- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 09 October 2018 21:10
- Hits: 8083
บล.เอเชีย เวลท์ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
คาดหวังการรีบาวด์
ตลาดหุ้นไทยวันนี้ : ภาพรวมตลาดหุ้นไทยยังคงอ่อนตัวตามตลาดต่างประเทศ จากอัตราพันธบัตรสหรัฐฯ 10 ปี วิ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 7 ปี อย่างไรก็ตาม ทิศทางอัตราดอกเบี้ยในประเทศยังไม่เปลี่ยนแปลงเร็วในระยะสั้น และเราคาดว่าทางการไทยต้องการจะเห็นค่าเงินบาทอ่อนค่าเข้าใกล้ 33 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ โดยขณะนี้ค่าเงินบาทอ่อนค่าทั้งเทียบกับเงินเหรียญสหรัฐฯ และอ่อนเมื่อเทียบกับค่าเงินหยวนของจีน และค่าเงินเยนของญี่ปุ่น คาดว่าน่าจะช่วยพลิกฟื้นการส่งออกได้ดีในช่วงโค้งสุดท้ายของปี ตลาดหุ้นที่อ่อนแอลงขณะนี้ เกิดจาก Fund Flow ที่ผันผวนและเปลี่ยนทิศทางตามปัจจัยหลักที่เป็นตัวกำหนดการลงทุน ได้แก่ ทิศทางค่าเงินและอัตราดอกเบี้ย แต่ปัจจัยพื้นฐานของกิจการยังไม่เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะสำคัญ ซึ่งการปรับตัวลงของตลาดหุ้นไทย เรายังเห็นว่าเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ เพื่อรอขายเมื่อมีการรีบาวด์กลับขึ้นไป แต่นักลงทุนต้องเลือกทำการเข้าซื้อในช่วงที่ราคาหุ้นอ่อนตัวลงมาแล้ว และขายออกเมื่อมีกำไรราว 5-10% ไปก่อน ในสถานการณ์เช่นนี้ หุ้นเด่นที่คาดหวังผลประกอบการดีในช่วงครึ่งปีหลัง ไม่จำเป็นต้อง Cut Loss เรายังชอง GUNKUL, LH, KCE จึงเลือกเป็นหุ้นแนะนำในวันนี้ กรอบดัชนีวันนี้ 1,685-1,715 จุด
Stock Comment
GUNKUL Pick of the day
LH (ปิด 10.90 บาท; ซื้อ; AWS TP 12.20 บาท) หากมีการกำหนดเกณฑ์วาง Down Payment เพิ่มจากเดิม 5-10% เป็น 20% จะทำให้ LH ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด เนื่องจากสัดส่วนการขายอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่เป็นแนวราบ และผู้ซื้อเป็นผู้ต้องการที่อยู่อาศัยจริง ไม่ค่อยมีการเก็งกำไร ราคาหุ้น LH ที่อ่อนตัวลงมาตามภาพรวมอุตสาหกรรม เป็นโอกาสดีเข้าซื้อสะสมหุ้นในรอบใหม่
KCE (ปิด 42.00 บาท; ซื้อ; AWS TP 49.00 บาท) สถานการณ์ค่าเงินบาทที่กลับมาอ่อนค่า และราคาทองแดงอ่อนค่า ยังเป็นประโยชน์กับ KCE ในช่วงครึ่งหลังของปี 2561 ในช่วงตลาดผันผวนและนำให้ลงทุนในระยะสั้น ๆ เมื่อราคาหุ้นดีดขึ้น 5-10% เน้นขายทำกำไรและกลับมาซื้อใหม่ช่วงราคาหุ้นอ่อนตัว
หุ้นเด่นวันนี้ : GUNKUL (ปิด 3.26 บาท; "ซื้อ";AWS TP 5.00 บาท)
รายได้และผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตโดดเด่นตามกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น โดยในปี 2561 นี้ บริษัทจะรับรายได้ของโรงไฟฟ้าพลังลมในไทยและโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่นอีก 3 แห่งช่วยให้กำลังการผลิตไฟฟ้าตามส่วนของผู้ถือหุ้น (Equity MW) ในปี 2561 เพิ่มขึ้นเป็น 349.1 MW เทียบกับ ณ สิ้นปี 2560 ที่ 172.7 MW เพิ่มขึ้น 102% นอกจากนี้ บริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างจากโครงการในมือราว 800 ล้านบาทได้ตั้งแต่ไตรมาส 3/61 และมีโครงใหม่ที่รอเข้าประมูลเพิ่มเติม โดนคาดว่าจะได้รับงานในมือเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1 พันล้านบาท
