กลยุทธ์ : เราคาดว่าหุ้น IPO ใหม่ที่จะเข้าซื้อขายในวันนี้อย่างโอสถสภา (OSP) น่าจะสร้างความคึกคักให้กับตลาดในวันนี้ได้พอสมควร โดย consensus ส่วนใหญ่ให้ราคาเป้าหมายอยู่ที่ประมาณ 25.75-36.00 บาท อ้างอิง PER 23-30 เท่า ซึ่งต่ำกว่า CBG ที่ปัจจุบันซื้อขายที่PER 40.8 เท่า เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตของผลกำไรดูต่ำกว่า CBG (ตลาดคาด OSPกำไรปีหน้าจะเติบโต 15.8% คิดเป็น PEG 1.58 เท่า ณ ราคา IPO ที่ 25 บาท แต่หากคิดที่ราคาเป้าหมายเฉลี่ยกลางที่ 30 บาทจะเป็น PEG 1.89 เท่า ในขณะที่เราคาด CBG จะมีกำไรเติบโต 23.4% คิดเป็น PEG 1.74 เท่า) จากนโยบายการดำเนินธุรกิจที่ conservativeมากกว่า วันนี้คาดตลาดจะฟื้นตัวขึ้นไปทดสอบระดับ 1710-1720 จุด ตามการฟื้นตัวแรงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ และภูมิภาคเอเชียหลังมีการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ บวกกับ U.S. bond yield ทรงๆ ตัวไม่พุ่งสูงขึ้นเหมือนสัปดาห์ก่อน นอกจากนั้นราคาน้ำมันที่ฟื้นตัวขึ้นก็จะเป็นบวกกับกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีอีกด้วยแนะนำ ซื้อเก็งกำไรกลุ่มธนาคาร พลังงาน ปิโตรเคมี อสังหาฯ และโรงแรมและการท่องเที่ยววันนี้มองแนวรับที่ 1690-1695 จุดและแนวต้านที่ 1710-1720 จุด แนะนำ ซื้อเก็งกำไร BJC MEGA TMB TOP

 

  MEGA : เราแนะนำ ซื้อ MEGA โดยมีราคาเป้าหมาย 48.60 บาท เรายังมองเชิงบกต่อ MegaWe Care (MWC) และเชื่อว่าธุรกิจนี้สามารถทำรายได้เติบโต 10% yoy ในปี FY18 นำโดยยอดขายที่แข็งแกร่งของยาสามัญและผลิตภัณฑ์กลุ่มบำรุงสุขภาพเช่นวิตามิน B, C และลูกอมสมุนไพร (Eugica) ส่วนการแข่งขันกับคู่แข่งสำคัญคือ Blackmores ยังทรงตัวเพราะเราพบว่าทั้งสองแบรนด์ไม่ได้ปรับราคาลงมากนัก ส่วน Maxxcare มีรายได้เติบโตแข็งแกร่งถึง 12%yoy ใน 2Q18 (เราคาดไว้ 10%) นำโดยธุรกิจในเมียนมาร์ และน่าจะเป็นการยืนยันให้เห็นการฟื้นตัวของธุรกิจ Maxxcare หลังสูญเสียลูกค้ารายใหญ่ในปีที่แล้ว ขณะที่เราเชื่อว่าเมื่อการก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้า (DC) แห่งใหม่แล้วเสร็จ ธุรกิจนี้จะมีอุปสงค์จากลูกค้าเข้ามาอย่างสม่ำเสมอเนื่องจาก MEGA กล่าวว่าบริษัทเล็งเห็นความต้องการเพิ่มจากลูกค้าในเมียนมาร์นอกจากนี้ เราเชื่อว่า Maxxcare จะยังเติบโตในระดับนี้ใน 2H18 จากการขยายกำลังการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพของ DC ใหม่ บวกกับ IMF ประมาณการว่า GDP ของเมียนมาร์จะเติบโตแข็งแกร่งถึง 6.9%

 

  17 ต.ค. : คาด TMB ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/61 โดยเราคาดมีกำไรสุทธิ 2,167ล้านบาท (+8.2% yoy, +6.9% qoq)

  17 ต.ค. : สหรัฐประกาศตัวเลข Housing Starts เดือนก.ย. โดยตลาดคาด 1.2 ล้านยูนิต จากเดือนก่อนหน้าที่ 1.282 ล้านยูนิต

  17 ต.ค. : สหรัฐประกาศตัวเลข Building Permits เดือนก.ย. โดยตลาดคาด 1.275 ล้านยูนิตจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.229 ล้านยูนิต

  18 ต.ค. : คาด SCB ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/61 โดยเราคาดมีกำไรสุทธิ 10,691ล้านบาท (+5.5% yoy, -3.8% qoq)

  18 ต.ค. : คาด BBL ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/61 โดยเราคาดมีกำไรสุทธิ 8,933ล้านบาท (+9.4% yoy, -2.8% qoq)

  18 ต.ค. : คาด KBANK ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/61 โดยเราคาดมีกำไรสุทธิ 9,243ล้านบาท (-2.5% yoy, -15.3% qoq)

  18 ต.ค. : คาด KTB ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/61 โดยเราคาดมีกำไรสุทธิ 7,321ล้านบาท (+24.7% yoy, -5.1% qoq)

  18 ต.ค. : คาด KKP ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/61 โดยเราคาดมีกำไรสุทธิ 1,527ล้านบาท (-11.4% yoy, -1.6% qoq)

 

  DTAC : Company Note คำแนะนำ: ซื้อ ราคาเป้าหมาย 54.40 บาท

 

  กลยุทธ์ : SET Index ปรับตัวลดลงหลุดแนวรับสำคัญของเส้นแนวโน้มขาขึ้นที่ 1700 จุดลงไป ทำให้แนวโน้มหลักยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 1670 จุด และมีแนวรับถัดไปที่ 1630จุดเป็นจังหวะในการเข้าซื้อ โดยมีแนวต้านสำคัญที่1695-1700 จุด

  Energy Absolute (EA TB; THB 47.50) – ซื้อ

  Eastern Polymer Group (EPG TB; THB 7.95) –ซื้อ