- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 19 September 2014 17:55
- Hits: 1738
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
คาด SET จะเริ่มเดินหน้าขึ้นต่อ แต่มองเป็นจังหวะขายลดพอร์ตมากกว่า
กลยุทธ์ : คาดว่า SET กำลังจะกลับไปแกว่งบวกต่อเนื่อง เพื่อลุ้นขยับขึ้นหาระดับดัชนีเป้าหมายแถว 1600 จุด(+/-) ได้ตามคาดเดิม แต่หลังจากนั้นต้องระวังการจบรอบขาขึ้นและกลับไปแกว่งตัวลงในระดับ 100-200 จุดในช่วงถัดไป ดังนั้นเราจึงยังแนะนำให้ชะลอการซื้อเทรดดิ้ง และเน้นทยอยขายลดพอร์ตในช่วงตลาดบวก เพื่อถือเงินสดไว้ก่อนดีกว่า
หุ้นเด่นทางเทคนิค : MINT, RML, BEC(buy back)
แนวโน้ม : ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปเมื่อคืนนี้ปิดบวกกันได้ดีพอควร ตอบรับกับถ้อยแถลงของประธานเฟดที่ส่งสัญญาณว่าเฟดจะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้นี้ ขณะที่ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐที่ลดลงมากกว่าคาดด้วย ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ยังเดินหน้าบวกต่อ ซึ่งตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ก็เริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาช่วยผลักดันให้ดัชนีมีจังหวะดีดบวกขึ้นมาเข้าใกล้จุดสูงสุดของรอบอีกครั้งแล้วด้วย รวมทั้งนักลงทุนยังคาดการณ์ว่าธนาคารกลางทั่วโลกจะยังคงดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอยู่ ทำให้ FSS คาดว่า SET จะยังอยู่ในช่วงแกว่งบวกต่อเนื่อง เพื่อขยับขึ้นหาระดับดัชนีเป้าหมายแถว 1600 จุด(+/-) ตามคาดเดิมได้ อย่างไรก็ตามต้องถือว่าช่วงที่ผ่านมา SET ขยับขึ้นตอบรับปัจจัยบวกต่างๆ ไปพอควรแล้ว ขณะที่ปัจจัยบวกส่วนใหญ่ยังเป็นประเด็นเดิมๆ ดังนั้นถ้าไม่มีปัจจัยหนุนใหม่ๆ เข้ามาเพิ่ม ก็มีความเป็นไปได้สูงที่ SET จะจบรอบขาขึ้น และกลับไปแกว่งตัวลงอีกพักใหญ่และมีสิทธิลงลึกพอควรได้ ดังนั้นเรายังแนะนำให้เน้นขายทำกำไรเพื่อลดพอร์ตในช่วง SET บวกดีกว่า
แนวรับ 1580-1577 , 1575-1573 จุด แนวต้าน 1587-1592 , 1595-1600 จุด
Fund Flow วานนี้ยังไหลออกจากตลาดหุ้นภูมิภาคต่อเนื่องเป็นวันที่ 7 ในปริมาณที่เบาบาง โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ US$85.7 ล้าน อินโดนีเชีย US$56.8 ล้าน ไต้หวัน US$48 ล้าน เวียดนาม US$3.4 ล้าน และไทย US$2.9 ล้าน ขณะที่ซื้อฟิลิปปินส์ US$0.8 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้ค่อนข้างนิ่ง Flow น่าจะเบาบางต่อ
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) ธนาคารกลางจีนปรับอัตราดอกเบี้ย repo 14 วัน ลดลง 0.20% เป็น 3.50% สร้างความประหลาดใจให้กับนักลงทุนเป็นครั้งที่ 2 หลังก่อนหน้านี้ได้มีการอัดฉีดเม็ดเงินกู้ผ่าน 5 ธนาคารใหญ่กว่ามูลค่า 5 แสนล้านหยวน (US$8.1 หมื่นล้าน) อย่างไรก็ดีการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจจีนชะลอตัวมากกว่าคาดและอาจจะต่ำกว่าเป้าจีดีพี 7.5% ในปีนี้ ส่งผลให้ค่าเงินหยวนกลับมาแข็งค่าเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ดีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจะส่งผลดีตลาดผู้ส่งออกไปจีน รวมถึงการออกมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาจะเป็นแรงหนุนให้กระแสเงินทุนต่างชาติเข้าสู่ตลาดหุ้นภูมิภาคมากขึ้น ดังนั้นหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารจะเป็นกลุ่มแรกๆ ที่จะได้ประโยชน์จากปัจจัยเหล่านี้ (TOP Picks ได้แก่ KBANK (ซื้อ เป้า 255) และ KTB (ซื้อ เป้า 26 บาท))
(+) ECB ปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้กับธนาคารในยูโรปเพื่อรีไฟแนนซ์ (TLTRO) ล็อตใหม่มูลค่า 82.6 พันล้านยูโร ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาด แสดงให้เห็นถึงสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจค่อนข้างตึงตัวแต่ไม่มาก ฉะนั้นเราจึงมองว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ ECB จะออกมาตรการซื้อพันธบัตร (QE) เพิ่อกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมวันที่ 2 ต.ค นี้ และจะส่งผลให้เกิดกระแสเงินไหลเข้าในตลาดหุ้นภูมิภาคจาก EURO carry trade
