- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 19 September 2014 17:52
- Hits: 1748
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Break 1590?
ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปิดบวกเป็นวันที่ 2 อีก 13.59 จุด มาอยู่ที่ 1,584.23 จุด มูลค่าการซื้อขาย 48,976 ล้านบาท
ทั้งนี้กระแสเงินทุนต่างชาติชะลอการลงทุน ด้วยการกลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ เพียง 94 ล้านบาท กลับมา Short สุทธิใน SET50 Index Futures 1,013 สัญญา เนื่องจากS50U14 เป็น Premium เหนือ SET50 Index พร้อมกับการขายสุทธิในตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ มากถึง 8,132 ล้านบาท
ภาวะการลงทุนในวันสุดท้ายของสัปดาห์ MBKET ประเมิน SET INDEX ขยับขึ้นทดสอบ 1,590 จุด และมีลุ้นปิดยืนเหนือแนวดังกล่าว หลังมีความพยายามในการทดสอบด่านดังกล่าวมาหลายครั้งก่อนหน้า ผลักดันโดยหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร / ICT / อสังหาฯ ซึ่งเป็นเป้าหมายของการลงทุนโดยนักลงทุนต่างชาติ อีกทั้งบรรยากาศการลงทุนในภูมิภาคเอเชียเป็นบวก
ส่วนประเด็นการลงประชามติของชาวสกอตแลนด์ จะทราบผลเบื้องต้นในเวลา 8.00 น. ตามเวลาประเทศไทย และผลอย่างเป็นทางการในเวลา 11.00 น.
อย่างไรก็ตาม MBKET ยังคงให้น้ำหนักต่อภาพ SET INDEX จะขยับขึ้นทดสอบ 1,600 จุด และทะลุผ่านด่านดังกล่าวในสัปดาห์หน้า จากแรงผลักดันของเงินทุนต่างชาติ และเม็ดเงินใหม่จากกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ ของบลจ.ไทยพาณิชย์ ซึ่งปิดการขาย IPO วันที่ 22 ก.ย. วงเงิน 1.5 พันล้านบาท คาดว่ากลุ่มธนาคาร / กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง / กลุ่มอสังหาฯ จะขยับเด่นและเป็นกลุ่มผลักดัน SET INDEX ในรอบสั้นนี้ อีกทั้งการเข้าสู่เทศกาล Window dressing ของกองทุน ทำให้ Downside risk ของตลาดหุ้นไทยเป็นไปอย่างจำกัดเช่นกัน
กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำให้ นักลงทุนรอขายทำกำไรบริเวณ 1,600 จุด +/- หรือหากต้องการเก็งกำไร ควรจำกัดวงเงิน และเน้นหุ้นรายตัวที่มีประเด็นเชิงบวกต่อการลงทุน เป็นสำคัญ
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “ทยอยสะสม” SF / SIM
Portfolio Top Pick in 3Q14: AAV /AP/ IFEC/ TRUE
HOLD: SAMART/ SPCG/ IFEC/ BTS/ SIM/ MACO/ CK/ LPN
Accumulative buy: SF/SIM
Action and Stock of the Day
SET INDEX ปิดยืนเหนือ 1,580 จุด
ลุ้น SET INDEX ทดสอบและปิดยืนเหนือ 1,590 จุด วันนี้
กลยุทธ์การลงทุน ถือพอร์ต เพื่อรอขายทำกำไรบริเวณ 1,600 จุด +/- หรือหากต้องการเก็งกำไร อาจเลือกเน้นเป็นรายตัว มากขึ้น เช่นเดิม
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ปิดบวกปานกลาง ยกเว้น HSKI ที่ปิดลบ 0.85% หลังรายงานราคาบ้านในจีนปรับตัวลง รวมถึงแรงขายทำกำไรในตลาดหุ้นเวียดนาม ปิด -1.58%
