- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 11 October 2018 18:00
- Hits: 7425
บล.เอเชีย เวลท์ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทนให้ได้ ระยะสั้นต้องเล่นให้ไว
ตลาดหุ้นไทยวันนี้ : วานนี้ตลาดหุ้นไทย Outperform ด้วยการบวกแรงถึง 1.47% ขณะที่มาเลเซียและสิงคโปร์ ติดลบหนักมาก 2% และ 1% ตามลำดับ จากการที่ตลาดหุ้นดาวโจนส์สหรัฐฯ ปรับตัวลงมากถึงกว่า 800 จุด โดยทุกตลาดของสหรัฐฯ ปรับลดลงราว 3%-4% เนื่องจากความวิตกกังวลที่อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อ คาดว่าทำให้ตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นในเอเชียปรับตัวลดลงตาม นอกจากนี้ VIX ปรับขึ้นสูงอย่างรวดเร็วไปที่ 22.96 จุด แนะนำนักลงทุนรอให้ตลาดซึมซับ ความตกใจเหล่านี้ไปก่อน แล้วหาจังหวะในการเข้าซื้อเล่นสั้นรอบใหม่ เรามองว่าการปรับตัวลงของหุ้นครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยพื้นฐาน แต่เป็น Sentiment ของตลาดที่รับอิทธิพลจากการปรับตัวลงของตลาดหุ้นอื่น และ Fund Flow ยังปั่นป่วนหาทิศทางได้ไม่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม วานนี้ที่หุ้นไทยปรับตัวขึ้นสวนตลาดอื่น สามารถมองได้ว่าหุ้นไทยเป็น Safe Haven หรือเป็นแหล่งพักเงินในยามที่เกิดความกลัวในตลาดหุ้นทั่วโลก นอกจากการพักเงินในตลาดหุ้นบางส่วนแล้ว ก็มีการนำเงินเข้าซื้อตราสารหนี้ในไทยที่มีความปลอดภัยด้วย แม้ Growth ของกำไรบริษัทจดทะเบียนจะไม่สูง และ GDP Growth ก็ต่ำกว่า Emerging Market อื่นก็ตาม เลือกหุ้นปลอดภัย เรายังเน้นไปที่หุ้นกลุ่มธุรกิจไฟฟ้า และอุปโภคบริโภคเป็นหลัก วันนี้แนะนำ GPSC, GUNKUL, CPN กรอบดัชนีวันนี้ มองแนวรับที่ 1,700-1,680 จุด แข็งแกร่งแล้วสำหรับหุ้นไทยในไตรมาส 4/61 และมองแนวต้านที่ 1,726 จุด และ 1,732 จุด
Stock Comment
GPSC Pick of the day
GUNKUL (ปิด 3.30 บาท; ซื้อ; AWS TP 5.00 บาท) ปีนี้มีการ COD โรงไฟฟ้าใหม่มากขึ้น กำลังการผลิตปี 2561 เพิ่มขึ้นมาเป็นราว 350 เมกะวัตต์ จากปีก่อนที่ 173 เมกะวัตต์ (+102%)
CPN (ปิด 80.25 บาท; ซื้อ; AWS TP 85.00 บาท) มองเป็น Safe Haven ที่ดี ตลาดหุ้นปรับตัวลงเป็นโอกาสดีเข้าสะสมหุ้น เนื่องจากมีรายได้จาก Recurring Income สม่ำเสมอ
หุ้นเด่นวันนี้ : GPSC (ปิด 68.00 บาท; ซื้อ; AWS TP 73.00 บาท)
คาดผลประกอบการไตรมาส 3/61 ทรงตัว QoQ แต่จะเติบโต YoY จากการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้า IRPC-CP Phase 2 ขนาด 195 MW ที่เริ่ม COD ในเดือน พ.ย.60 แบบเต็มไตรมาส เรามองว่า GPSC เป็น 1 ในบริษัทที่ได้ประโยชน์จากโครงการ EEC รวมถึงแผนการลงทุนของ PTT จะช่วยหนุนการเติบโต GPSC ในอนาคต นอกจากนี้บริษัทยังมีศักยภาพในการเติบโตเพิ่มมากขึ้นจากการเข้าซื้อกิจการ GLOW Energy ซึ่งจะช่วยขยายฐานลูกค้าและลดต้นทุนการดำเนินงาน เราคาดกำไรสุทธิของบริษัทในปี 2561 และ 2562 เท่ากับ 3,904 ล้านบาท และ 4,677 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% YoY และ 20% YoY ตามลำดับ แนะนำ "ซื้อ" ประเมินราคาเป้าหมายสำหรับ 12 เดือนข้างหน้า 73.00 บาทต่อหุ้น อิงวิธี Sum-of-the-parts
