วันนี้คาด เกณฑ์การคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัยของ แบงก์ชาติ จะสร้างความชัดเจนให้กับตลาด และปลดล็อก Overhang กลุ่ม บ้าน-แบงก์ ที่ถูกกดดันด้วยเรื่องนี้มานาน ซึ่งเกณฑ์ที่ออกมา พบว่าดีกว่าที่ตลาดคิด...บ้านราคา 20 ลบ. และ บ้านหลัง 2 จะต้องวางดาวน์ 20% คือ ไม่ได้แตะตลาดบ้านในระดับ Mass (+LPN SPALI) และเราคาดว่าราคาหุ้น 2 กลุ่มนี้ จะรีบาวด์ คล้ายกับกรณี กลุ่ม Retail finance ที่แรลรี่ หลังจากมีความชัดเจนเรื่อง เกณฑ์คุมสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ   

          ส่วนหุ้นพลังงาน เริ่มเห็นภาพ Decopling ออกจากราคาน้ำมันดิบ (ราคาหุ้นพลังงานขึ้นสะท้อน ราคาน้ำมันดิบไปมาก และเริ่มไม่ขึ้นตามกัน) เราคาดว่า กลุ่มพลังงานต้นน้ำ อาจมีแรงกดดันในระยะสั้น จากช่วงนี้-สัปดาห์หน้า จะเป็นช่วงที่ World bank ทยอยปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกลง       

          ระยะสัปดาห์ แม้สัปดาห์นี้จะไม่ได้ขึ้นอย่างที่คาด แต่ยังคง แนะนำ ทยอยๆรับห้น โดยเน้นไปที่การซื้อดัก คาดการณ์ผลการดำเนินงาน บจ.ไตรมาส 3/18 ที่มีโอกาสจะสร้างความประหลาดใจเชิงบวก (Eanrings beat estimated) ให้กับตลาด โดยมองจุดซื้อหุ้นในรอบนี้ บริเวณแนวรับ ดัชนีฯ 1,730 (เผื่อ Error ไว้แถว 1,715 จุด อาจแบ่งไม้ไว้รอซื้ออีก 25% ของพอร์ต)                 

 

          (+) บอรด์ EEC (กพอ.) ที่มีนายกเป็นประธาน อนุมัติ TOR 4 โครงการแล้วเมื่อวาน มูลค่าลงทุนร่วม 4 แสนล้านบาท คาดยื่น ครม.อนุมัติ 16 ต.ค.นี้

          (+) World bank ปรับเพิ่ม GDP ไทย ปี 61 ขึ้นเป็น 4.5% (จาก 4.1%) และปรับปี 62-63 ขึ้น เป็น 3.9% จาก 3.8% พร้อมทั้งปรับ GDP ฟิลิปปินส์ ลง    

          (-) MS ออกรายงาน คาดผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบ ที่อาจเพิ่มมากขึ้นจากนี้ไปอีก จะเริ่มกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ที่เศรษฐกิจอิงกับการบริโภคน้ำมัน ส่วนมาเลเซีย และอินโดนีเซีย จะไปประโยชน์จากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น โดยทุก US$10 ที่น้ำมันดิบเพิ่มขึ้น จะบวกต่อรายได้ราว 0.5% ของ GDP มาเลเซีย ส่วนไทย จะกระทบต่อ C/A คิดเป็น % ของ GDP ราว -0.4% 

 

          LPN ดูรายงานวันนี้ 

 

          เดือนตุลาคมนับเป็นจุดเริ่มต้นของ High season ของการท่องเที่ยวไทย และจะไป peak ใน 1Q19 เรามองว่าราคาหุ้นได้ปรับตัวลงสะท้อนต้นทุนน้ำมันที่ขึ้นมาแล้ว และตอนนี้เป็นเวลา "ซื้อเก็งกำไร" กลุ่มสายการบิน (AAV BA และ THAI) นอกจากนี้สำหรับกลุ่มขนส่งทางบก High season จะอยู่ที่ 3Q-4Q ของทุกปี ทั้งทางด่วน และรถไฟฟ้า+รถไฟใต้ดิน เรายังคงชอบ BTS BEM และให้เป็น top pick ของกลุ่ม  

 

          ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมา 22%YTD คาดได้สะท้อนกำไร 9M18 ที่ไม่น่าตื่นเต้นไปแล้ว ขณะที่ กำไร 4Q18 จะน่าตื่นเต้นที่สุด เพราะไตรมาสเดียวจะเท่ากับ 50% ของทั้งปี และ earnings visibility ดูดีขึ้นจากการเปิดตัวโครงการเพิ่มถึง 52%y-y ในปีนี้ คาดหนุน backlog ให้ปรับตัวเพิ่มทำ high ในรอบ 3 ปี ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท แนะนำซื้อเก็งกำไร ราคาเป้าหมาย 14.20 บาท  

 

          ตามเกณฑ์ที่ออกมามีการปรับ LTV limit ของบ้านหลังที่ 2 ขึ้นไปและและที่อยู่อาศัยราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป รวมถึงนับรวมสินเชื่อ top-up ทุกประเภทที่อ้างอิงหลักประกันเดียวกัน  

          ผลกระทบต่อกลุ่มอสังหาฯ : เรามองว่าเกณฑ์ที่ออกมากระทบกลุ่มเนื่องจากกลุ่มผู้ซื้อที่ไม่ใช่บ้านหลังแรกคิดเป็น 20-25% อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการคอนโดสามารถที่จะปรับเพิ่มเงินดาวน์เพื่อให้เข้ากับเกณฑ์ได้ เกณฑ์ที่ออกมานั้นเราคิดว่าส่งผลเชิงลบน้อยกว่าที่เราและตลาดคาด โดยไม่มีการกำหนดมาตรการโดยเฉพาะสำหรับกลุ่ม low-end มาตรการที่ออกมายังเป็นการปลดล็อคประเด็นที่กดดันกลุ่มในช่วงที่ผ่านมา เรามองว่า LPN และ SPALI มีโอกาสรีบาวด์จากผลกระทบที่จำกัด และราคาหุ้นปรับตัวลงมามากก่อนหน้า และ GOLD คาดจะเห็นการฟื้นตัวของราคาหุ้นเช่นเดียวกัน เนื่องจากได้รับผลกระทบน้อยที่สุด (ไม่มีคอนโด) ในขณะที่คาด LH และ SC จะได้รับ sentiment เชิงลบในระยะสั้น เนื่องจากเจาะกลุ่มบ้านระดับบน  

          ผลกระทบต่อกลุ่มธนาคาร : เรามองว่าเกณฑ์ดังกล่าวกระทบต่อกลุ่มธฯคารจำกัดเนื่องจากไม่ได้ถูกใช้ย้อนหลังกับโครงการที่ดำเนินการอยู่ (และโครงการในอดีต) อีกทั้งยังช่วยปองกันความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการเก็งกำไร ในปัจจุบันธนาคารยังมีการคัดกรองการปล่อยกู้บ้านอย่างดีในระดับหนึ่งอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นคาดส่งผลกระทบต่อการปล่อยสินเชื่อจำกัด