- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Saturday, 13 October 2018 00:07
- Hits: 22786
บล.โนมูระพัฒนสิน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“Buy Now or Never”
CNS Daily Strategy: คาดตลาด “UP” ต้าน 1705/1714 จุด รับ 1673/1669จุด แรงกดดันผ่อนคลายลงทั้งสถานการณ์ Dollar Index ที่อ่อนค่าลงมาจ่อหลุด 95จุด หลังความขัดแย้งของการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯ ระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และปธ. เฟด อีกทั้งเงินเฟ้อสหรัฐฯที่ไม่เร่งตัว ยิ่งลดแรงกดดันของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯระยะ 10 ปี ลดลงสู่ระดับ 3.163% หนุนค่าเงินเอเชียโดยรวมพลิกมาแข็งค่า เป็นปัจจัยบวกต่อการฟื้นตัวของ SET วันนี้เป็นจังหวะที่ดีในการสะสมหุ้นรอบใหม่ แนะนำ Theme “Investment Related Play” : STEC, AMATA, TOA
Nomura : Key Factors
(+) US: เงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน กย เพิ่มขึ้นเพียง 0.1%m-m ต่ำกว่าตลาดคาด 0.2%m-m
(+) US : US Bond Yield 10ปี ลดลงสู่ 3.163% และ Dollar Index หลุด 95จุด เช้านี้
(*) Fund Flow:ล่าสุดขายหุ้น-10,562ลบ,Long Future+23,013สัญญา,ขายBond-811ลบ.
(-) OIL: ราคาน้ำมันดิบวานนี้ WTI -3.01% สู่ $70.97 /bbl / BRT -3.41% สู่ $80.26 /bbl
Nomura Daily Top Picks: STEC, AMATA, TOA
Equity Daily Outlook : คาดดัชนีวันนี้ “UP” ต้าน 1705/1714จุด รับ 1673/1669จุด ตลาดหุ้นสหรัฐฯยังคงปรับฐาน -545.91จุด หรือ -2.13% ซึ่งการปรับฐานรอบนี้กดดัน MSCI World Index มีค่า PER ต่ำสุดในรอบ 2ปีครึ่ง และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวราว 16% ซึ่งถือเป็นระดับที่ Upside Risk Asset เริ่มเปิดกว้าง โดยความผันผวนนี้เกิดจากความไม่แน่นอนภายในของสหรัฐฯ ในส่วนของนโยบายการเงิน หลังมีความขัดแย้งระหว่างผู้นำสหรัฐฯ ที่ออกมาโจมตี ปธ. เฟด อย่างต่อเนื่องทั้งผ่านสื่อทั่วไปและออนไลน์ โดยนายทรัมป์ ต่อว่า เฟด เร่งขึ้นดอกเบี้ยมากเกินไป และกำลังส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจ และตลาดหุ้นสหรัฐฯ นี่เป็นครั้งที่ 4 ในรอบปีที่ผู้นำสหรัฐฯ มักจะส่งสัญญาณแทรกแทรงทางเวลา ในช่วงที่ Dollar Index แข็งค่าเกินไป คือ เหนือระดับ 95จุด(ทรัมป์พอใจระดับ Dollar Index 93-91จุด) นั่นเป็น 1 ในแรงถ่วง Dollar Index ที่จะทำให้สินทรัพย์เสี่ยงในเอเชียมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้น โดยเฉพาะวานนี้เงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน กย เพิ่มขึ้นเพียง 0.1%m-m ต่ำกว่าตลาดคาด 0.2%m-m ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯระยะ 10 ปี ที่ลดลงสู่ระดับ 3.163% ลดแรงกดดันต่อตลาด และ Dollar Index หลุด 95จุด ในเช้าวันนี้ หนุนค่าเงินเอเชียแข็งค่าขึ้นเฉลี่ยเช้านี้ -0.2% หนุนค่าเงินบาทเช้านี้แข็งค่า 37.707บาทต่อเหรียญฯ นอกจากนี้ สหรัฐฯ จะมีรายงาน “Macroeconomic and Foreign Exchange Policy of Major Trading Partners of the US” รอบเดือน ต.