Price Pattern ของ GUNKUL ได้กลับมาเกิดความแข็งแกร่งครั้งใหม่ หลังจากที่แนวโน้มหลักที่เคยอยู่ในแนวโน้มขาขาลง (Downtrend) เปลี่ยนไปสู่แนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) อย่างเต็มตัว จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ GUNKUL มีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 3.36 บาท และมีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 3.78 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้ GUNKUL มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 2.80 บาท (Resistance: 3.32, 3.38, 3.52; Support: 3.20, 3.14, 3.00)
ปัจจัยในประเทศ :
BAY (ราคาปิด 40.50 บาท; ซื้อ; AWS TP 45 บาท) เตรียมขายหุ้นสามัญของบริษัท เงินติดล้อ จำกัด เป็นจำนวน 50% ให้กับบริษัท Siam Credit Access Pte. Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทที่มีผู้ถือหุ้น เป็นกลุ่มนักลงทุนนำโดย กองทุน CVC Capital Partners Asia Fund IV และบริษัท Equity Partners Ltd. (SET) ความเห็น: หากตั้งสมมติฐานราคาขายที่ 2 เท่าของ Book value เราประมาณการกำไรจากการขายหุ้นหลังภาษีจะอยู่ที่ราว 2 พันล้านบาท ซึ่งจะเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2561 ของเราราว 8% เรามีมุมมองบวกต่อการเป็น Partnership ในครั้งนี้เนื่องจากจะทำให้เงินติดล้อได้ Know-how ใหม่ๆ และเสริมสร้างสถานะบริษัท ขณะที่กำไรสุทธิจากเงินติดล้อที่จะหายไปจากการขายหุ้นในครั้งนี้ (ราว 600 ล้านบาท) จะส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิ BAY เพียง 2%
สมคิดเดินหน้าบิ๊กโปรเจกต์ก่อนเลือกตั้งร่วม 20 โครงการ มูลค่ากว่า 1 ล้านล้านบาท โดยกระทรวงคมนาคมเตรียมนำเสนอหลายโครงการต่อครม. คาดในช่วง ต.ค. จะมีการเสนอโครงการท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 มูลค่า 1.14 แสนล้านบาท และโครงการมอเตอร์เวย์ สายนครปฐม-ชะอำ มูลค่า 7.7 หมื่นล้านบาท ส่วนในเดือน พ.ย. คาดจะมีรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต-ม.ธรรมศาสตร์ มูลค่า 6.5 พันล้านบาท และ สายสีแดงอ่อน ช่วง ศิริราช-ตลิ่งชัน มูลค่า 7.4 พันล้านบาท และช่วง ตลิ่งชัน-ศาลายา มูลค่า 1 หมื่นล้านบาท (ข่าวหุ้น) ความเห็น: ถือเป็น Sentiment บวกต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่จะมีงานประมูลเพื่อเพิ่มงานในมือเพิ่มเติม เราคาดว่า CK (ปิด 26 บาท; ซื้อ; AWS TP 29.50 บาท) จะได้รับอานิสงส์มากสุด เนื่องจากมีงานในมือไม่มากนัก
DTAC (ปิด 44.00 บาท; BUY; AWS TP 52.00 บาท)DTAC อยู่ระหว่างพิจารณาเงื่อนไขประมูลคลื่น: DTAC กล่าวว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ระยะเวลาในการศึกษาความเป็นไปได้ทางธุรกิจ และเงื่อนไขหลักเกณฑ์ปลีกย่อยของการขอใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่อย่างรอบคอบ ทั้งนี้ บริษัทยืนยันว่าจะสามารถดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆให้แล้วเสร็จเพื่อพิจารณาตัดสินใจภายในวันที่ 16 ต.ค. นี้ (The Nation) ความเห็น: ADVANC และ TRUE แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์เมื่อวานนี้ว่าบริษัทจะไม่เข้าร่วมประมูลใบอนุญาตคลื่น 900 MHz ตามที่เราคาดการณ์ ในขณะที่เรายังคงสมมติฐานเช่นเดิมว่าสุดท้ายแล้วเราเชื่อว่าเป็นการยากที่ DTAC จะเข้าร่วมประมูลเนื่องจากเงื่อนไขใหม่ไม่ได้จูงใจต่อบริษัทให้เข้าร่วมประมูลไปมากกว่าเงื่อนไขครั้งก่อน แต่ DTAC มีแนวโน้มที่จะหันไปพึ่งพิงทางศาลมากกว่าเราแนะนำ "ซื้อ" เพื่อเก็งกำไร โดยคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 52.00 บาทต่อหุ้น