(+) GUNKUL: จัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ ECF ทำ Solar Rooftop โดย GUNKUL ถือหุ้น 75% และ ECF ถือหุ้น 25% การดำเนินงานจะใช้พื้นที่หลังคาโรงงานของ ECF ขณะที่ GUNKUL จะเป็นผู้จัดหาและจัดซื้ออุปกรณ์ และการก่อสร้าง ขณะนี้มีความพร้อมแล้ว 13-16MW ที่รอเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้า จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 30MW หากสามารถดำเนินการได้ทั้งหมด 30MW จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ GUNKUL ประมาณ 1.73 บาท/หุ้น เราเชื่อว่าราคาหุ้นที่ปรับขึ้นกว่า 9% ไม่ได้เป็นการปรับขึ้นจากข่าวนี้เพียงอย่างเดียว แต่ที่สำคัญ GUNKUL ยังมีความสามารถที่จะรับงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าทั้งลมและแสงอาทิตย์ รวมถึงการเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าที่การไฟฟ้าภูมิภาคกำลังจะรับซื้อไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์เพิ่มอีกกว่า 1,400MW ที่จะต้องสร้างให้เสร็จภายในสิ้นปี 2015 เรายังแนะนำ ซื้อ และอยู่ระหว่างการทบทวนประมาณการและปรับเพิ่มราคาเป้าหมายใหม่
(+) TKS คาดกำไรสุทธิงวด 2H14 จะชะลอตัวลงจาก 1H14 เป็นผลจากจะไม่มีงานพิมพ์กรณีพิเศษเข้ามามากเหมือนงวด 1H14 อย่างไรก็ตาม ยังได้งานพิมพ์บรรจุภัณฑ์ ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่เข้ามาช่วยหนุน ทั้งนี้ เราปรับกำไรสุทธิปีนี้ลงจากเดิม 6% เป็น 310 ล้านบาท ยังเติบโต 20.5% Y-Y เป็นผลจากการปรับลดส่วนแบ่งกำไรจาก SYNEX ลง ขณะที่เราคาดว่ากำไรสุทธิในปี 2015 จะเพิ่มขึ้นอีก 12.8% Y-Y โดยจะได้แรงหนุนจากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว และรายได้จากงานพิมพ์บรรจุภัณฑ์คาดว่าจะเติบโตสูง เราประเมินราคาเป้าหมายเป็นปี 2015 ที่ 13 บาท ยังแนะนำ ซื้อ โดยคาดอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลยังน่าสนใจราว 6% - 7% ต่อปี
(+) BBL รายงานสินเชื่อเดือนส.ค. +1.44%M-M (+2.3 หมื่นลบ.) แรงที่สุดในรอบปี ส่งผล 8M14 สินเชื่อรวมกลับมาเป็นบวก +1.2%YTD แนวโน้มดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปีตามฤดูกาลของการขอสินเชื่อและได้รับแรงหนุนจากเศรษฐกิจและการเมืองที่ชัดเจนขึ้น BBL ตั้งเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อปี 2014 ไว้ที่ 3-5% และเราคาดการณ์ไว้ที่ 5% คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสมปี 2015 ที่ 243 บาท
(+) SAMTEL บอร์ด AOT อนุมัติต่อสัญญาโครงการระบบตรวจบัตรโดยสารขึ้นเครื่อง (CUTE) มูลค่า 2.3 พันล้านบาท เป็นข่าวบวก แต่รวมในประมาณการแล้ว ยังมีลุ้น โครงการ APPS ที่คาดประมูลใน 1-2 เดือนข้างหน้า แต่ราคาหุ้น SAMTEL และ SAMART ที่ปรับขึ้นเกือบ 6% เมื่อวาน ใกล้เป้าหมายที่ 21 บาท และ 32 บาท จึงปรับคำแนะนำลง จาก ซื้อ เป็น ซื้อเก็งกำไร
ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในแดนบวกได้ต่อเนื่องโดยตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาทั้งดีและแย่ผสมกันทำให้ตลาดเชื่อมั่นว่า FED จะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับต่ำต่อไปเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวชัดเจนขึ้นกว่าปัจจุบัน
ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดในแดนบวกได้เช่นกันโดยตลาดตอบรับเชิงบวกต่อผลการประชุม FED รวมถึงแนวโน้มการกระตุ้นเศรษฐกิจของ ECB ในอนาคต
ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวในแดนบวกโดยได้รับแรงหนุนจากการที่ธนาคารจีนปรับลดอัตราดอกเบี้ย Repo ลงเพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน
ค่าเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น ล่าสุดปรับตัวในกรอบ 32.15-32.31 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ต.ค. ร่วงลง 1.35 ดอลลาร์/บาร์เรล มาปิดที่ 93.07 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้รับแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นรวมถึงความกังวลเรื่องอุปสงค์หลังตัวเลขเศรษฐกิจในช่วงหลังเริ่มออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด
ราคาทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ร่วงลง 9.00 ดอลลาร์/ออนซ์ มาปิดที่ 1,226.90 ดอลลาร์/ออนซ์ ทำจุดต่ำสุดในรอบ 8 เดือนหลัง Dollar Index พุ่งทำจุดสูงสุดในรอบ 4 ปีจากคาดการณ์เรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED ในอนาคต
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
22 ก.ย. - สหรัฐ: ยอดขายบ้านเก่า (ส.ค.)
- ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ก.ย.)
- ไทย: ธนาคารรายงานสินเชื่อ (ส.ค.)
23 ก.ย. - จีน: HSBC China Manufacturing PMI (ก.ย.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Manufacturing PMI (ก.ย.)
24 ก.ย. - ไทย: ดุลการค้า (ส.ค.)
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านใหม่ (ส.ค.)
25 ก.ย. - สหรัฐ: Durable goods order (ส.ค.)
26 ก.ย. - สหรัฐ: 2Q14 GDP (ตัวเลขสุดท้าย), ธปท. ทบทวนประมาณการจีดีพีและเป้าส่งออกใหม่
29 ก.ย. - สหรัฐ: Pending home sales (ส.ค.)
Contact person : Somchai Anektaweepon
Research Dept. Tel: 02-646-9967, 02-646-9852