หุ้นสหรัฐฯ ปรับลดลงแรง จากความกังวลการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร รวมถึงเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวจากผลของสงครามการค้า ขณะที่น้ำมันดิบปรับลดลง 3% หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 3 ขณะที่โอเปคปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันปีหน้าเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ทองคำฟื้นตัวขึ้นทดสอบ 1220 เหรียญฯ ความกังวลต่อสินทรัพย์เสี่ยงผลักดันราคาสินทรัพย์ปลอดภัย (safe heaven) ขณะที่หุ้นไทยปรับลดลงแรงจากหลายปัจจัยได้แก่ 1) ปรับตัวลดลงจากปัจจัยลบภายนอก 2) แรงฉุดจากกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันดิบปรับลง ขณะที่มีข่าวกำไร PTT จะลดลงจากรายการภาษีของบริษัทย่อย 3) ข่าวกกพ.ไม่เห็นชอบ GPSC เข้าซื้อหุ้น GLOW 4) กระแสความกังวลยกเลิก LTF หลังสิ้นสุดมาตรการในปี 2562

  แม้หุ้นโลกจะปรับลดลงแรง แต่นักลงทุนต้องมีสติและไม่ตระหนกจนเกินไป การปรับตัวขึ้นของดอกเบี้ย เนื่องมาจากเศรษฐกิจที่ดีและแข็งแกร่งครึ่ง ซึ่งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ขึ้นตาม จะทำให้ความน่าสนใจของหุ้นและตลาดหุ้นที่แพงลดลง แต่จะสร้างโอกาสในการเกิด Rotation ไปยังหุ้นและตลาดหุ้นที่น่าสนใจกว่า หลังจากความผันผวนผ่านไปแล้ว ประเมินความเสี่ยงของตลาดหุ้นไทย มีแนวรับที่ 1670 จุด และกรณีเลวร้าย (worst case) จะอยู่ที่ประมาณ 1620 จุด (อิง Earning yield gap model) ใช้กลยุทธ์ทยอยซื้อและเลือกจัดสรรน้ำหนัก (money management) ในกลุ่มที่เกี่ยวกับเลือกตั้ง และบริโภค

  ปัจจัยติดตามวันนี้ กลุ่มธนาคารคาดเริ่มมีแรงเก็งกำไรจากการทยอยประกาศผลการดำเนินงานที่ดี ขณะที่กลุ่มพลังงานอาจผันผวนช่วยสั้นจากความกังวลงบ PTT จากภาระภาษีและการขอให้สนับสนุนผู้มีรายได้น้อยของภาครัฐ แต่ผลกระทบจำกัด การปรับลงต่อเป็นโอกาสซื้อ

Investment Theme หุ้นใหญ่และกลุ่มหุ้นเลือกตั้ง BBL, SCB, STEC, CPALL, PTT, PTTEP/ หุ้นเล็กที่น่าสนใจ GUNKUL*, PSTC*, DTC*, EASTW*, AEONTS* / หุ้นกระแสเงินสดมั่นคง-ปันผล CPNREIT, CPN, PSH, AP, SPF*, EA, BCPG 

ภาพรวมกลยุทธ์: ซื้อขายที่แนวรับและเลือกเก็งกำไรเมื่ออ่อนตัว ถือหุ้นที่มี หรือทยอยสะสมหุ้นใหญ่ รวมทั้งสามารถเลือกเก็งกำไรหุ้นขนาดกลาง-เล็ก  // หุ้นแนะนำวันนี้ BBL, ADVANC / เก็งกำไร KTC (เป้า 40 ตัดขาดทุน 32)

แนวรับ 1670 / แนวต้าน : 1690 จุด สัดส่วน : เงินสด 30% : พอร์ตหุ้น 70%

 

  ต่างชาติเก็บบอนด์ทุบสถิติ สวนกระแสหุ้นดิ่ง - ต่างชาติรุมตอมลงทุน "ตราสารหนี้ไทย" หนุน มูลค่าสะสมสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ 940,349 ล้านบาท สวนทางเปิดตลาดหุ้นไทยดิ่งแรง 42.55 จุด

  คุมสินเชื่อบ้าน – สถาบันการเงินเสนอ 6 ข้อให้ธปท.ผ่อนปรน เช่นดกณฑ์การนับบ้านหลังที่สอง การซื้อก่อนออกประกาศ และกรณีบ้านเสร็จพรอ้มโอนหลังม.ค.62 รวมถึงความเป็นไปได้ที่จะเลื่อนใช้

  สั่งปตท.อุ้มราคาพลังงาน - "สมคิด" สั่ง ปตท.คุมเข้มราคาพลังงาน พร้อมหาทางรับมือและช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย-รถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง และแท็กซี่ ด้าน กบง.ควักกองทุนอุดหนุนเพิ่ม 50 สตางค์ อั้นไม่ให้ดีเซลทะลุ 30 บ.ต่อลิตร

  กกพ.สั่งห้าม GPSC ฮุบโกลว์อ้างขัดข้อกม. - กกพ.ลงมติเอก ฉันท์ ห้าม GPSC ซื้อหุ้นโกลว์ ระบุเข้าข่ายลดการแข่งขัน ขัดต่อ พ.ร.บ.การประกอบกิจการพลังงาน 2550 จีพีเอสซีรับมติ กกพ.ลุยต่อโครงการอื่น

 

ประเด็นติดตาม: 12 ต.ค. – ตัวเลขดุลการค้าจีน, 16 ต.ค. – ตัวเลขเงินเฟ้อจีน, 18 ต.ค. – FOMC meeting minutes

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)

 

12 ต.ค. – ตัวเลขดุลการค้าจีน

16 ต.ค. – ตัวเลขเงินเฟ้อจีน

 

BBL (240) : คาดผลการดำเนินงานไตรมาส 3/61 ชะลอ QoQ แต่เพิ่มขึ่น YoY มีผลกระทบจากสินเชื่อกู้บ้านต่ำ

ADVANC (220) : ราคาปรับลดลงจนเริ่มกลับมาน่าสนใจผลตอบแทนปันผล และการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่ลดความรุนแรงลง

KTC* (40) : เก็งกำไรแบบตั้งจุดตัดขาดทุนที่ 32 บาท

หุ้นที่น่าสนใจอื่นๆ: กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ / CHOW*, SSP*, AEONTS*, EGCO, GULF*, BJCHI*, TH*, THANI*, BBL (ควรตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5%)