- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 19 September 2014 17:49
- Hits: 1821
บล.เคเคเทรด : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
SET จะทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ 1591 จุด
SET View
แนวโน้ม วันนี้ SET มีโอกาสขึ้นทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ 1591 จุด (1) ตลาดคลายความวิตกหลังผลการประชุมเฟดเมื่อวานบ่งบอกว่าจะคงดอกเบี้ยต่ำไปถึงกลางปีหน้า ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์เมื่อคืนปรับขึ้นกว่า 109 จุด และตลาดหุ้นในภูมิภาคเช้าวันนี้ส่วนใหญ่เปิดบวก (2) ความคาดหวังเชิงบวกต่อการประชุมครม.ที่คาดจะผลักดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจใน 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า (3) ทางเทคนิค SET ผ่านแนวต้านที่ 1580 จุดเกิดสัญญาณซื้อระยะสั้น อย่างไรก็ตามอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐ 10 ปีอยู่ในทิศทางปรับขึ้น สะท้อนความคาดหวังต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะยาว ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ไม่ใช่สกุลดอลลาร์สหรัฐ อย่างตลาดหุ้นไทยในระยะต่อไป
กลยุทธ์การลงทุน ระยะ 1-2 วัน หากปรับขึ้นมาแรงเหนือแนวต้านเดิม (1591 จุด) ควรเป็นจังหวะขายทำกำไร และหาจังหวะขึ้นขายลงซื้อหาก SET ไม่หลุด 1580 จุด
(1) Top Daily Pick : SIM (ปรับมูลค่าเหมาะขึ้น 8% มาที่ 5.2% สะท้อนการปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 57-58 จากปริมาณขายและราคาขายเฉลี่ยของ Smart Phone ดีกว่าสมมติฐานเดิม) SPALI (งานในมือกว่า 4 หมื่นล้านบาทเกือบ 100% ของประมาณการรายได้ปีนี้ และสูงเป็นอันดับสองในอุตสาหกรรม จะสนับสนุนการเติบโตของผลประกอบการใน 2H57 และมีอัตรากำไรสุทธิที่ 20% สูงกว่ากลุ่ม ที่ 17%)
(2) Technical Pick : TRUE KTB CHO SIM AJD
(3) Theme Play : กลุ่มที่มีโอกาสปรับฐานเสร็จก่อน เน้นหุ้นปัจจัยพื้นฐานดีบางตัวในกลุ่ม ได้แก่ โรงพยาบาล (BCH BGH BH) ประกัน (BLA THRE) ธนาคาร (BBL KBANK SCB) อสังหา (PS HEMRAJ) อิเล็กโทรนิกส์ (DELTA HANA KCE SVI) และขนส่ง/ท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW MINT)
ระยะ 1-2 สัปดาห์
Trading KAMART M RS SRICHA SYMC TOP WORK
ระยะ 3- 6 เดือนขึ้นไป
Growth AOT BGH PS SIM WORK
Dividend BBL INTUCH MC MODERN PTTEP PTTGC SRICHA
Quant BTS EGCO GFPT MODERN STANLY TOG
รายงานวันนี้
Update : SPALI (ซื้อ / มูลค่าเหมาะสม 27.40 บาท) รับรู้รายได้ต่อเนื่อง ยอดขายเติบโตเด่น
Update : SIM (ซื้อ / มูลค่าเหมาะสม 5.20 บาท) เพิ่มมุมมองบวกต่อการเติบโตของธุรกิจ
SET จะทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ 1591 จุด
SET View
แนวโน้ม วันนี้ SET มีโอกาสขึ้นทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ 1591 จุด (1) ตลาดคลายความวิตกหลังผลการประชุมเฟดเมื่อวานบ่งบอกว่าจะคงดอกเบี้ยต่ำไปถึงกลางปีหน้า ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์เมื่อคืนปรับขึ้นกว่า 109 จุด และตลาดหุ้นในภูมิภาคเช้าวันนี้ส่วนใหญ่เปิดบวก (2) ความคาดหวังเชิงบวกต่อการประชุมครม.ที่คาดจะผลักดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจใน 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า (3) ทางเทคนิค SET ผ่านแนวต้านที่ 1580 จุดเกิดสัญญาณซื้อระยะสั้น อย่างไรก็ตามอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐ 10 ปีอยู่ในทิศทางปรับขึ้น สะท้อนความคาดหวังต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะยาว ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ไม่ใช่สกุลดอลลาร์สหรัฐ อย่างตลาดหุ้นไทยในระยะต่อไป