ปัจจัยในประเทศ :
กองทุน Thailand Future (TFFIF) เตรียมเปิด IPO ในวันพรุ่งนี้ในราคาหน่วยลงทุนละ 10 บาท โดยสามารถจองซื้อหน่วยลงทุนตั้งแต่วันที่ 12-19 ต.ค. 61 และกำหนดราคาจองซื้อหน่วยลงทุนขั้นต่ำรายละ 1 หมื่นบาท (bangkokpost)
ครม. เห็นชอบหลักการ พ.ร.บ. กำกับดูแลผู้ให้บริการทางการเงิน ที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน โดยในช่วงแรก พ.ร.บ. ดังกล่าวจะควบคุมผู้ให้บริการทางการเงินรวม 5 ประเภท ได้แก่ พิโกไฟแนนซ์ สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ สินเชื่อเช่าซื้อ ลิสซิ่ง และแฟคตอริ่ง (บางกอกโพสต์) ความเห็น: ปัจจัยดังกล่าวไม่น่าให้ Sentiment เชิงลบต่อผู้ประกอบการนอนแบงก์ ได้แก่ SAWAD (ปิด 46.25 บาท; ซื้อ; AWS TP 59 บาท) และ MTC (ปิด 51.25 บาท; ซื้อ; AWS TP 57 บาท) หลังจาก ธปท. เตรียมออกเกณฑ์ควบคุมสินเชื่อจำนำทะเบียนรถในเดือน พ.ย. นี้ ส่วน THANI (ปิด 9.10 บาท; ถือ; AWS TP 9.20 บาท) ไม่น่าได้รับผลกระทบมากเช่นกัน ด้วย Yield ของบริษัทที่เพียง 7% อย่างไรก็ตาม TK (ปิด 11.30 บาท; ถือ; AWS TP 12.40 บาท) อาจได้รับผลกระทบ เนื่องจาก Yield ของบริษัทที่ค่อนข้างสูงถึง 30%
KBANK (ปิด 213 บาท; ซื้อ; AWS TP 237 บาท) เปิดตัว K Plus ใหม่ ชูจุดแข็งนวัตกรรม "เกด" (KADE หรือ Kasikorn Artificial Driven Experience) โดยมีเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) เป็นระบบหลังบ้าน ธนาคารตั้งเป้าจำนวนผู้ใช้ K Plus ที่ 20 ล้านราย ภายใน 3 ปี จาก 9.4 ล้านรายในเดือน ก.ย. 2561 (อินโฟเควสท์) ความเห็น: เรามีมุมมองบวกต่อปัจจัยดังกล่าว เนื่องจากการปรับเปลี่ยนนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งโมบายแพลตฟอร์มของธนาคาร ทำให้เป็นข้อได้เปรียบและนำหน้าคู่แข่ง โดยเรามองว่า ยิ่งจำนวนผู้ใช้โมบายแบงก์กิ้งยิ่งสูง นั่นหมายถึงโอกาสของ KBANK ในการหาช่องทางรายได้อื่นๆ ที่สูงตามอีกด้วย เช่น การปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลผ่านแมชชีนเลนดิ้ง เป็นต้น
BGRIM (ปิด 28.50 บาท; ซื้อ; AWS TP 33.00 บาท) โซลาร์ฟาร์มฟูเยี้ยน 257 เมกะวัตต์ (BGRIM ถืออยู่ 80%) ได้เซ็นต์สัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับการไฟฟ้าเวียดนามแล้ว คาดว่าจะสามารถ COD ได้ตามแผนวันที่ 30 มิ.ย. 62 ซึ่งจะช่วยหนุนรายได้ปี 2562 ได้ราว 15-20% พร้อมเดินหน้าเจรจาเข้าลงทุนในเวียดนามต่อเนื่อง (ข่าวหุ้น) ความเห็น: ยังมีความคืบหน้าต่อเนื่องจากกลยุทธ์เน้นลงทุนโรงไฟฟ้าพลังทดแทนในต่างประเทศ ล่าสุดลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า Solar Farm ในเวียดนามเพิ่มอีก 257 MW จากเดิมที่มีอยู่ในมือแล้ว 420 MW เราเลือก BGRIM เป็น Top Pick ของกลุ่มโรงไฟฟ้า แนะนำ"ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 33.00 บาท และมีโอกาสปรับราคาเป้าหมายขึ้นอีก เนื่องจากยังไม่ได้รวม โครงการ Solar Farm ในเวียดนามไว้ในประมาณการ
