่ากับ 80% ของประมาณการกำไรทั้งปีของเราที่ 4.12 หมื่นลบ. แนวโน้มกำไร 4Q18 น่าจะมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดในปี เราจึงคงประมาณการกำไรปี 2018 และคาดการณ์กำไรปี 2019 ที่ 4.64 หมื่นลบ. +12.5%Y-Y ปรับมาใช้ราคาเหมาะสมปี 2019 ที่ 158 บาท ปรับคำแนะนำเป็นซื้อ จากเดิมถือ
(0) BBL กำไร 3Q18 อยู่ที่ 9 พันลบ. -1.8%Q-Q แต่ +10.6%Y-Y น้อยกว่าที่เราคาดไว้เล็กน้อยเนื่องจากค่าใช้จ่ายสำรองฯที่มากกว่าคาดและรายได้ค่าธรรมเนียมที่น้อยกว่าคาด กำไร 9M18 อยู่ที่ 2.72 หมื่นลบ. +11%Y-Y คิดเป็น 76% ของประมาณการกำไรทั้งปี 2018 ที่คาดการณ์ 3.57 หมื่นลบ. (+8%Y-Y) ซึ่งเราคงประมาณการเนื่องจากแนวโน้มกำไร 4Q18 มีโอกาสชะลอหรือทรงตัว Q-Q เพราะเป็นฤดูกาลของค่าใช้จ่าย สำหรับประมาณการกำไรปี 2019 อยู่ที่ 3.8 หมื่นลบ. +7%Y-Y คาดปัจจัยสนับสนุคือการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ย (ตามอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น) และรายได้ค่าธรรมเนียมจากการขายประกันที่ฟื้นตัว คงคำแนะนำซื้อ ปรับมาใช้ราคาเหมาะสมปี 2019 ที่ 245 บาท
(0) TMB คงคำแนะนำซื้อ คงราคาเหมาะสมปี 2019 ที่ 2.64 บาท โดยประเด็นการลงทุนคือการจัดการคุณภาพหนี้ที่เข้มงวดที่เกิดขึ้นใน 3Q18 ผู้บริหารคาดว่าน่าจะเป็นการจัดชั้นหนี้อย่างเข้มงวดครั้งสุดท้ายพร้อมกับการตั้งสำรองฯรองรับ NPL และมาตรฐานบัญชี IFRS 9 ครบแล้ว จะทำให้ TMB มี upside จากการตั้งสำรองฯที่น้อยลงกว่าที่คาดในปี 2019 อีกทั้งราคาปัจจุบันซื้อขายไม่แพงโดยต่ำกว่า 2019 Prospective BVS ที่ 2.40 บาท และใกล้เคียง 2018 Prospective BVS ที่ 2.26 บาท ที่ Normalized ROE ที่ราว 10%
(0) SONIC เป็นผู้ให้บริการจัดการระบบโลจิสติกส์อย่างครบวงจรทั้งทางทะล ทางบก และอากาศ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าเป็นของตัวเอง โครงสร้างรายได้หลักปัจจุบันอยู่ที่บริการขนส่งทางทะเล และกำลังขยายธุรกิจไปยังบริการขนส่งทางอากาศที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง เราคาดว่ากำไรสุทธิปี 2018 โต 46% Y-Y อยู่ที่ 67 ลบ. และปี 2019-2020 โตเฉลี่ย 20% ต่อปี ปัจจัยหนุนมาจากภาพอุตสาหกรรม ที่ได้แรงส่งจากมูลค่าการนำเข้า-ส่งออกที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และการเพิ่มกำลังการให้บริการของ SONIC ทั้ง 3 ช่องทางการขนส่ง ประเมินราคาเป้าหมายปี 2019 โดยอิง PE Multiplier 20 เท่า ซึ่ง Implied จาก PEG ของอัตราการเติบโตในปี 2019-2021 ที่ 1 เท่า ได้เท่ากับ 3.00 บาท (FSS เป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น IPO ของ SONIC)
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
19 ต.ค.- ไทย: SONIC ซื้อขายวันแรก ราคา IPO 1.95 บาท
- จีน: 3Q18 GDP ตลาดคาด +6.6% Y-Y
24 ต.ค.- สหรัฐฯ: ยอดขายบ้านใหม่ (ก.ย. 18), Fed Beige book
25 ต.ค.- ยูโรโซน: ประชุม ECB
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลง หลังกำไรของหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมต่ำกว่าคาด รวมถึงข่าวการปรับอันดับ Credit Rating ของบริษัทในกลุ่มอสังหาฯลง
(-) ตลาดหุ้นยุโรปยังคงปรับตัวลงจากปัญหาเรื่องงบประมาณของอิตาลี ล่าสุดSpread Bond Yield ระหว่างเยอรมันและอิตาลี ปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 5 ปี
(-) ตลาดเอเชียเช้านี้ปรับตัวลง หลังค่าเงินหยวนของจีนยังคงอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ตลาดยังคงกังวลกับสภาพเศรษฐกิจในจีน
(+) ค่าเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 32.63 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ย. ลดลง 1.10 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 68.65ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลเรื่องสต็อคน้ำมันและ Demand ในปีหน้า
(-) ค่าการกลั่นสิงคโปร์ปรับตัวลงมาอยู่ที่ 4.66 ดอลลาร์/บาร์เรล
() ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.70 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1230.1 ดอลลาร์/ออนซ์
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com
FB : FINNANSIA SYRUS SECURITIES LINE : @fnsyrus
OO15226