ทยอยสะสมหุ้น Domestic Play / เก็งกำไรงบ 3Q61

 

  ราคาปิด 143.00 บาท

  ราคาเหมาะสม 165.00 บาท

          SCB รายงานกำไรสุทธิ 3Q61 ที่ 1.05 หมื่นล้านบาท +3.7% YoY ใกล้เคียงคาด โดยกำไรเพิ่มขึ้น YoY จากการตั้งสำรองที่ลดลง ขณะที่ NPL Ratio ทรงตัวที่ 3.3%

          เรามีมุมมองเป็นบวกมากขึ้นจากการตั้งสำรองที่ลดลง ส่งผลให้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2561 และ 2562 ขึ้น 7.3% และ 12.3% ตามลำดับ โดยคาดกำไรปี 2562 ที่ 4.6 หมื่นล้านบาท +7% YoY และปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2562 ที่ 165.00 บาท

 

  ราคาปิด 6.00 บาท

  ราคาเหมาะสม 8.50 บาท

          เรามองว่ากลุ่มสื่อสารเป็นที่พักเงินได้ดีในภาวะตลาดผันผวน เพราะเป็นกลุ่ม Defensive สังเกตจาก SET INDEX วานนี้ปรับตัวลง แต่หุ้นกลุ่มสื่อสารทรงตัวได้ดี 

          เราคาด TRUE จะรายงานกำไรปกติรายไตรมาสเป็นครั้งแรกใน 3Q61 จากรายได้กลุ่มมือถือโตถึง 9.6% YoY และการคุมค่าใช้จ่ายที่เข้มงวดส่งผลให้ SG&A ทรงตัว QoQ เรามองว่า Consensus จะมีมุมมองเป็นบวกมากขึ้นหลังรายงานงบ 3Q61

 

  ราคาปิด 4.12 บาท

  ราคาเหมาะสม 4.04 บาท

          เราคาดกำไรปกติ 3Q61 เติบโตเด่น QoQ เป็น 450-500 ลบ. จากราคาหมูและไก่ในประเทศที่ฟื้นตัว ขณะที่การส่งออกขยายตัวดี ด้วยแรงหนุนของค่าเงินบาทเฉลี่ยใน 3Q61 อ่อนค่าราว 3% QoQ นอกจากนี้กลุ่มส่งออกอาหารมีปัจจัยหนุน ได้แก่ (1) สิ้นสุดเทศกาลกินเจ ส่งผลให้ราคาหมูและไก่ในประเทศฟื้นตัว (2) เงินบาทกลับเป็นอ่อนค่าช่วยหนุน Sentiment ขณะที่ภาพทางเทคนิคทรงตัวเหนือ 4.00 บาท ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา คาดมีโอกาสขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 4.20-4.30 บาท

 

  ราคาปิด 24.40 บาท

  แนวต้านทางเทคนิค 25.00 บาท 

          ราคาหุ้นวานนี้ปิดที่เส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน จึงมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นทดสอบแนวต้านบริเวณ 25.00 บาท แนวรับ 24.10 บาท และ Stop loss หากต่ำกว่า 23.60 บาท

          เรามองว่าหุ้นกลุ่มส่งออกอาหารมี Sentiment บวกหลังผ่านพ้นเทศกาลกินเจ และเงินบาทอ่อนค่าลงเช้านี้เป็นวันที่ 2 เป็น Sentiment บวกต่อราคาหุ้น

 

Profit Taking : N.A.

 

          เรามีมุมมองต่อการลงทุนในวันสุดท้ายของสัปดาห์นี้ ซึ่งมีช่วงคาบเกี่ยววันหยุดในต้นสัปดาห์หน้าเป็น "กลางถึงลบ" พร้อมประเมินกรอบแกว่งระหว่าง 1,670-1,690 จุด พร้อมมูลค่าการซื้อขายที่อาจต่ำกว่า 4.0 หมื่นล้านบาทอีกครั้ง ด้วยปัจจัยกดดันจาก 1) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบราว 1-2% ซึ่ง CEO ของ Goldman Sachs ประเมินว่าเป็นผลจากโปรแกรมเทรดมากกว่าปัจจัยพื้นฐานการลงทุนปกติ 2) ราคาน้ำมันดิบ /ค่าการกลั่นปรับตัวลงแรงต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และซาอุฯ ก็ตาม 3) ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าเป็นวันที่ 2 กดดันจิตวิทยาการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ รวมถึงตลาดหุ้นไทย และ 4) Sentiment ในกลุ่มค้าปลีกและกลุ่มท่องเที่ยวอ่อนแอ จากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลง และปัญหานักท่องเที่ยวจีนที่ชะลอตัว 

          อย่างไรก็ตามเรามองว่ากลุ่ม Defensive อย่างกลุ่ม ICT / กลุ่มอสังหาฯ / กลุ่มโรงไฟฟ้า จะทรงตัวได้ดีกว่าภาพรวมของตลาด จากจุดเด่นของผลตอบแทนจากเงินปันผล รวมถึงกลุ่มธนาคารที่ผลการดำเนินงาน 3Q61 ออกมาใกล้เคียงคาดเป็นส่วนใหญ่ พร้อมสัญญาณบวกจากคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น ทำให้ภาระการตั้งสำรองลดลง ซึ่งน่าจะเป็นกลุ่มหลักอีกกลุ่มที่ช่วยประคองภาพรวมของตลาดหุ้นไทยในวันนี้ได้เช่นกัน โดยเราปรับประมาณการกำไรปี 2561-2562 ของ SCB ขึ้น ขณะที่เรายังกังวลต่อแนวโน้มการทำธุรกิจของ TMB ที่ยังขาดความชัดเจน ยืนยัน "ขาย" (ติดตามรายละเอียดในบทวิเคราะห์เช้านี้)