WHART (11.00 บาท; NR; NA) WHART ยื่นไฟลิ่งเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนครั้งที่ 3 เพื่อลงทุนทรัพย์สินใหม่ 4 โครงการ รวมมูลค่าไม่เกิน 4,465 ล้านบาท โดยทรัพย์สินใหม่นั้นประกอบด้วย 1. โครงการ WHA KPN Mega Logistics Center ถนนบางนา-ตราด 2. โครงการ Central WHA Mega Logistics Center 3. โครงการ WHA Mega Logistics Center พระราม 2 4. โครงการ DSG HSIL จังหวัดสระบุรี (Bangkok Post) ความเห็น: เรามีมุมมองบวกต่อการเติบโตของ WHART โดยเมื่อรวมทั้ง 4 โครงการ WHART จะมีพื้นที่เช่าอาคารประมาณ 156,534 ตารางเมตร บนที่ดินรวมประมาณ 172 ไร่ นอกจากนี้ทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มเติมมีอายุสัญญาเช่าและสัญญาบริการค่อนข้างยาว โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 7.5 ปี ทำให้ระยะเวลาคงเหลือของสัญญาเช่าเฉลี่ยในกองทรัสต์ WHART เพิ่มขึ้นและช่วยสร้างความมั่นคงให้กับรายได้ในระยะยาว
ตลาดต่างประเทศ :
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ : ดาวโจนส์ดิ่งลง 831.83 จุด หรือ -3.15% ขณะที่ดัชนี S&P500 ลดลง 94.66 จุด หรือ -3.29% และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 315.97 จุด หรือ -4.08% ดิ่งลงหนักสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 ก.พ.61 เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่พุ่งขึ้นหลังการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ซึ่งบ่งชี้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจเร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ดัชนี Nasdaq ทรุดตัวลงกว่า 300 จุด จากแรงฉุดของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
U.S. Bond Yield : อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 3.241% แต่ ณ ขณะนี้ก็ลดระดับเพดานลงมาที่ 3.16% แล้ว ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.401% ขณะนี้ก็ลดระดับลงมาอยู่ที่ 3.35% แล้ว VIX Index ปรับขึ้นสู่ 22.96 จุด เพิ่มจาก 16 จุด ในวันก่อน
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันดิบ : WTI ร่วงลง 1.79 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 73.17 ดอลลาร์/บาร์เรล เบรนท์ ลดลง 1.91 ดอลลาร์ หรือเกือบ 2.3% ปิดที่ 83.09 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้รับปัจจัยกดดันจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ดิ่งลงอย่างหนัก อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ขณะที่นักลงทุนจับตาต่อผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคน "ไมเคิล" รวมทั้งมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน
Thailand Research Department
Vajiralux Sanglerdsillapachai (No.17385) Tel: 0-2680-5077
Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 0-2680-5090
Adisak Prombun (No.14543) Tel: 0-2680-5056
Veeraya Rattanaworatip (No.86645) Tel: 0-2680-5042
Nutchapol Cheevavichawalkul (No.46377) Tel: 0-2680-5094
OO14932