- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 17 October 2018 17:22
- Hits: 6341
บล.ฟินันเซียไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Mid-Term Let Profit Run
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ตามคาดโดยจับตาดูหลายปัจจัยทั้งในต่างประเทศโดยเฉพาะในยุโรปทั้งงบประมาณอิตาลีและ EU Summit ในประเด็น Brexit รวมถึงผลประกอบการ 3Q18 ของกลุ่มธนาคารบ้านเรา อย่างไรก็ตามนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นต่อเนื่องอีก 2.8 พันลบ. (และยัง Short ใน Index Futures อีก 1.6 พันสัญญา) ขณะที่สถาบันในประเทศยังซื้อสุทธิ 2.4 พันลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index ปรับตัวขึ้นจากบรรยากาศการลงทุนที่สดใสหลังตลาดหุ้นสหรัฐฯพุ่งแรงรับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ดีกว่าคาด ซึ่งวันนี้กลุ่มธนาคารบ้านเราจะเริ่มทยอยประกาศเช่นกันโดยเราคาดว่าจะเติบโตดี Y-Y อย่างไรก็ตามยังมีหลายประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามโดยเฉพาะฝั่งต่างประเทศ ทั้งการประชุม EU Summit ในประเด็น Brexit สัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยจากรายงานการประชุม FED รวมถึง EU ที่ต้องพิจารณาร่างงบประมาณขาดดุลของอิตาลีที่ยืนไว้ -2.4% ของ GDP ในปี 2019 โดยเรายังมีมุมมองเป็นบวกในระยะกลาง-ยาวต่อ SET Index จากปัจจัยในประเทศที่แข็งแกร่ง
กลยุทธ์ : ถือลงทุนระยะกลาง-ยาวหลังจากสะสมหุ้นช่วงลบไปแล้ว
หุ้นเด่นเดือนต.ค. : BDMS, CPALL, CPN, MINT, PTTGC
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$468ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากไต้หวัน US$362ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$87ล้าน ขณะที่ไหลเข้าอินโดนีเซีย US$40ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาค แต่น่าจะชะลอลงตามข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่ง แต่เนื่องจาก Bond yield ยังทรงตัวในระดับสูงสะท้อนว่าตลาดยังกังวลต่ออัตราดอกเบี้ยอยู่
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> QH <<
แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 3.90 บาท
เรามองว่าหุ้น laggard มีโอกาสให้ผลตอบแทนดีกว่าหุ้น leader ในระยะนี้ ซึ่ง QH ดูจะเป็นหุ้น laggard ที่น่าสนใจสุด เพราะแนวโน้มกำไร 3Q18 คาดโตทั้ง Q-Q, Y-Y และได้รับผลกระทบจากมาตรการคุมสินเชื่ออสังหาฯจำกัด อีกทั้ง ปันผลเฉพาะ 2H18 สูงถึง 3-4%
ราคาหุ้น 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลง 7% แย่กว่า SET100 ที่ลง 4% ขณะที่ PE และ PBV ที่ 9 เท่า และ 1.3 เท่า อยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอดีตทั้งคู่
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯฟื้นตัวโดดเด่น จากการเปิดเผยงบ 3Q18 ของกลุ่มแบงก์ที่ออกมาดีกว่าคาด ทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ และ VIX Index เริ่มคลายตัวลง สะท้อนให้เห็นว่าตลาดเปลี่ยนมาโฟกัสที่ผลประกอบการมากกว่าปัจจัยเชิงมหภาค ซึงบ้านเราที่กำลังอยู่ในช่วงประกาศงบ 3Q18 ก็น่าจะอยู่ในธีมเดียวกัน (เน้นเลือกตัวที่งบโตทั้ง Q-Q และ Y-Y) เงินบาทเริ่มกลับมาแข็งค่า เหลือเพียง fund flow ที่ยังไม่เข้า จึงยังต้องเน้นหุ้น Domestic Play ต่อไป
(0) TOP คาดกำไร 3Q18 ที่ 4.6 พันลบ. (-3% Q-Q, -39% Y-Y) จากผลของ Stock Gain ที่น้อยลง ในขณะที่ Market GIM พลิกฟื้นขึ้นมาที่ US$7.8/บาร์เรล (+32% Q-Q, -24% Y-Y) จาก Supply โรงกลั่นกับโรงอโรมาติกส์ที่หายไป และ Crude Premium ที่ลดลง อย่างไรก็ตาม กำไรยังไม่สามารถเทียบกับ 3Q17 ได้เนื่องจากพายุฮาร์วี่ในปีก่อนทำให้ค่าการกลั่นสูงผิดปกติ แนวโน้มผลกำไร 4Q18 ไม่รวม Stock Gain/Loss คาดว่าจะดีขึ้นจากการเข้าสู่ High Season และประโยชน์ระยะสั้นจากธุรกิจอโรมาติกส์ที่มี Spread กว้างขึ้น แนะนำซื้อ โดยปรับไปใช้กำไรปี 2019 ที่ 93 บาท