ค. เพื่อระบุว่าประเทศไหนมีการแทรกแทรงค่าเงินมากเกินไป โดยจะพิจารณาจากประเทศคู่ค้ากับ US 12 อันดับแรก และเป็นไปตามเกณฑ์ 3 ข้อ ได้แก่ 1) เกินดุลการค้ากับ US เกิน 2 หมื่นล้านดอลลาร์ 2) เกินดุลบัญชีเดินสะพัดเกิน 3% ของ GDP และ 3) มียอดซื้อสุทธิสกุลเงินต่างประเทศเกิน 2% ของ GDP ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ทั้งนี้ หากสหรัฐฯขยายการพิจารณาจาก Top 12 เป็น Top 21 ประเทศไทยจะมีความเสี่ยงเนื่องจากเข้าเกณฑ์ทั้ง 3 ข้อ และเป็นคู่ค้าลำดับที่ 21 ดังนั้นเรามองว่ามีโอกาสที่ค่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นอีกจากประเด็นนี้ จะหนุนตลาดหุ้นไทยในระยะถัดจากความเสี่ยงต่อ outflow ที่จำกัดลง แต่จะเป็นลบต่อกลุ่มส่งออก ภาพรวมดังกล่าวหนุน SET เป็นจุดซื้อที่ดี ก่อนจะฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วงถัดไป
Asset allocation : หุ้น 75% และเงินสด 7.5% ทองคำ 12.5% ตลาดบอนด์ 5%
Daily Strategy : ถือหุ้น 75% Sector Rotation เน้นสะสม Domestic Play BBL, KBANK, TMB, CPALL, ROBINS, ADVANC, CK, STEC, PYLON, AMATA, GOLD, SC, ERW, BH, และ Global Play (PTT, PTTEP) วันนี้เน้น “Theme “Investment Related Play”
BANK : เสวนากังวลดอกเบี้ยต่ำวันนี้ จะหนุนโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยปลายปี และต้นสัปดาห์หน้าจะเริ่มทยอยประกาศผลประกอบการ กลยุทธ์แนะนำเก็งกำไรกลุ่มที่คาดกำไรโต qq yy ได้แก่ TMB(+2.1%yy, +6.1%qq), BBL(+16.4%yy, +3.3%qq), คาดประกาศ ดังนี้ 17ตค(TMB), 18ตค(TCAP, SCB, BBL), 19ตค(KBANK, KTB)
Golden Week 1-7ตค 2018 นักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัว +2.77%y-y และวันที่ 18 ตคนี้ ทางการจะหารือมาตรการเสริมการท่องเที่ยว(Double VISA) หนุน AOT, ERW, SPA
กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน(TFFIF) กำลังจะเปิดขาย IPO 12-19 ตค ผสาน TOR 4 โครงการเร่งด่วน เข้า ครม 16 ตค หนุน STEC, AMATA, WHA, CK, PYLON
หุ้นเก็งเข้า MSCI รอบเดือน พย 2018 GULF, TOA
กลุ่ม รฟฟ เด่นการเติบโต เน้น GULF BGRIM PSTC BWG
OCT 2018 Portfolio Top Picks : AMATA GUNKUL PTT TMB SC STEC
2H18 Theme Domestic : Election play when oil surge
Best Picks 2H18 : PTT, IVL, BBL, KBANK, CPALL, CK, STEC, SEAFCO, PYLON, AMATA, GOLD
1. Index Driver : PTT, BBL, KBANK, CPALL, PTTEP, IVL
2. Government Spending : STEC, CK, PYLON, SEAFCO, AMATA, ROJNA, SCC
3. Property : GOLD, SC
4. Tourism & Transport : ERW, BTS
5. Global Play : IVL, PTL
6. ICT : ADVANC
Fundamental & Tactical Daily Top Picks :
STEC (TP19F 32*): Support 24.4/24.0 Resistant 25.25/26.0
Theme: Investment related Play
Earnings Outlook: คาด 2H18F จะเด่นกว่า 1H18 มาก เติบโตสูงต่อเนื่องทั้ง y-y และ h-h ตามรายได้ก่อสร้างที่เร่งขึ้นจากงานรถไฟฟ้าสายสีส้ม และโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู และเหลืองที่ส่งมอบพื้นที่และเริ่มเร่งก่อสร้าง และเป็นงาน Margin ดี นอกจากนี้มี Backlog secure รายได้ถึง 2020F
