WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

FSSบล.ฟินันเซียไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 
 
กลยุทธ์วันนี้ >> Accumulate Domestic Play and Hold
 
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index มีจังหวะรีบาวด์ขึ้นมาได้ตามที่เราประเมินนำโดยหุ้นขนาดใหญ่ที่ถูกขายออกมาในช่วงก่อนหน้าโดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ตามดัชนีปรับตัวขึ้นแรงและเร็วกว่าที่เราคาดค่อนข้างมาก นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิในตลาดหุ้นต่อเนื่องแต่บางลงเหลือ 1.8 พันลบ.และ Long ใน Index Futures อีกเล็กน้อย ส่วนสถาบันในประเทศซื้อหนาแน่นขึ้นเป็น 4.7 พันลบ. 
แนวโน้มตลาดวันนี้ : SET Index คาดว่าจะปรับตัวลงทดสอบบิรเวณ 1,700 จุดจากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบอย่างมากหลังตลาดหุ้นสหรัฐฯร่วงแรงกว่า 3% จากความกังวลเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยที่ยังกดดัน ทำให้กระแสเงินทุนคาดว่ายังอยู่ในทิศทางไหลออกและเข้าถือสินทรัพย์ที่ปลอดภัยกว่าอย่างพันธบัตรมากขึ้น อย่างไรก็ตามเรามองประเด็นเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยไม่ใช่ประเด็นใหม่และตลาดควรจะรับรู้อยู่แล้วจาก Dot Plot ในการประชุม FED ในเดือนก่อน ดังนั้นเรายังมองการปรับลงของตลาดเป็นโอกาสในการสะสมหุ้นพื้นฐานโดยเฉพาะกลุ่ม Domestic Play จากปัจจัยในประเทศที่ยังมีเสถียรภาพทั้งเศรษฐกิจและการเมือง
กลยุทธ์ : สะสมหุ้น Domestic ในช่วงลบและถือลงทุนระยะกลาง-ยาว
หุ้นเด่นเดือนต.ค. : BDMS, CPALL, CPN, MINT, PTTGC
 
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$357ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$255ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$55ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยจากความกังวลแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย  
 
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> BDMS <<
 
แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 30 บาท
คาดกำไร 3Q18 โต 30% Q-Q และ 10% Y-Y อยู่ที่ 2,651 ลบ. จากโรคระบาดที่ลากยาว และการควบคุมต้นทุนที่ดี ส่วนการเติบโตระยะยาวจะได้แรงหนุนจากสาขาที่กระจายทั่วประเทศ และ Center of Excellent ที่จะช่วยยกระดับอัตรากำไร เราคาดกำไรปกติปี 2018-2020 โตเฉลี่ย 16% ต่อปี
ราคาหุ้น laggard กลุ่มอยู่ 4% และ SET50 อยู่ 5% ความเสี่ยงขาลงจึงจำกัด 
 