(+) BJC คาดกำไรสุทธิ 3Q18 ที่ 1,635 ลบ. (+17.1% Q-Q, +17.9% Y-Y) โดดเด่นสุดในกลุ่มค้าปลีก จาก SSSG ของ BIGC ที่จะพลิกเป็นบวกราว +2.5% Y-Y และคาดอัตรากำไรขั้นต้นจะดีขึ้นจากการนับสต็อกของ BIGC อีกทั้ง คาดเห็นการเติบโตได้ต่อเนื่องทั้งธุรกิจ Packaging Consumer และ Healthcare and Technical แนวโน้มกำไรจะทำจุดสูงสุดของปีใน 4Q18 จาก High Season และจะรับรู้โรงงานแก้วแห่งที่ 5 ได้เต็มไตรมาส รวมถึงคาดจะปรับโครงสร้างภาษีได้แล้วเสร็จ และเห็นอัตราภาษีจ่ายลดลงได้ตามเป้าหมาย เรายังคาดกำไรสุทธิปี 2018-2019 ที่ 6,567 ลบ. +26% Y-Y และ 7,953 ลบ. +21% Y-Y ตามลำดับ และคงราคาเป้าหมายปี 2019 เท่ากับ 71 บาท แนะนำซื้อ
(0) DTAC ขาดทุนสุทธิ 3Q18 ที่ 921 ลบ. พลิกจากกำไร 179 ลบ. ใน 2Q18 และ 601 ลบ. ใน 3Q17 แต่หากตัดรายการพิเศษและการกลับรายการค่าใช้จ่ายทั้งหมดออก จะมีกำไรปกติ 1 ลบ. ใกล้เคียงคาด ผลการดำเนินงานที่หดตัวเกิดจากทั้งรายได้ค่าบริการไม่รวม IC -2.3% Q-Q, -1.8% Y-Y ตาม Net Add ที่ติดลบกว่า 3 แสนราย ขณะที่ต้นทุนเพิ่มขึ้นจากการลงทุนโครงข่ายคลื่น 2300 MHz ส่วนการเข้าประมูลคลื่น 900 MHz จำนวน 5 MHz ที่ราคาตั้งต้น 37,988 ลบ. จะทำให้ผลการดำเนินงานถูกกดดันระยะสั้นจากค่าตัดจำหน่ายใบอนุญาตที่เพิ่มขึ้นปีละราว 2,600 ลบ. ตั้งแต่ปี 2019 เราจึงปรับประมาณการกำไรปกติปี 2019 ลง 18% เหลือ 5,688 ลบ. +158.5% Y-Y แต่ชดเชยได้จากการเติบโตระยะยาวที่ดีขึ้น ซึ่งผลสุทธิแล้ว จะทำให้ราคาเหมาะสมปี 2019 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 57 บาทเป็น 58 ยังคงคำแนะนำซื้อ
(-) WORK คาดกำไรปกติ 3Q18 ที่ 92 ลบ. -23% Q-Q, -76% Y-Y จากต้นทุนดำเนินงานเพิ่มขึ้นมากรวมถึงต้นทุนค่าลิขสิทธิถ่ายทอดเอเชียนเกมส์ และคาดรายได้รวมลดลง Y-Y ต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน ตาม Rating ช่อง WPTV ที่ยังไม่ฟื้น แม้มีรายได้จัดคอนเสิร์ตเพิ่มขึ้นก็ตาม ส่วนแนวโน้มกำไร 4Q18 ดีขึ้นจากฐานต่ำใน 4Q17 แต่ยังอ่อนแอ เราปรับประมาณการกำไรปกติปี 2018-2019 ลงอีก 18-30% เหลือ 441 ลบ. (-52% Y-Y) และ 486 ลบ. (+10% Y-Y) ตามลำดับ และปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2019 ที่ 33 บาท คงคำแนะนำขาย
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
17 ต.ค. - ไทย: OSP ซื้อขายวันแรก ราคา IPO 25 บาท
- สหรัฐฯ: FOMC Meeting Minute
- ยูโรโซน: EU Summit
18 ต.ค. - ไทย: BGC ซื้อขายวันแรก ราคา IPO 10.20 บาท
19 ต.ค. - ไทย: SONIC ซื้อขายวันแรก ราคา IPO 1.95 บาท
- จีน: 3Q18 GDP ตลาดคาด +6.6% Y-Y
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฟื้นตัวได้แรง หลังผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนทั้งในกลุ่มแบงค์และเทคโนโลยีที่ออกมาดีกว่าตลาดคาด ส่งผลให้เกิดแรงซื้อกลับ เช่น หุ้น Netflix ที่ปรับตัวขึ้นกว่า 15%
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นจากแรงหนุนของตลาดหุ้นสหรัฐ และข่าวการเจรจากันระหว่างนายกอังกฤษกับทางสหภาพยุโรป
(+) ตลาดเอเชียเช้านี้ปรับตัวขึ้น หลังนักลงทุนมองข้ามเรื่องสงครามทางการค้าชั่วคราวและหันกลับมามองผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนอีกครั้ง
(+) ค่าเงินบาทยังคงแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 32.52 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ย. เพิ่มขึ้น 0.14 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 71.92 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลว่าซาอุฯจะใช้น้ำมันเป็นเครื่องมือในการต่อรองกับสหรัฐ หากสหรัฐตอบโต้ซาอุฯจากคดีการหายตัวไปของนักข่าว
(-) ค่าการกลั่นสิงคโปร์ปรับตัวลง -9.56% มาอยู่ที่ 5.20 ดอลลาร์/บาร์เรล
() ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 0.70 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1231.0 ดอลลาร์/ออนซ์
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com
FB : FINNANSIA SYRUS SECURITIES LINE : @fnsyrus
OO15110