          ดังนั้นกลยุทธ์หลักช่วงนี้ เราคงแนะนำให้เก็งกำไรต่อผลการดำเนินงาน 3Q61 เน้นกลุ่มสื่อสาร/ กลุ่มการเงิน / กลุ่มโรงพยาบาล/ กลุ่มยานยนต์/ กลุ่มโรงไฟฟ้า/ กลุ่มน้ำมัน / กลุ่มค้าปลีก / กลุ่มห้างสรรพสินค้า ที่แนวโน้มกำไรปกติรอบนี้เด่น เพราะเข้าสู่ช่วง High season ของธุรกิจ หุ้นเด่นได้แก่ ADVANC/ TRUE/ SAWAD/ BCH/ BDMS/ SAT/ GULF/ PTTEP/ BJC/ ROBINS/ CPN เป็นต้น หรือเก็งกำไรหุ้นกลุ่มผู้ส่งออกอาหาร ได้แก่ CPF/ TFG ที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า และราคาเนื้อสัตว์มีโอกาสฟื้นตัวหลังพ้นช่วงเทศกาลกินเจ

 

          1. วิเคราะห์งบกลุ่มธนาคาร ได้แก่ SCB, BBL, BAY 

          2. แนวรับที่ 1670-1675 จุด คาดหวังรีบาวน์ได้หรือไม่?

          คาดการณ์งบ 3Q61 ได้แก่ TPIPP, SYNEX 

          สัปดาห์หน้าติดตามการประชุม ECB, งบ 3Q61 ของกลุ่ม Real Sector ได้แก่ SCC, PTTEP

 

          วานนี้ SET INDEX ปรับตัวลดลงเป็นวันที่ 2 อีกราว 12.13 จุด (-0.72%) ปิดที่ 1682.91 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 4.6 หมื่นล้านบาท โดยมีแรงขายกดดันจากหุ้นในกลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ (-2.02%), กลุ่มปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ (-1.47%) และกลุ่มพลังงาน (-0.86%) 

          กระแสเงินทุน : นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 12 อีกราว 3.1 พันล้านบาท รวม 12 วันทำการขายสุทธิสะสมมากถึง 4.4 หมื่นล้านบาท และมีสถานะ Short สุทธิในตลาด SET50 Index Futures หนาแน่นถึง 6.4 พันสัญญา ส่งผลให้ QTD มีสถานะ Short สุทธิสะสมราว 1.1 หมื่นสัญญา แต่ต่างชาติซื้อสุทธิตราสารหนี้ไทยเป็นวันที่ 2 อีกราว 1.7 พันล้านบาท ด้านสถาบันในประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 7 วันทำการ อีกราว 603 ล้านบาท แต่กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศและบัญชี บล. ยังมีสถานะ Long สุทธิหนาแน่นเป็นวันที่ 3 อีกราว 6.5 พันสัญญา รวม 3 วันทำการมีสถานะ Long สุทธิสะสม 1.5 หมื่นสัญญา ส่งผลให้ QTD มีสถานะ Long สุทธิสะสมราว 3.1 หมื่นสัญญา

 

 

รัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ ประกาศไม่เข้าร่วมงานประชุม Future Investment Initiative (FII) ที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย

คณะกรรมาธิการยุโรปแสดงความกังวลต่อแผนงบประมาณขาดดุลของอิตาลีในปี 2562 จากแผนรายจ่ายภาครัฐที่สูงเกินไป และหนี้สาธารณะของประเทศอิตาลีที่สูงกว่าเกณฑ์ที่ สหภาพยุโรป (EU) กำหนด

นายกรัฐมนตรีอังกฤษเผยต้องการขยายเวลาให้อังกฤษเป็นสมาชิก EU ถึงปี 2563

รมว.พาณิชย์ไทย ตั้งเป้าการส่งออกปี 2562 ขยายตัว 8%YoY ที่ระดับ US$2.76 แสนล้าน

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) รายงายดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม เดือนก.ย. อยู่ที่ระดับ 91.5 ลดลงจากเดือนส.ค.ที่ระดับ 92.5

ส.อ.ท. รายงานยอดการส่งออกรถยนต์เดือน ก.ย.61 หดตัว 13.67%YoY

ญี่ปุ่นรายงานเงินเฟ้อเดือนก.ย. ขยายตัว 1.2% YoY ต่ำกว่าที่ตลาดคาดเล็กน้อยที่ 1.3% YoY

วันนี้หุ้น SONIC เข้าเทรดในตลาด MAI วันแรก ที่ราคา IPO 1.95 บาท/หุ้น

ติตตามการรายงาน GDP 3Q61 ของจีนวันนี้ ตลาดคาดขยายตัว 6.6% YoY

ติดตามการรายงานผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารวันนี้ ได้แก่ KTB/ KKP

ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า

 

ติดตามการรายงานนำเข้า-ส่งออกไทยเดือน ก.ย. ตลาดคาด ส่งออกขยายตัว 5.6% YoY วันที่ 22 ต.ค.

ติดตามการรายงาน Beige Book และการประชุมธนาคารกลางยุโรป วันที่ 25 ต.ค.

ติดตามการรายงาน GDP 3Q61 ของสหรัฐฯ ครั้งที่ 1 ตลาดคาดขยายตัว 3.3% YoY วันที่ 26 ต.ค.

ติดตามการรายงานผลการดำเนินงาน 3Q61 ของ SCC / PTTEP