- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 16 October 2018 20:25
- Hits: 4094
บล.ฟินันเซียไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Accumulate Domestic Play and Hold
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index เริ่มเกิด Technical Rebound ได้ตามคาดหลังจากที่ร่วงแรงในช่วงก่อนหน้าหลัง Bond Yield และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯเริ่มอ่อนตัว ขณะที่ Valuation ของตลาดไทยเริ่มอยู่ในโซนที่ไม่แพงทำให้เริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตามนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นต่อเนื่องอีก 3.7 พันลบ. (และพลิกมา Long ใน Index Futures 3.4 พันสัญญา) ขณะที่สถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 4.7 พันลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways และเริ่มให้น้ำหนักกับการประกาศผลประกอบการ 3Q18 มากขึ้นโดยเริ่มด้วยกลุ่มธนาคารในสัปดาห์นี้ซึ่งโดยรวมคาดเห็นการเติบโตในระดับที่ดี Y-Y ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศแม้จะยังกดดันบรรยากาศการลงทุนและกระแสเงินทุนให้ยังไหลออกอยู่ แต่เรามองว่าดัชนีได้ตอบรับประเด็นดังกล่าวไปมากพอควร ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังแข็งแกร่ง จึงยังเชื่อว่ามีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นในระยะ 4 เดือนข้างหน้าก่อนการเลือกตั้ง
กลยุทธ์ : สะสมหุ้น Domestic ในช่วงลบและถือลงทุนระยะกลาง-ยาว
หุ้นเด่นเดือนต.ค. : BDMS, CPALL, CPN, MINT, PTTGC
Fund Flow เมื่อวันศุกร์-วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาครวม US$993ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออจากไต้หวัน US$778ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออกรวม US$112ล้าน ขณะที่ไหลเข้าเวียดนาม US$15ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย ตลาดเพิ่มความกังวลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศระหว่างสหรัฐและซาอุฯ
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> BBL <<
แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 232 บาท
เป็นหนึ่งในไม่กี่แบงก์ที่คาดว่ากำไร 3Q18 จะโตทั้ง Q-Q และ Y-Y เราคาด 9,283 ลบ. +1% Q-Q, +14% Y-Y จากค่าใช้จ่ายสำรองที่คาด -23.5% Q-Q
แบงก์ใหญ่จะได้ประโยชน์จากทั้งการขยายตัวของเศรษกิจและการลงทุน รวมถึงดอกเบี้ยในประเทศที่กำลังเป็นขาขึ้น
ราคาหุ้นยังต่ำกว่าบุ๊ค และเป็นแบงก์ใหญ่หนึ่งเดียวที่ NVDR ซื้อเพิ่ม 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) ความผันผวนจะลดลงในสัปดาห์นี้ เราคาดว่า Bond yield อายุ 10 ปีของสหรัฐจะเริ่มมีเสถียรภาพบริเวณ 3.2% ลดความผันผวนลงจากสัปดาห์ก่อน เพราะเป็นระดับที่สอดคล้องกับดอกเบี้ยเฟดปัจจุบันที่ 2-2.25% การร่วงลงแรงของตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์ก่อนเกิดจากปัจัยภายนอก จึงยังไม่ลบมุมมองบวกของเราต่อพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่ดีขึ้น การเลือกตั้งและวัฏจักรการลงทุนที่ชัดเจน รวมทั้งทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งเป็นบวกต่อกลุ่มแบงก์ รับเหมา นิคมฯ และการจับจ่าย เรายังคาดว่าดัชนีจะค่อยๆฟื้นตัวในช่วงปลายปี ประเมิน SET 1,800-1,850 จุดก่อนการเลือกตั้งต้นปีหน้า
(+) STEC คาดกำไร 3Q18 โตเด่น 5% Q-Q และ 48% แตะ 320 ลบ. จากการเริ่มงานรถไฟฟ้าสีชมพู-เหลือง และโรงไฟฟ้า Gulf 2 แห่ง รวมถึงเดินเครื่องงานสายสีส้มเต็มที่ แม้ถูกกดดันจากงานรัฐสภาใหม่ แต่คาดมาร์จิ้นน่าพอใจที่ 7.7% จากการควบคุมต้นทุนได้ดี ปัจจุบันมีงานในมือ 1.2 แสนลบ. มากกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตเกือบ 2 เท่า และรองรับรายได้อย่างน้อย 3 ปี เราปรับประมาณการกำไรปี 2018-2019 ขึ้นเฉลี่ย 16.5% จากมาร์จิ้นที่ดีกว่าคาด ปรับไปใช้ราคาเหมาะสมปี 2019 ที่ 28.50 บาท คงคำแนะนำซื้อ
