- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 10 October 2018 20:43
- Hits: 5296
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมา SET ผันผวนสูงมาก โดยในช่วงเช้ามีแรงซื้อเด่นในกลุ่มโรงไฟฟ้าอย่าง GULF, EA, BCPG อย่างไรก็ตามเกิดแรงขายทำกำไรเด่นในกลุ่มการเงินอย่าง MTC, SAWAD, KTC ณ สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,696.9 จุด (+0.7 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 5.2 หมื่นลบ. ลดลงจากวันก่อนหน้าที่ 5.9 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยเป็นวันที่ 6 ติดต่อกันที่ 4,628 ล้านบาท (นักลงทุนสถาบันพลิกกลับมาซื้อสุทธิที่ 2,750 ล้านบาท) แต่กลับมาเปิดสถานะ Long SET50 index future สุทธิ 7,427 สัญญา
Investment theme
เริ่มเห็นสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก: เมื่อวานที่ผ่านมา IMF ปรับประมาณการ GDP โลกปี 2018-19 ลงเหลือ 3.7% (เดิม 3.9%) ซึ่งยังไม่ได้ถูกรวมผลกระทบของการเตรียมเพิ่มวงเงินภาษีครั้งที่ 3 โดยข้อตกลงการค้าโลกในหลายแห่ง เช่น Trdewar (US-China) , Brexit (UK-EU) , New Nafta (US-Canada-Mexico) ยังไม่ชัดเจน พร้อมปรับตัวเลขการค้าโลกปีหน้าลง 50bps เป็น 4.0% และหั่น GDP สหรัฐและจีนในปีหน้าเหลือ 2.5% , 6.2% ตามลำดับ อีกทั้งได้ประกาศเตือน 5 ประเทศในอาเซียน (รวมทั้งประเทศไทย) ว่ามีความเสี่ยงจะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า พร้อมปรับคาดการณ์ GDP ปีหน้าลง 10bps เหลือ 5.2% ภาพดังกล่าวสอดคล้องกับมุมมองของเรา อีกทั้งเริ่มเห็นสัญญาณการชะลอตัวของ PMI ภาคการผลิตของ 4-5 ประเทศหลักของโลก ส่งผลให้เราแนะนักลงทุนทยอยลดสัดส่วนการลงทุนในกลุ่ม Commodity ซึ่งคาดเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับผลกระทบโดยตรงหากเศรษฐฏิจโลกชะลอตัว โดยอีกหนึ่งความเสี่ยงของการกดดันตลาดหุ้นทั่วโลก นั่นคือ “ราคาน้ำมันดิบ” ที่คาดจะปรับตัวลงช้ากว่าสินค้าประเภทอื่นๆ เนื่องจากมีการคลุม Supply ( OPEC , Sanction Iran มีผลต้นเดือนพ.ย.) อย่างไรก็ตามเรามองว่า จะเริ่มเห็นการชะลอตัวของฝั่ง Demand ในปีหน้า ทำให้เราแนะนำว่า Q4 สามารถลงทุนกลุ่มน้ำมันได้ แต่เป็นลักษณะของการทยอยลดน้ำหนัก โดยเฉพาะตลาดหุ้นในประเทศที่กลุ่มพลังงาน-ปิโตรมีสัดส่วนสูงต่อตลาดหุ้น เช่นประเทศไทย(>30%) และมาเลเซีย
Investment Theme: ภายหลัง SET ปรับตัวหลุดแนวรับสำคัญบริเวณ 1,710 จุด ทำให้ในระยะสั้นภาพการปรับตัวขึ้นของ SET ดูไม่ดี คาดใช้เวลาปรับฐานในกรอบ 1,670-1,730 จุด จนกว่าจะเห็นปัจจัยสนับสนุนใหม่จากทั้งต่างประเทศและในประเทศ แนะทยอยสะสมกลุ่มค้าปลีกที่มีหลายปัจจัยสนับสนุน และคาดรัฐออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ (CPALL, BJC) กลุ่มก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง (TEAMG, STEC, SCCC)
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – Dollar กลับมาอ่อนค่าเล็กน้อยที่ 95.6
เมื่อคืนที่ผ่านมา – Dollar กลับมาอ่อนค่าเล็กน้อยที่ 95.6
Stock pick : -
Trading idea – ทยอยสะสม TU คาดผลประกอบการ Q3 เติบโต 17%QoQ จาก High season และ Margin(%) ที่ขยายตัวเป็น 14.7% / ทยอยสะสม BEM บริเวณ 8.20 บาท +/- คาดผลประกอบการ Q3 ทำระดับสูงสุดเป็นประวัติกาณ์/ หลีกเลี่ยงการลงทุนกลุ่มท่องเที่ยว AOT, CENTEL / กลุ่มโรงกลั่นเริ่มมี Upside จำกัด ในขณะที่ Catalyst เริ่มหมด มองว่าการปรับตัวขึ้นเป็นจังหวะขายทำกำไร
Technical View
หากไม่สามารถยืนเหนือ 1711 ยังคงมีความเสี่ยงลงปิด Gap 1680: แรงซื้อกลับบางส่วนจากหุ้นกลุ่มพลังงาน ทำให้ดัชนีเริ่มมีแรง Rebound ช่วงเช้า ก่อนที่ช่วงบ่ายจะถูกแรงขายจากกลุ่ม Leasing กดดันดัชนีให้กลับมาปิดบริเวณแนวรับของกรอบ Uptrend บริเวณ 1695 อีกครั้ง ในระยะสั้นหากดัชนีไม่สามารถกลับไปยืนเหนือ 1711 (EMA200Day) คาดดัชนีจะมีโอกาสปรับตัวลงปิด Gap ที่ 1680 ฉะนั้นหากไม่มีหุ้นแนะนำชะลอการลงทุนจนกว่าดัชนีจะเริ่มมีสัญญาณ Rebound ที่ชัดเจนหรือกลับไปยืนเหนือ 1711กลยุทธ์การลงทุน 1) หากหลุด Low 1695 แนะนำ Stop Loss และชะลอการลงทุนจนกว่าจะเริ่มหยุดลงหรือ Rebound ที่แนวรับ 1690 หรือ 1680 แต่หาก Rebound ระหว่างวันแนะนำขายทำกำไรทันที 2) ไม่มีหุ้น : แนะนำชะลอการลงทุนจนกว่าจะเริ่มหยุดลงอย่างชัดเจนที่แนวรับ 1690 หรือ 1680
แนวรับ : 1680, 1690 แนวต้าน : 1700, 1711
Keep and eye on...
ปัจจัยต่างประเทศ: Trump เตรียมเจรจาการค้าญี่ปุ่น / Worldbank ประชุม IMF เรื่องเศรษฐกิจโลก
ปัจจัยในประเทศ: -
หุ้นเทคนิค:
PTTEP (B 146.00-147.00, Tp 152.00//155.00, Cut 145.00)
GULF (B 73.00, Tp 77.00, Cut 72.00)
นักวิเคราะห์ : สรพล วีระเมธีกุล / วิจิตร อารยะพิศิษฐ / จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์
Research Department Tel. 02-658-5000
OO14872