- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 05 October 2018 18:09
- Hits: 5921
บล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Today Selections >> JMT, PCSGH, PRM
Stock S R Comment
JMT 11.20 12.00 ไตรมาส4ดีธุรกิจบริหารหนี้โตผลงานชนเป้า30%
PCSGH 7.55 7.90 แววดีรับยานยนต์ฟื้นดีลงานใหม่เพิ่ม
PRM 8.20 8.90 ขนน้ำมันมาแรงตั้งเป้ารายได้5พันล้าน
Implication from mortgage curbs
Fund flow : ยังคงมีสัญญาณเชิงลบ โดยเมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติเดินหน้าขายสุทธิในตลาดหุ้นอีก 5,000 ล้านบาท และ Short สุทธิในตลาดล่วงหน้าถึง 15,000 สัญญา ซึ่งเป็นการเปิดสถานะใหม่ส่วนใหญ่ เรายังคงมุมมองเดิมว่าตราบใดที่ Bond yield และเงินดอลลาร์สหรัฐฯยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง จะทำให้ SET Index ดูน่าสนใจลดลงในมิติของ Earning yield gap และจะเป็นปัจจัยจำกัด Fund flow ต่อไป
LTV: ธปท.จัดทำ Consultation paper เกี่ยวกับการปรับปรุงเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัย โดยจะบังคับใช้กับสินเชื่อปล่อยใหม่และสินเชื่อรีไฟแนนซ์ และคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2562 เป็นต้นไป สำหรับรายละเอียดที่สำคัญมีดังนี้
1) เสนอให้นับรวมสินเชื่อ Top-up ทุกประเภทที่อ้างอิงหลักประกันเดียวกันในการคำนวณสัดส่วน LTV โดยสินเชื่อรวมต้องไม่เกินมูลค่าหลักประกัน
2) ปรับจากเกณฑ์ Risk Weight (RW) by LTV เป็นเกณฑ์ LTV limit ที่ร้อยละ 80 สำหรับการกู้สัญญาที่ 2 ขึ้นไป หรือที่อยู่อาศัยราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป
3) ด้วยเหตุนี้ กลุ่มที่ต้องมีการปรับตัวตามข้อ 1) ได้แก่ กลุ่มบัญชีที่ได้รับสินเชื่อเกินมูลค่าหลักประกัน ซึ่งมีประมาณ 20% ของบัญชีปล่อยใหม่ระบบธนาคารพาณิชย์
4) และกลุ่มที่ต้องมีการปรับตัวตามข้อ 2) ได้แก่ กลุ่มบัญชีสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยสัญญาที่ 2 ขึ้นไป และที่อยู่อาศัยราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งหากนับเฉพาะในส่วนบัญชีที่ LTV เกินร้อยละ 80 จะมีอยู่ประมาณ 70-80% ของทั้งหมด
มุมมองของเราต่อกลุ่มอสังหาฯ : มองการปรับเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยจะส่งผลกระทบต่อกลุ่มอสังหาริมทรัพย์โดยตรง โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่มีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มแนวสูง (คอนโด) เนื่องจากผู้ซื้อส่วนมากจะซื้อเพื่อการลงทุนหรือเป็นที่อยู่อาศัยแห่งที่สอง และมีการพึ่งสินเชื่อเป็นหลัก อาทิเช่น ANAN และ LPN ทางด้านผู้ประกอบการที่ขายโครงการระดับสูงที่มีราคาเกิน 10 ล้านบาท มักมีกลุ่มลูกค้าที่มีฐานะทางการเงินดี สัดส่วนการซื้อที่อยู่อาศัยของคนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะซื้อด้วยเงินสด เราจึงมองว่าจะมีผลกระทบค่อนข้างจำกัดต่อ Developer อย่างเช่น LH ซึ่งยังคงเป็น Top pick ของเราต่อไป ควบคู่ไปกับ QH ซึ่งไม่น่าได้รับผลกระทบมากเนื่องจากฐานรายได้มาจากแนวราบเป็นหลัก และสัดส่วนหลักราคาขายอยู่ที่ 3-7 ล้านบาท และ AP ซึ่งถึงแม้จะมีโครงการแนวสูงพอประมาณ แต่ก็มีสัดส่วนยอดขายที่มาจากชาวต่างชาติที่ซื้อด้วยเงินสดพอสมควร จึงน่าจะได้รับผลกระทบจำกัด หากราคาหุ้นทั้ง 3 บริษัทปรับตัวลงเพราะปัจจัยข่าวนี้ มองเป็นโอกาสในการเข้าสะสม เนื่องจากมีระดับ Dividend yield ที่น่าสนใจ
มุมมองของเราต่อกลุ่มธนาคารพาณิชย์ : มองเป็น Sentiment เชิงลบระยะสั้นต่อธนาคารที่มีสัดส่วนสินเชื่อที่อยู่อาศัยค่อนข้างมากอาทิเช่น SCB (30%) แต่จะเป็นผลดีต่อกลุ่มในระยะยาว เนื่องจากคุณภาพหนี้มีโอกาสปรับตัวดีขึ้น สำหรับ Top pick ของกลุ่มเรายังคงเลือก TISCO ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากประเด็นนี้ เพราะมีสัดส่วนสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพียง 10% และยังมี NPL coverage ratio สูงที่สุดในกลุ่มอีกด้วย
กลยุทธ์การลงทุน : ประเมินภาพ SET Index เดือนตุลาคมจะแกว่งตัว Sideways โดยมองกรอบแนวรับที่ 1700 จุดและ 1680 จุด ตามลำดับ ส่วนกรอบแนวต้านสำคัญประเมินที่ 1780 จุด แนะนำนักลงทุน Wait & See จนกว่าดัชนีจะมีการปรับตัวไปยังกรอบแนวรับหรือแนวต้าน จึงค่อยใช้เป็นจังหวะในการเข้าลงทุนหรือขายทำกำไร สำหรับปัจจัยประคับประคองดัชนีที่สำคัญยังคงได้แก่ราคาน้ำมันที่คาดว่าจะอยู่ในระดับสูงต่อไป ภายหลังจาก Supply จากอิหร่านมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง ส่วนปัจจัยจำกัด Upside ที่สำคัญได้แก่ ปัจจัยรบกวนประเด็นอิตาลีและ Brexit รวมถึง Fund flow ที่น่าจะยังไม่มีการไหลเข้าจากการที่ Bond yield และดอลลาร์สหรัฐฯทรงตัวอยู่ในระดับสูง
แนวรับ 1,709 แนวต้าน 1,751
บทวิเคราะห์วันนี้ :
BANK Sector Update : ธปท. เสนอปรับปรุงเกณฑ์ควบคุมสินเชื่อบ้าน
PROP Sector Update : ธปท. คุมคุณภาพสินเชื่อบ้าน
SCB (ซื้อเมื่ออ่อนตัว ราคาเป้าหมาย 158 บาท) คาดกำไร 3Q61 อ่อนตัว QoQ จาก Non-NII
Today's Event :
MODERN XD 0.10 บาท
IHL ลูกหุ้นเข้า 2,510,900 หุ้น
นักวิเคราะห์ : ณัฐชาต เมฆมาสิน, CFA, FRM (ID: 31379)
E-mail: [email protected]
OO14689