เมื่อวานที่ผ่านมา SET ผันผวนสูงมาก โดยในช่วงบ่ายเผชิญกับแรงขายทำกำไรเด่นใน TMB ภายหลังรายงานงบ Q3 ออกมามีการตั้งสำรองสูงผิดปกติ และ AOT ภายหลังรายงานตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนยังติดลบ ในขณะที่หุ้นขนาดกลางหลายตัวนำโดย DDD, RS, JMART, BEAUTY เผชิญกับแรงขายทำกำไรเช่นกัน  และสำหรับ OSP เข้าตลาดวันแรกปรับตัวขึ้น 9% ด้วยมูลค่าซื้อขายสูงกว่า 1.07 หมื่นลบ. ณ สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,695.04 จุด (-2.8 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 5.3 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้าที่ 3.8 หมื่นลบ.

นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยเป็นวันที่ 11 ติดต่อกันที่ 3,433 ล้านบาท (นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิที่ 4,043 ล้านบาท) แต่กลับมาเปิดสถานะ Long SET50 index future สุทธิ 1,835 สัญญา

 

  FED คงมุมมองการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย , EU ยังไม่เจอทางออก : เมื่อคืนที่ผ่านมามีการอ่านรายการการประชุมธนาคารกลางสหรัฐครั้งทีผ่านมา (Minutes) พบว่าภาพรวมคณะกรรมการส่วนมากยังเห็นพ้องให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เหตุผลจากความแข็งแกร่งของตัวเลขเศรษฐกิจทั้งภาคการจ้างงาน, การเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ และเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2.0% ในระยะกลาง  ล่าสุด Bloomberg consessus ปรับเพิ่มโอกาสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในเดือนธ.ค. เป็น 2.25-2.50% เพิ่มเป็น 79% ในขณะที่ Dollar กลับมาแข็งค่าอีกครั้งที่ 95.7 และ Bond yield 10 ปีปรับเพิ่มขึ้นเป็น 3.21% โดยในครั้งนี้ FED กล่าวถึงการกีดกันภาษีเหล็กและอลูมิเนียมที่คาดจะเริ่มส่งผลกระทบต่อภาพการลงทุน ในขณะที่ฝั่งยุโรปยังเผชิญกับ 2 ปัญหาได้แก่ 1) โอกาสที่จะไม่ผ่านร่างงบประมาณอิตาลีจากรัฐบาลใหม่ ( Budget deficit -2.4% ของ GDP19) และ 2) ประเด็นการค้าชายแดน Ireland ยังไม่มีข้อสรุประหว่างอังกฤษและ EU อาจส่งผลให้ Brexit ยังไม่ได้ข้อสรุป ซึ่งใกล้กำหนดการเซ็นสัญญาในเดือนพ.ย. เป็นหนึ่งให้เหตุผลที่ทำให้ตลาดหุ้นยุโรปยังคงกับเผชิญกับแรงขายทำกำไร

Investment Theme:  คงคำแนะนำถือเงินสดไม่ต่ำกว่า 40% โดยประเมิน SET ปรับฐานในกรอบ 1,670-1,710 จุด จนกว่าจะเห็นปัจจัยสนับสนุนใหม่จากทั้งต่างประเทศและในประเทศ แนะทยอยสะสมกลุ่มค้าปลีกที่มีหลายปัจจัยสนับสนุน และคาดรัฐออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ (CPALL, BJC) กลุ่มก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง (TEAMG, STEC, SCCC)

 

  เมื่อคืนที่ผ่านมา –  TMB รายงานงบ Q3 กำไร 5.5 พันล้านบาท +178%YoY จากการบันทึกกำไรจากการขาย TMBAM และกำไรพิเศษสูงกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตาม มีการตั้งสำรองสูงถึง 9.4 พันล้านบาท ส่งผลให้ coverage ratio เพิ่มขึ้นเป็น 157%  / Brent ปรับลดลงเหลือ 80.2 เหรียญ

 

  Trading idea – กลุ่มค้าปลีกแนะเก็งกำไร CPALL, BJC อ้างอิงจากสถิติย้อนหลังก่อนการเลือกตั้ง ในขณะที่ปัจจุบันรัฐออกหลายมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศ และลดค่าครองชีพ  / เก็งกำไร STEC คาดกำไร 3Q18 เติบโตเด่น YoY, QoQ พร้อมให้เป็น stock pick กลุ่มก่อสร้าง ราคาเป้าหมาย 29.0 บาท / ทยอยสะสม BEM คาดผลประกอบการ Q3 ทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์/ /หลีกเลี่ยงการลงทุนกลุ่มท่องเที่ยว AOT, CENTEL

 

 

  ติดแนวต้าน 1711 แล้วอ่อนตัวทันที หากหลุด 1690 ชะลอการเก็งกำไร  :  ดัชนีเปิดโดดและปรับตัวขึ้นปะทะแนวต้าน 1711 (ema200day) จากนั้นอ่อนตัวแกว่ง Sideway Down ตลอดทั้งวัน และปิดที่ Low สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ ระยะสั้นยังมองกรอบการแก็งกำไรเดิมที่ 1690-1711 หากหลุด 1690 แนะนำชะลอการเก็งกำไรและลดพอร์ต เพื่อรอดูแนวโน้มที่แนวรับถัถไปที่ 1680 และ 1665 ตามลำดับ ส่วนนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อยแนะนำชะลอการลงทุนเนื่องจากแนวโน้มระยะกลางจะกลับเป็นขาขึ้นอีกครั้งเมื่อดัชนีกลับมายืนเหนือแนวต้าน 1711 

  กลยุทธ์การลงทุน 1) Rebound ในกรอบ 1690-1711 เน้นขายกำไรตามแนวต้าน 1700, 1711 เพื่อเล่นรอบ   หากหลุด 1690 แนะนำ เลิกเก็งกำไรและ Stop Loss  2)  ไม่มีหุ้น : หากรับความเสี่ยงไม่ได้แนะนำชะลอการลงทุน หากรับความเสี่ยงได้สูง ในจังหวะอ่อนตัวสู่แนวรับ แนะนำเก็งกำไรในกรอบ 1690-1711 หากหลุด 1690 แนะนำ เลิกเก็งกำไรและ Stop Loss

  แนวรับ : 1680, 1690 แนวต้าน : 1700, 1711

 

  ปัจจัยต่างประเทศ: Trump เตรียมเจรจาการค้าญี่ปุ่น / 17 ต.ค. จับตาการเจรจา Brexit /  Trump ส่ง Pompeo ไปยังซาอุสืบคดีการหายตัวไปของ Khashoggi 

  ปัจจัยในประเทศ:  -

 

  KTB (B 19.70-20.10, Tp 21.00//22.00, Cut 19.40)

  TOP (B 85.00, Tp 90.00, Cut 84.00)