Valuation: ยัง under own โดยซื้อขายเพียง P/BV19F 2.9x ยังเหมาะสมจากความสามารถในการทำกำไรสูง, ฐานะการเงินแข็งแกร่ง upside เปิดกว้าง 30% และมี Hidden value จากการถือ GULF 40 ล้านหุ้น@ทุน 45 บาท/หุ้น
Catalyst: ภาพระยะกลางยาว ได้ประโยชน์จากการลงทุนรอบใหญ่โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานของประเทศและ EEC สอดรับกับภาพระยะสั้นคาดรัฐจะเร่งงานประมูลออกมาก่อนเลือกตั้ง (รถไฟ High speed เชื่อม 3 สนามบิน, รถไฟฟ้าสีส้ม, รถไฟทางคู่, มาบตาพุดเฟส 3 ฯลฯ) + คาดไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์เปิดขายปลาย ต.ค.18 นี้ หนุนกลุ่มอิงการลงทุน
AMATA (CONSENSUS TP 26.78): Support 23.4/23.1 Resistant 24.6/25.25
Theme: Investment related Play
Earnings Outlook: พรบ. EEC ที่มีผลแล้ว จะเริ่มขับเคลื่อนปริมาณขายที่ดิน พร้อมๆกับ Recurring income คาดผลประกอบการ 2H18F ฟื้นตัว h-h จากรายได้การขายที่ดินเพิ่มขึ้น และคาดกำไร 2019F +34%
Valuation: ราคาหุ้นซื้อขายที่ PER19F 14.2x และ PBV19F 1.45x มองเป็นจุดเริ่มทยอยสะสมรอบใหม่ได้ และคาดหุ้นจะกลับมาน่าสนใจเต็มที่อีกครั้งใน 2H19F
Catalyst: EEC จะเป็นนโยบายสำคัญ ผลักดันไทยไปสู่ value-driven economy ซึ่งระยะสั้นคาดจะมีโครงการเกิดขึ้นก่อนเลือกตั้งราว 5 โครงการ (High speed เชื่อม 3 สนามบิน พ.ย. นี้, มาบตาพุดเฟส3, แหลมฉบังเฟส 3, สนามบินอู่ตะเภา, ศูนย์ซ่อมอู่ตะเภา) ลุ้นเข้าครม. 16 ต.ค.นี้ + หากสงครามการค้ายืดเยื้อจะเอื้อต่อโอกาสย้ายฐานผลิตจากจีนมาไทย
TOA (TP19F 42*): Support 34.0/33.5 Resistant 36.0/37.0
Theme: Earnings Play
Earnings Outlook: คาดกำไร 3Q18F 400 ลบ. (-10% q-q,+14% y-y) จากการปรับราคาสินค้าในไทยและปริมาณขายในต่างประเทศยังเติบโต และยังมีแนวโน้มโตต่อเนื่องใน 4Q18F คาดเพิ่มทั้ง y-y, q-q และปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตาคือคาดต้นทุนวัตถุดิบ Titanium dioxide หรือ TiO2 จะเริ่มลดลงตั้งแต่ 2019-20F จาก New supply จากจีนจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยฯ บวกกับ มีแผนเพิ่ม Capacity ขึ้นอีก 16% หนุนภาพระยะกลาง กำไร 3 ปีหน้ายังเป็นช่วงเติบโต คาดเพิ่ม CAGR 16%
Valuation: ราคาหุ้นที่ปรับลงมาอยู่ในจุดที่เหมาะสมอีกครั้ง หลัง Consensus ปรับลดประมาณการแล้ว ขณะที่แนวโน้มกำไรยังคาดหวังการเติบโตได้
Catalyst: คาดราคาต้นทุนสำคัญ (TiO2) จะเริ่มกลับเป็นขาลงตั้งแต่ปี 2019F โดยราคาล่าสุด 1 ต.ค. อยู่ที่ 2.5 พันเหรียญ/ตัน (-7% y-y, -3% q-q) + รอบลงทุนรอบใหญ่จะกระตุ้นกิจกรรมก่อสร้างกลับมา
Note: TP (Bloomberg Consensus) , *TP(CNS), **TP(Nomura)
Strategist Team
Koraphat Vorachet : Analyst Registration No. 043100
Fundamental Investment Analyst on Capital Market and Technical
[email protected] 0-2081-2771
Yada Kampalanonwat : Analyst Registration No. 083785
Fundamental Investment Analyst on Securities
[email protected] 0-2081-2783
OO15011