สำหรับตลาดหุ้นไทยวานนี้ เปิดฟื้นตัวตามภาพรวมของตลาดหุ้นเอเชีย ผลักดันโดยหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร อย่าง KBANK/ SCB / KTB รวมถึง AOT ผลักดันให้ SET INDEX ขึ้นไปแกว่งแคบ 1,580 จุด +/- และเป็นที่น่าสนใจว่า ค่าเงินบาทแข็งค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย สัญญาณบวกต่อกระแสเงินทุนต่างชาติเช่นกัน ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,584.23 จุด บวก 13.59 จุด มูลค่าการซื้อขาย 48,976 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดบวกแรงสุดในวานนี้ได้แก่ กลุ่มอสังหาฯ +2.14%, กลุ่ม Professional +2.01% และกลุ่ม Home +1.74% ขณะที่กลุ่มหลัก กลุ่มธนาคาร +1.26% กลุ่มพลังงาน +0.58% และ กลุ่ม ICT +1.22%
ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.32 น.) เช้านี้ Nikkei – Kospi เปิดบวกเด่น สอดคล้องกับ DJIA คืนวานนี้ บวกกับค่าเงินเยนที่อ่อนค่า และรัฐบาลเกาหลีใต้ประกาศแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านงบประมาณปี 2558
MBKET คงมุมมอต่อการลงทุนเป็น “บวก” ต่อเนื่อง หลัง SET INDEX ปิดยืนเหนือ 1,580 จุด วานนี้ แม้ว่ากระแสเงินทุนต่างชาติชะลอการลงทุนในตลาดหุ้นไทย แต่ MBKET ยังคงให้น้ำหนักเชิงบวกต่อกระแสเงินทุนต่างชาติในรอบนี้ เพราะ
•การขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติวานนี้ วันแรกในรอบ 5 วันทำการเพียง 94 ล้านบาท เทียบกับ 4 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 4,488 ล้านบาท
•SET50 Index Futures ที่ต่างชาติกลับมา Short สุทธิ 1,013 สัญญา วานนี้ เนื่องจาก S50U14 ปิดสูงกว่าSET50 Index ราว 0.72 จุด จึงสมเหตุสมผลที่จะมีสถานะ Short ดังกล่าว
•มุมมองของโบรกเกอร์ต่างชาติ ต่อทิศทางเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ และปีหน้า บนแผนการลงทุนคมนาคมตลอด 8 ปี วงเงิน 2.4 ล้านล้านบาท เป็นตัวผลักดันภาพเศรษฐกิจ ซึ่งประเทศไทยไม่มีแผนการลงทุนขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่องเช่นนี้มานานกว่า 20 ปี ย่อมเป็นประเด็นที่น่าสนใจและดึงดูดเม็ดเงินทุนต่างชาติ
•ต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยมากถึง 2.06 แสนล้านบาท นับตั้งแต่ปี 2556 ถึงวานนี้ ด้วยมุมมองเป็นบวกต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เม็ดเงินทุนต่างชาติย่อมทยอยไหลกลับเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยเมื่อมีโอกาส หรือ มีประเด็นการลงทุนใหม่เพิ่มเติม
จากกระแสเงินทุนต่างชาติที่ยังคงเลือกตลาดหุ้นไทยเป็นตลาดน่าสนใจลงทุนแล้ว เม็ดเงินทุนใหม่จากกองทุน ทริกเกอร์ฟันด์ ของ บลจ.ไทยพาณิชย์ วงเงิน 1.5 พันล้านบาท ที่จะปิดการขาย IPO วันที่ 22 ก.ย. ต่างเป็นสัญญาณบวกที่จะผลักดัน SET INDEX ขึ้นทดสอบ 1,590-1,600 จุด ในสัปดาห์หน้า ในความเห็นของ MBKET โดยกลุ่มเป้าหมายของนักลงทุน 2 กลุ่มนี้ ได้แก่
•กลุ่ม ธนาคาร / กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง : ได้รับประโยชน์จากแผนการลงทุนคมนาคมในงบประมาณปี 2558 และแผนการลงทุนขนาดใหญ่ ระยะ 8 ปี ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของรมว.คมนาคม
•PTT : จากความชัดเจนของแนวทางการปฎิรูปราคาก๊าซ NGV เพื่อให้เกิดความเสมอภาคระหว่างกลุ่มรถแท็กซี่และรถเมย์ และกลุ่มยานยนต์ส่วนที่เหลือ และถัดไปจะเป็นการทยอยปรับราคาก๊าซขึ้นสู่ราคาก๊าซที่แท้จริง เป็นบวกทางตรงกับ PTT