ประเด็นสำคัญวันนี้
  (0) VGI คาดกำไรปกติ 2Q19 (สิ้นก.ย.18) อ่อนลง 8.3% Q-Q แต่ยังโต 18.7% Y-Y อยู่ที่ 240 ลบ. หนุนจากเริ่มรับรู้กำไรจาก Kerry TH (VGI ถือหุ้น 23%) และกำไรจากบริษัทร่วมคือ MACO เพิ่มขึ้น จากการรวมผลการดำเนินงานบริษัทที่เข้าไปซื้อกิจการตั้งแต่เดือนส.ค. เป็นกำไรที่น้อยกว่าที่เคยมองแนวโน้มในช่วงก่อนหน้านี้ แต่คาดหวังการเร่งตัวขึ้นใน 2 ไตรมาสถัดไปสำหรับธุรกิจเดิมและรับรู้กำไรเต็มไตรมาสสำหรับธุรกิจที่เข้าไปลงทุนใหม่ในกลุ่ม จึงคงคาดกำไรปกติทั้งปีโต 55.9% (แต่ EPS โต 20.5% จากการแปลง W1) และราคาเป้าหมายปี 2020 (สิ้นสุด มี.ค. 2020) ที่ 8.70 บาท โดยคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการเติบโตของกำไรใน 3 ปีข้างหน้า จากการประสานระหว่างธุรกิจสื่อนอกบ้าน Online และ Logistics ผ่าน Kerry TH ซึ่งเติบโตสูงตามธุรกิจ E-Commerce คงคำแนะนำซื้อ       
  (-) AH เราปรับลดราคาเป้าหมายปี 2018 ของ AH ลงเหลือ 29 บาท จากเดิม 40 บาท โดยยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2018-2019 ที่ 1,285 ลบ. +11% Y-Y และ 1,336 ลบ. +4% Y-Y ตามเดิม แต่เราปรับลด PE Multiplier ลงเหลือ 8 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของกรอบล่างในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยเราประเมินว่าการเข้าถือหุ้นใน SGAH เพิ่มอีก 24.89% และการปล่อยกู้อีก 40 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ดอกเบี้ย 10% จะไม่ส่งผลบวกต่อกำไรสุทธิมากนัก ในทางตรงข้าม กลับสะท้อนความเสี่ยงในอนาคตมากขึ้น ทั้งปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน และโอกาสถูกตั้งด้อยค่าตามมูลค่ากิจการของ SGAH ที่ลดลง และด้วยแนวโน้มผลประกอบการ 2H18 ที่โตไม่โดดเด่นเพราะปีก่อนฐานสูง ประกอบกับ Upside จากราคาปัจจุบันที่แคบเหลือเพียง 6% เราจึงปรับลดคำแนะนำลงเป็นขาย จากเดิมถือ
  (0) GLOBAL คาดกำไรสุทธิ 3Q18 อยู่ที่ 479 ลบ. -16.6% Q-Q, +39.7% Y-Y ที่คาดลดลง Q-Q มาจากปัจจัยฤดูกาล ส่วนที่คาดจะโตสูง Y-Y จาก SSSG ที่โตเป็นเลขสองหลักราว 10% Y-Y และส่วนหนึ่งมาจากฐานที่ต่ำในปีก่อน รวมถึง การปรับขึ้นของราคาเหล็ก ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนราว 15% - 20% ของรายได้รวม แนวโน้มกำไร 4Q18 น่าจะยังทรงตัวถึงอ่อนตัวลง Q-Q เพราะยังเป็น Low Season และราคาเหล็กในเดือน ต.ค. เริ่มอ่อนตัวลง โดยมองภาพรวมกำไร 2H18 จะลดลงจาก 1H18 เพราะมีแผนเปิดสาขาใหม่ใน 4Q อีก 4 แห่ง ส่วนปีหน้ามีแผนเปิดสาขาใหม่ในไทยต่อเนื่อง 7- 8 แห่ง เรายังคาดกำไรสุทธิปี 2018 – 2019 เติบโต 30.5% Y-Y และ 18.1% Y-Y ตามลำดับ และปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2019 เท่ากับ 22 บาท (DCF) คงคำแนะนำ ถือ
 
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
 
11 ต.ค.- สหรัฐฯ: อัตราเงินเฟ้อ (ก.ย.)
 
12 ต.ค.- จีน: ดุลการค้า (ก.ย.)
 
        - IMF: ประชุมประจำปี
 
19 ต.ค.- ไทย: SONIC ซื้อขายวันแรก ราคา IPO 1.95 บาท
 
(-) ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปรับตัวลงแรง นำโดยแรงขายในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจากข่าวการแฮ๊คข้อมูลจากจีน และความกังวลเรื่องเศรษฐกิจของโลกที่อาจชะลอตัวลงในปีหน้า
(-) ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง จาก Sentiment เชิงลบจากฝั่งสหรัฐและความกังวลจากอิตาลี
(-) ตลาดเอเชียเช้านี้ปรับตัวลง จากความกังวลเรื่องการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจจีน ในขณะเดียวกัน ความกังวลต่อเศรษฐกิจโลก ทำให้เกิดการแรงซื้อในค่าเงินเยนซึ่งกดดันตลาดหุ้นญี่ปุ่น
(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 33.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ย. ร่วงลง 1.79 ดอลลาร์ 73.17 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลเรื่องความต้องการใช้น้ำมันของเศรษฐกิจโลกในปีหน้า 
(-) ค่าการกลั่นสิงคโปร์ปรับตัวลง -3.4% ล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ที่ 5.36 ดอลลาร์/บาร์เรล
() ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.90 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1193.4 ดอลลาร์/ออนซ์
 
Contact person : Jitra  Amornthum  Register : 014530
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com   
FB : FINNANSIA SYRUS SECURITIES    LINE : @fnsyrus
OO14926

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!