(+) TRUE คาด 3Q18 มีกำไรปกติ 265 ลบ. –42% Q-Q แต่พลิกจากขาดทุน 1,160 ลบ.ใน 3Q17 แม้จะมีค่าเช่าสินทรัพย์จาก DIF รอบใหม่เต็มไตรมาส แต่ชดเชยได้จากรายได้ที่ยังโตแข็งแกร่งทั้งธุรกิจมือถือและอินเตอร์เน็ตบ้าน เราปรับประมาณการขึ้นโดยคาดปี 2018-2019 จะพลิกมีกำไรปกติ 563 ลบ. และ 3,425 ลบ. ตามลำดับ สะท้อน Upside ที่เคยประเมินและภาพรวมอุตสาหกรรมเอื้อต่อการทำกำไรมากขึ้นจากการแข่งขันที่ลดความร้อนแรง ปรับใช้ราคาเหมาะสมปี 2019 ที่ 8.50 บาท ยังคงคำแนะนำซื้อ
(+) SVI คาดกำไรสุทธิ 3Q18 อยู่ที่ 219 ลบ. (-19.2% Q-Q, +173.8% Y-Y) หากไม่รวมกำไรอัตราแลกเปลี่ยน กำไรปกติจะโต +5.8% Q-Q และ +200% Y-Y จากฐานที่ต่ำในปีก่อน ปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบที่คลี่คลายลง การเติมเครื่องจักรใหม่ต่อเนื่อง และเงินบาทที่อ่อนค่ากว่า 2Q18 แม้คำสั่งซื้อยังแข็งแกร่ง แต่คาดกำไร 4Q18 จะชะลอตามฤดูกาล เรายังคงคาดการณ์กำไรทั้งปีนี้ที่ 736 ลบ. +50% Y-Y และปีหน้า 885 ลบ. +20% Y-Y แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปี 2019 เท่ากับ 6.60 บาท
(0) DTAC จะประกาศผลการดำเนินงาน 3Q18 เย็นนี้โดยเราคาดพลิกเป็นขาดทุนชั่วคราว 1,429 ลบ.เพราะมีค่าตัดจำหน่ายเพิ่มเติมจากการยุติข้อพิพาทเสาโทรคมนาคมกับ CAT ส่วนประเด็นสำคัญที่ต้องจับตาวันนี้คือเส้นตายการยื่นซองประมูลคลื่น 900 MHz ซึ่งสมมติฐานในประมาณการและราคาเหมาะสมปี 2019 ที่ 57 บาท ของเราไม่รวมคลื่นดังกล่า เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” แต่ชอบ ADVANC มากกว่า
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
16 ต.ค.- จีน: อัตราเงินเฟ้อ (ก.ย.)
17 ต.ค.- ไทย: OSP ซื้อขายวันแรก ราคา IPO 25 บาท
- สหรัฐฯ: FOMC Meeting Minute
- ยูโรโซน: EU Summit
18 ต.ค.- ไทย: BGC ซื้อขายวันแรก ราคา IPO 10.20 บาท
19 ต.ค.- ไทย: SONIC ซื้อขายวันแรก ราคา IPO 1.95 บาท
- จีน: 3Q18 GDP ตลาดคาด +6.6% Y-Y
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลดลง นำโดยแรงขายในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และจากประเด็นความกังวลทางการเมืองของสหรัฐและซาอุ
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นจากแรงเก็งกำไรในผลประกอบการณ์บริษัทจดทะเบียน อย่างไรก็ตามต้องจับตาดูประเด็นเรื่องงบประมาณของอิตาลีที่ยังไม่มีข้อสรุปในเบื้องต้น
(+) ตลาดเอเชียเช้านี้ปรับตัวขึ้น หลังเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นที่ปรับตัวลงแรงในช่วงก่อนหน้า และความคาดหวังต่อมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน
(+) ค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 32.60 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ย. เพิ่มขึ้น 0.44 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 71.78 ดอลลาร์/บาร์เรล จากประเด็นความกังวลทางการเมืองของสหรัฐและซาอุฯ รวมไปถึงตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์ในปีหน้าของ IEA ที่มีแนวโน้มลดลง
(+) ค่าการกลั่นสิงคโปร์ปรับตัวขึ้น +8.17% มาอยู่ที่ 5.75 ดอลลาร์/บาร์เรล
() ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 8.30 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1230.3 ดอลลาร์/ออนซ์
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com
FB : FINNANSIA SYRUS SECURITIES LINE : @fnsyrus
OO15053