กลยุทธ์การลงทุน MBKET ยังคงแนะนำให้นักลงทุนถือพอร์ตการลงทุน เพื่อรอขายทำกำไรบริเวณ 1,600 จุด +/- หรือหากต้องการเก็งกำไร อาจต้องจำกัดวงเงิน และเน้นหุ้นรายตัวที่มีประเด็นบวกเฉพาะด้านเช่นเดิม
ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.ช่วงสายติดตามผลการลงประชามติชาวสกอตแลนด์: ณ ปัจจุบัน ตลาดคาดการณ์ ชาวสกอตแลนด์จะโหวต “NO” เพื่อยืนยันที่จะอยู่กับสหราชอาณาจักรต่อไป สะท้อนมายังค่าเงินปอร์ดคืนวานนี้ดีดตัวแรงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ
MBKET มีความเห็นเป็นกลางต่อประเด็นดังกล่าว อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงด้านจิตวิทยาการลงทุนอยู่บ้าง แต่ไม่มีนัยยะต่อเศรษฐกิจ เพราะ สกอตแลนด์ ยืนยัน หากผลการลงประชามติให้มีการแยกตัวออกจากสหราชอาณาจักร สกอตแลนด์จะยังใช้เงินสกุล “ปอร์ด” ต่อไป ซึ่งจะไม่มีผลต่อค่าเงินของปอร์ดในแง่ของพื้นฐาน
2.คาดหุ้นหลักกลุ่มธนาคาร / อสังหาฯ จะยังฟื้นตัวต่อเนื่อง: หากพิจารณาช่วงที่ตลาดหุ้นไทยปรับฐาน ระหว่างวันที่ 11-17 ก.ย. SET INDEX ปรับฐานลง 0.73% โดยกลุ่มอสังหาฯ -1.35%, กลุ่มธนาคาร -1.33% และ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง -1.03%
เมื่อภาพรวมการลงทุนกลับมาเป็น “บวก” หลัง SET INDEX ปิดยืนเหนือ 1,570 จุดได้ใน 2 วันก่อนหน้า MBKET เชื่อว่าหุ้นหลักใน 3 กลุ่มดังกล่าวจะฟื้นตัวเด่น และผลักดันให้ SET INDEX ขยับขึ้นทดสอบกรอบสำคัญ 1,590-1,600 จุด ตามเป้าหมายที่วางไว้ก่อนหน้านี้
3.ปัจจัยสำคัญในสัปดาห์หน้า คาดหวังเงินทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศไหลเข้าต่อเนื่อง
•ติดตามการประชุม ครม. วันที่ 23 ก.ย. อาจมีการพิจารณาถึงแผนกระตุ้นด้านเศรษฐกิจเพิ่มเติม
•ติดตามการปิดการขาย IPO กองทุนทริกเกอร์ฟันด์ ของบลจ.ไทยพาณิชย์ วงเงิน 1.5 พันล้านบาทในวันที่ 22 ก.ย. คาดว่าจะเห็นเม็ดเงินใหม่จากกองทุนดังกล่าวเริ่มลงทุนในวันที่ 24 ก.ย.เป็นต้นไป
•การเข้าสู่ช่วงทำ Window dressing ของกองทุน อาจทำให้แรงขายจำกัด แต่น่าจะเป็นการประคองภาพการลงทุนโดยรวม
•ติดตามการรายงานสินเชื่อเดือนส.ค.ของธนาคารพาณิชย์ไทย คาดว่าจะยังเห็นการเติบโตของสินเชื่อในภาพรวม
•ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี HSBC PMI ภาคการผลิตของจีน, ตัวเลขการส่งออก – นำเข้าของไทย, GDP ใน 2Q57 ของสหรัฐฯ (รอบสุดท้าย)
วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 16.15 13.86 16.02 13.75
PSE 20.64 17.83 20.48 17.69
JSE 16.88 14.38 16.78 14.29
KOSPI 10.47 9.50 10.48 9.51
TAIEX 14.59 13.76 14.51 13.66
Straits Tim
14.56 13.41 14.56 13.42
SHCOMP 9.15 8.11 9.13 8.09
ที่มา: Bloomberg
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ทยอยสะสม” ได้แก่
1.SF : ราคาปิด 7.55 บาท ราคาเหมาะสม 9.50 บาท
a)MBKET มีมุมมองเชิงบวกและกลับมาแนะนำ “ซื้อ” จากทิศทางการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพเพราะสามารถปรับขึ้นค่าเช่าได้ปีละ 4-5% และการขยายพื้นที่เช่าต่อเนื่อง รวมทั้งเป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์โดยตรงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เนื่องจากจะส่งผลให้ SF ได้รับส่วนแบ่งรายได้จากผู้เช่าเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกับยอดขายสินค้า
