แนวโน้มกำไรบจ.ที่แข็งแกร่งช่วงประคองภาพการปรับตัวของตลาดหุ้นสหรัฐฯ รวมถึงหุ้นโลก อย่างไรก็ตาม อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เริ่มกลับมาขยับขึ้นจาก 3.15% เป็น 3.21% จาก 1) ความกังวลการขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของสหรัฐฯ จากรายงานการประชุมเฟด 2) สถานการณ์ในยุโรป ซึ่ง EU มีแนวโน้มปฏิเสธแผนการใช้จ่ายของรัฐบาลอิตาลี และ 3) นักลงทุนรอติดตามการประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป 17-18 ต.ค.เกี่ยวกับข้อเสนอที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ซึ่งหากได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ตลาดคาดว่าจะมีการประชุมสุดยอดผู้นำอีกครั้งใน 1 เดือนข้างหน้า และสถานการณ์ดังกล่าวจะทำให้ค่าเงินยุโรปกลับมามีเสถียรภาพ รวมถึงช่วยชะลอการแข็งค่าของเงินเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเป็นปัจจัยซ้ำเติมค่าเงินตลาดเกิดใหม่ นอกเหนือจากผลตอบแทนพันธบัตรที่เร่งตัว

  สำหรับหุ้นไทย คาดยังแกว่งตัวออกข้างจากแรงทำกำไร หลังไม่สามารถปรับตัวขึ้นเหนือแนวต้านสำคัญทางเทคนิคบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 1710 จุด โดยแรงกดดันระยะสั้นยังคงอยู่ที่การขายของนักลงทุนต่างชาติที่เกิดขึ้นทั้งภูมิภาค รวมทั้งความผันผวนของราคาน้ำมันดิบจากสต็อคน้ำมันสหรัฐฯ รวมถึงค่าเงินสหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้น อย่างไรก็ตามความผันผวนของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้นมักนำมาซึ่งการเคลื่อนไหวที่เป็นบวกของราคาน้ำมัน เรามองทยอยสะสมเมื่ออ่อนตัว เลือกเก็งกำไรหุ้นขนาดใหญ่ BBL, KTB, BJC, ROBINS, CPALL, SCB, AMATA, WHA, ADVANC, BCP 

Investment Theme หุ้นใหญ่และกลุ่มหุ้นเลือกตั้ง BBL, SCB, STEC, CPALL, AMATA/ หุ้นเล็กที่น่าสนใจ GUNKUL*, PSTC*, DTC*, EASTW*, AEONTS* / หุ้นกระแสเงินสดมั่นคง-ปันผล CPNREIT, CPN, PSH, AP, SPF*, EA, BCPG 

ภาพรวมกลยุทธ์: เพิ่มความระวังหุ้นกลาง-เล็กที่คาดการณืผลการดำเนินงานไม่ได้ ซื้อขายที่แนวรับและเลือกเก็งกำไรเมื่ออ่อนตัว ถือหุ้นที่มี หรือทยอยสะสมหุ้นใหญ่ // หุ้นแนะนำวันนี้ BCP / เก็งกำไร KTC (เป้า 40 ตัดขาดทุน 32), ROJNA* (เป้า 6.10 ตัดขาดทุน 5.60)

แนวรับ 1692-1680 / แนวต้าน : 1710 จุด สัดส่วน : เงินสด 30% : พอร์ตหุ้น 70%

 

  ไม่ยืนยันไร้ปฏิวัติ – ผบ.ทบ.ให้ความเห็นไม่ยืนยันว่าจะไม่มีปฏิวัติ เป็นปัจจัยลบที่เข้ามารบกวนตลาดวานนี้ และทำให้ตลาดเพิ่มมุมมองความเสี่ยงต่อการไม่มีการเลือกตั้งจากปัจจัยด้านกองทัพเข้ามาแทรกแซง

  ดันเป้าส่งออก 5-8% - รองนายกรัฐมนตรีสมคิด ประชุมร่วมกับทูตพาณิชย์ทั่วโลกประเมินส่งออก พาณิชย์เสนอเป้าปี 2562 โต 5-8%

  เจริญคว้าที่ดิน เอคิว 8.9 พันล. - "เจ้าสัวเจริญ" ทุ่ม 8,900 ล้าน คว้าที่เอคิว 4,300 ไร่ ผุดมิกซ์ยูส ด้านอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ มีทั้งนิคมฯ คลังสินค้า โลจิสติกส์ ส่งผลบวกต่อ TICON และ ROJNA

อันดับการแข่งขันไทยปรับขึ้น – WEF เปิดผลรายงานดัชนีความสามารถทางการแข่งขันโลก ไทยอยู่อันดับ 38 ดีขึ้น 2 อันดับ  ได้ผลดีมากขึ้นจากคะแนนด้านโครงสร้างพื้นฐาน  

  กลุ่มธนาคาร – ภาพรวมผลการดำเนินงานปกติเป็นไปตามคาด (+) TCAP ผลการดำเนินงานออกมาดี 5% YoY แต่ลดลง  9% QoQ จากการสิ้นสิทธิประโยชน์ทางภาษี / (-) TMB ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/61 กำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 170% QoQ และ YoY จากการขายบลจ.ทหารไทย แต่หากหักรายการพิเศษ กำไรปกติ 1.6 พันล้านบาท ลดลง 20% QoQ และ YoY ถือว่าค่อนข้างแย่กว่าตัวอื่นๆ

 

ประเด็นติดตาม: 18 ต.ค. – BGC เริ่มซื้อขาย / 19 ต.ค. – SONIC เริ่มซื้อขาย / 26 ต.ค. – US GDP ไตรมาส 3/61 / 28 ต.ค. – กสทช.เปิดประมูลคลื่น 900 MHz

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)

 

18 ต.ค. – BGC เริ่มซื้อขาย

19 ต.ค. – SONIC เริ่มซื้อขาย

26 ต.ค. – US GDP ไตรมาส 3/61

28 ต.ค. – กสทช.เปิดประมูลคลื่น 900 MHz

 

 

BCP (42) : คาดผลการดำเนินงานไตรมาส 3/61 ออกมาดีทั้งจากโรงกลั่นและด้านพลังงานทดแทน ขณะที่ปี 2562 คาดกำไรเติบโตขึ้น 33% จากการใช้กำลังการผลิตได้เต็มที่

KTC* (40) : เก็งกำไรแบบตั้งจุดตัดขาดทุนที่ 32 บาท

ROJNA* (6.10) : เก็งกำไรแบบตั้งจุดตัดขาดทุนที่ 5.6 บาท

หุ้นที่น่าสนใจอื่นๆ: กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ / AEONTS*, EGCO, GULF*, BCP, BCH, TPCH*, SCN* (ควรตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5%)