ตลาดต่างประเทศ :
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ : ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 39.73 จุด หรือ +0.15% ขณะที่ดัชนี S&P500 ลดลง 1.14 จุด หรือ -0.04% และดัชนี Nasdaq ลดลง 52.50 จุด หรือ -0.67% ได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคและกลุ่มสาธารณูปโภคซึ่งเป็นหุ้นที่สามารถต้านทานวัฏจักรทางเศรษฐกิจ (Defensive Stocks) อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 3 จากแรงฉุดของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะกลุ่ม FAANG และหุ้นเทสลาร่วงหนักถึง 4.4% อันเนื่องมาจากความกังวลที่ว่าเศรษฐกิจจีนกำลังได้รับผลกระทบจากการทำสงครามการค้ากับสหรัฐฯ หลังจากที่ธนาคารกลางจีนประกาศปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันดิบ : WTI ปิดลบ 5 เซนต์ หรือประมาณ 0.09% ปิดที่ 74.29 ดอลลาร์/บาร์เรล; เบรนท์ ลดลง 25 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 83.91 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากมีรายงานว่า คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังพิจารณาผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรให้กับบางประเทศที่นำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน ขณะที่นักลงทุนจับตาพายุเฮอร์ริเคน "ไมเคิล" ซึ่งคาดว่าจะเคลื่อนตัวเข้าสู่ฝั่งตะวันออกของอ่าวเม็กซิโกในวันนี้ ซึ่งทางการอินเดีย ยืนยันว่าบริษัทน้ำมัน 2 แห่งของอินเดียได้สั่งนำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่านในเดือนหน้า แม้มีคำเตือนจากสหรัฐฯ ว่าไม่ให้ประเทศต่าง ๆ ซื้อน้ำมันจากอิหร่านตั้งแต่วันที่ 4 พ.ย
ราคาทองคำ : ราคาทองคำ ปิดร่วง 17 ดอลลาร์ หรือ 1.41% ปิดที่ 1,188.6 ดอลลาร์/ออนซ์ ได้รับปัจจัยลบจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ DXYO แตะระดับ 95.75 และ VIX ขึ้นไปสูงสุด 17.36 จุด จากวันก่อน 14.22 จุด ในขณะที่วันนี้อ่อนค่าลงมาที่ 15.69 จุด ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น จะลดความน่าดึงดูดของทองคำ นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี ที่ 3.2475% เมื่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวขึ้น ผู้บริโภคก็มีแนวโน้มที่จะมีเงินสำหรับการใช้จ่ายลดน้อยลง แต่มีค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินกู้จำนองเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ ยังหมายความว่าบริษัทต่าง ๆ จะเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ จึงทำให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน
Thailand Research Department
Vajiralux Sanglerdsillapachai (No.17385) Tel: 0-2680-5077
Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 0-2680-5090
Adisak Prombun (No.14543) Tel: 0-2680-5056
Veeraya Rattanaworatip (No.86645) Tel: 0-2680-5042
Nutchapol Cheevavichawalkul (No.46377) Tel: 0-2680-5094
OO14811