b)คาดอัตราเข้าเช่าใน 2H57 ขยายตัวจาก 1H57 เนื่องจากได้ผู้เช่ารายใหม่ คือ Premium Outlet ที่พัทยาจำนวน 6,000 ตรม. และพื้นที่ว่างของโครงการที่เอสพลานาดซึ่งเป็นพื้นที่เช่าเดิมของ CAWOW ได้ผู้เช่าใหม่แล้วคือ We Fitness ขณะที่ต้นทุนส่วนใหญ่ของ SF เป็น Fixed Cost จึงส่งผลบวกโดยตรงต่อกำไรของบริษัท
c)การเติบโตแบบก้าวกระโดดเป็นปัจจัยบวกระยะยาวที่รออยู่ จากการเปิดโครงการ IKEA รังสิต ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า เนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่ถึง 1.4 แสนตรม. หรือ 37% ของพื้นที่เช่าปัจจุบันที่ 3.7 แสน ตรม. โดย SF ได้ซื้อที่ดินจำนวน 250 ไร่แล้วเพื่อรองรับโครงการดังกล่าว
d)คาดกำไรสุทธิปี 2558 เติบโต +9.4% yoy เป็น 602 ล้านบาท จากพื้นที่เช่าใหม่ของโครงการ LPN รังสิต และโครงการใหม่ในต่างจังหวัดอีก 2 แห่ง
e)มีปัจจัยบวกระยะสั้น คือ การขายที่ดิน 50 ไร่ ติดกับ Mega Bangna (SF ถือหุ้น 49%) ใน 4Q57 หรือ 1Q58 และคาดว่าจะส่งผลให้ SF มีกำไรพิเศษสูงถึง 600 ล้านบาท เนื่องจากต้นทุนที่ดินเพียงไร่ละ 10 ล้านบาท เทียบกับราคาตลาดปัจจุบันไร่ละ 40-60 ล้านบาท
f)ประเด็นลงทุนใน SF อยู่ที่การเติบโตของกำไรอย่างมั่นคง และมีความพร้อมเต็มที่ต่อการเติบโตในระยะยาวเนื่องจากมี DE ต่ำเพียง 0.3 เท่า และValuation ยังถูก เพราะซื้อขายระดับ PBV2558 เพียง 1.6 เท่า ต่ำกว่า CPN ที่ 4.5 เท่า
2.SIM : ราคาปิด 3.94 บาท ราคาเหมาะสม 4.70 บาท
a)ราคาหุ้น SIM ยัง Laggard หุ้นในกลุ่ม SAMART มาก โดย YTD ราคาหุ้น SIM เพิ่มขึ้นเพียง +20.1% น้อยกว่า SAMART +116.2% และ SAMTEL +70.5%
b)คาดกำไรสุทธิ 3Q57 ขยายตัวทั้ง yoy และ qoq พร้อมทั้งทำระดับสูงสุดใหม่รายไตรมาส จากยอดขายมือถือที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และคาดว่าจะรับรู้รายได้บางส่วนจากการจำหน่ายมือถือล็อตใหญ่ให้ Mobile Operator รายหนึ่ง ใน 3Q57 และ 4Q57
c)ดังนั้น เราคาดว่ากำไรสุทธิปี 2557 จะเติบโต +21.1% yoy เป็น 1,046 ล้านบาท และ +17.4% yoy เป็น 1,234 ล้านบาท ในปี 2558
d)และมี Upside Risk ในปี 2558 เนื่องจากบริษัทมีแผนนำบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนใน ตลท. ซึ่งเป็น Upside ที่ยังไม่รวมไว้ในประมาณการ
What will DJIA move tonight? คืนนี้มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้ขายสุทธิ เป็นวันที่ 7 อีก US$196 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$83 ล้าน
ทั้งนี้ PSE เป็นตลาดเดียวที่ต่างชาติซื้อสุทธิ แต่ก็เพียงเล็กน้อย
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX -48.0 -79.3 12,984.5 9,188.0
KOSPI -85.7 n.a 8,732.0 4,875.1
JSE -56.8 -46.3 4,570.3 -1,806.4
PSE 0.8 -12.0 1,265.6 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม -3.4 -14.8 233.1 263.2
SET INDEX -2.9 69.4 -329.9 -6,210.5
Foreign Investors Action วานนี้
เงินทุนต่างชาติชะลอเล็กน้อยในตลาดหุ้นไทย
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) -94 +2,237
SET50 Index Futures (สัญญา) -1,013 +5,404