กลยุทธ์การลงทุน ระยะ 1-2 วัน หากปรับขึ้นมาแรงเหนือแนวต้านเดิม (1591 จุด) ควรเป็นจังหวะขายทำกำไร และหาจังหวะขึ้นขายลงซื้อหาก SET ไม่หลุด 1580 จุด
(1) Top Daily Pick : SIM (ปรับมูลค่าเหมาะขึ้น 8% มาที่ 5.2% สะท้อนการปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 57-58 จากปริมาณขายและราคาขายเฉลี่ยของ Smart Phone ดีกว่าสมมติฐานเดิม) SPALI (งานในมือกว่า 4 หมื่นล้านบาทเกือบ 100% ของประมาณการรายได้ปีนี้ และสูงเป็นอันดับสองในอุตสาหกรรม จะสนับสนุนการเติบโตของผลประกอบการใน 2H57 และมีอัตรากำไรสุทธิที่ 20% สูงกว่ากลุ่ม ที่ 17%)
(2)Technical Pick : TRUE KTB CHO SIM AJD
(3)Theme Play : กลุ่มที่มีโอกาสปรับฐานเสร็จก่อน เน้นหุ้นปัจจัยพื้นฐานดีบางตัวในกลุ่ม ได้แก่ โรงพยาบาล (BCH BGH BH) ประกัน (BLA THRE) ธนาคาร (BBL KBANK SCB) อสังหา (PS HEMRAJ) อิเล็กโทรนิกส์ (DELTA HANA KCE SVI) และขนส่ง/ท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW MINT)
ระยะ 1-2 สัปดาห์
Trading KAMART M RS SRICHA SYMC TOP WORK
ระยะ 3- 6 เดือนขึ้นไป
รายงานวันนี้
Update : SPALI (ซื้อ / มูลค่าเหมาะสม 27.40 บาท) รับรู้รายได้ต่อเนื่อง ยอดขายเติบโตเด่น
Update : SIM (ซื้อ / มูลค่าเหมาะสม 5.20 บาท) เพิ่มมุมมองบวกต่อการเติบโตของธุรกิจ
หลังสิ้นสุดการทำ QE คาดว่า SET จะได้รับผลกระทบแค่ไหน
1.เรานำเสนอไปเมื่อวานแล้วว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดที่จะเกิดขึ้นในกลางปีหน้า (ตลาดคาดการณ์) เป็นสิ่งที่ไม่น่าวิตก เมื่อพิจารณาสถิติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐในคราวก่อนจาก 1% ในเดือน พ.ค.47 ไปสู่ระดับสูงสุดที่ 5.2% ในเดือน มิ.ย.49 ซึ่งปรับขึ้นต่อเนื่องถึง 17 ครั้ง แต่เราพบว่า SET เริ่มตอบสนองเชิงลบหลังมีการปรับขึ้นในครั้งที่ 6
2.สิ่งที่เราวิตกมากกว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ย คือปฎิกิริยาตอบสนองของตลาดหุ้น หลังสิ้นสุดการทำ QE ที่จะเกิดขึ้นในปลายเดือนต.ค.นี้ ซึ่งเราพบว่าหลังยุติ QE2 กลางปี 55 และ ประกาศลดการทำ QE (Tapering) เมื่อกลางปี 56 ทำให้ SET ปรับลดลงราว 26% ทั้งสองครั้ง
3.อย่างไรก็ตามเราประเมินผลกระทบต่อ SET หลังยุติการทำ QE ครั้งนี้จะไม่มากเท่าสองครั้งก่อน โดยแรงกดดันจากเงินไหลออกจากตลาดหุ้นจะมีจำกัดเนื่องจากยอดซื้อสุทธิสะสมของนักลงทุนต่างชาติปัจจุบันอยู่ในระดับที่ต่ำสุดในรอบ 9 ปี ลดลงมากเมื่อเทียบกับช่วงที่มีการทำ QE2 บ่งบอกว่าเงินที่เหลืออยู่ในหุ้นส่วนใหญ่น่าจะเป็นการลงทุนระยะยาว
ยอดซื้อสะสมต่างชาติกับการเคลื่อนไหวของ SET ช่วงทำ QE
4.แรงกดดันจากการขายทำกำไรในตลาดหุ้นหลังยุติการทำ QE ถ้ามี จะมาจากฝั่งของนักลงทุนไทย ซึ่งเราเชื่อว่าส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้ประเด็นเรื่อง QE ในการตัดสินใจ ไม่ได้มีแรงจูงใจที่จะนำเงินออกนอกประเทศ อาจมีการลดสัดส่วนเพื่อถือครองเงินสด รอจังหวะกลับเข้ามาลงทุนใหม่ ซึ่งภาวะดอกเบี้ยที่แท้จริงติดลบในปัจจุบัน (อัตราดอกเบี้ยเงินฝากต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อ) การถือครองเงินสดไว้นานเสี่ยงต่อการสูญเสียมูลค่าเงินลงทุน
สรุป เราเชื่อว่าผลกระทบต่อ SET หลังสิ้นสุดการทำ QE ครั้งนี้จะไม่มากเท่าสองครั้งก่อน ปรับตัวลงมาแรงของตลาดหากเกิดขึ้นจากประเด็นดังกล่าวจะเป็นโอกาสทยอยสะสมหุ้นเพื่อโอกาสลงทุนในปี 58
Smart Port Note
BTS ซื้อหุ้นคืนภายในวงเงินสูงสุดไม่เกิน 6 พันล้านบาท และจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนประมาณ 5% ของหุ้นที่จำหน่ายแล้ว กำหนดระยะเวลาที่จะซื้อคืนตั้งแต่ วันที่ 25/08/57 – 24/02/58
หุ้นใน Smart Port ที่จะขึ้น XD ได้แก่ 2/10/2557 – TVD
KAMART บทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน update ล่าสุดเดือน กุมภาพันธ์ 2557