SSF (สัญญา) +455 +459
Metal Futures (สัญญา) -230 -5
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) -8,132 +187
นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ เพียง 94 ล้านบาท เทียบกับ 4 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 4,488 ล้านบาท และกดดันให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิเท่ากับ 12,396 ล้านบาท
ด้านนักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Short สุทธิใน SET50 Index Futures อีกครั้ง 1,013 สัญญา คาดว่าจะเป็นการเปิดสถานะ Long หลัง S50U14 ปิดสูงกว่า SET50 Index ราว 0.72 จุด จากวันก่อนหน้าที่ปิด discount เท่ากับ 1.09 จุด จึงสมเหตุสมผลต่อการมีสถานะ Short
และตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ มากถึง 8,132 ล้านบาท เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิเพียง 524 ล้านบาท เมื่อค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนกลุ่มนี้ เร่งขายพันธบัตร เพื่อทำกำไรทั้งจากราคาพันธบัตรที่ขยับขึ้นก่อนหน้า และอัตราแลกเปลี่ยน ส่งผลให้ราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยลดลงเล็กน้อย อายุ 10 ปี ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.21bps ปิดที่ 3.583%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเหลือ 272 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,069 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
TRUE 74.76 1.85% 12.60
BBL 68.74 3.89% 208.35
CK 13.87 3.49% 27.75
SPALI 13.13 3.61% 25.65
GLOW 12.22 18.98% 92.99
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 18 เน้นกลุ่มพลังงาน และกลุ่มอสังหาฯ อย่างโดดเด่น
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ซื้อสุทธิอีก 1,163 ล้านบาท ลดลงจากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 2,825 ล้านบาท รวม 18 วันทำการซื้อสุทธิ 21,971 ล้านบาท สรุปภาพการลงทุนได้ดังนี้
1.กลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิสูงสุดอีกครั้ง 538 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 264 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มอสังหาฯ ซื้อสุทธิ 299 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 101 ล้านบาท กลุ่ม ICT ซื้อสุทธิ 177 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 109 ล้านบาท กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 164 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 237 ล้านบาท และกลุ่มขนส่ง ซื้อสุทธิ 122 ล้านบาท
2.กลุ่มธนาคาร กลับถูกขายสุทธิสูงสุด 189 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,791 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่ม MAI ขายสุทธิ 92 ล้านบาท
ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
KTB 327.32 12.02 BBL -752.43 21.11
PTT 312.15 16.78 TUF -74.40 15.72
SCC 176.64 29.85 CYBER -72.07 2.42
KBANK 154.97 44.21 TRUE -60.95 2.45
PTTEP 133.83 22.24 BGH -28.01 14.18
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong