SET ปิดที่ระดับ 1729.40 จุด ลดลง 12.56 จุด (-0.72%) มูลค่าการซื้อขาย 64,311 ล้านบาท ตลาดยังคงมีความกังวลต่อการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ   สงครามการค้า รวมไปถึงราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นเกิดใหม่และเงินทุนไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยง

 

  คาดดัชนีฯ มีแนวโน้มอ่อนตัวลงต่อ ความกังวลต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯ ทำเงินไหลออกจากตลาดหุ้น ฝรั่งขายหุ้นไทยติดต่อกัน 3 วัน  ตลาดเอเซียร่วงตามผลกระทบสงครามการค้าและค่าเงินตลาด EM ……. ตลาดหุ้นไทยและทั่วโลก (ยกเว้นสหรัฐฯ) รับผลกระทบจากนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นของ Fed  และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาดี (ดูได้จาก Bond Yield ของสหรัฐฯเดินหน้าต่อเนื่อง) ดัน Flow ของเงินลงทุนออกจากตลาดหุ้น ขณะที่ความกังวลจากฐานะการเงินการคลังของอิตาลีและประเทอื่นๆ กลับเข้ามาในตลาด  ราคาน้ำมัน Brent ที่ขยับขึ้นมาเหนือ $80 เหรียญ (ล่าสุด $84.9) หนุนให้แนวโน้มเงินเฟ้อของโลกขยับขึ้นซึ่งเป็นลบต่อตลาด ที่มีความกังวลต่อสงครามการค้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ....   เราประเมินทิศทางตลาดหุ้นว่า นักลงทุนจะทยอยขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงต่อเพราะสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นอย่างมีนัยยะ ตลาดจึงยังคงต่ออยู่ในช่วงของการพักฐาน แนวรับสำคัญของดัชนีฯ จะอยู่ที่ 1710 จุด  ..... ตัวแปรในประเทศ ที่กดดันต่อตลาดหุ้นไทยโดยตรง คือ มาตรการชะลอสินเชื่อของ ธปท. ซึ่งมีผลต่อหุ้นธนาคารและผู้ประกอบการที่อยู่อาศัย ...    event สำคัญๆ ของวันนี้  คืนนี้จะมีรายงานตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ

 

  ด้วยปัจจัยในเรื่องดอกเบี้ยสหรัฐฯ-สงครามการค้า-กังวลค่าเงิน-น้ำมันแพง-มาตรการ ธปท. ดูรวมๆแล้วทำให้มีเงินไหลออกจากตลาดหุ้น (บางส่วนนำไปรอเตรียมซื้อหุ้น IPO)  นักลงทุนอาจเลือกขายหุ้นที่ราคาปรับขึ้นมามากเพื่อลดความเสี่ยง เน้นลงทุนกรอบเวลาสั้นๆ  และรอจังหวะเข้าซื้อ ดูจุดสำคัญของดัชนีฯที่ 1710 จุด เรายังให้ความสนใจต่อหุ้นที่เป็น Domestic play หรือมีปัจจัยบวกสนับสนุนจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย ผลบวกจากการเลือกตั้ง หรือหุ้นที่ผลประกอบการมีแนวโน้มดี  ........ หุ้นที่เป็น top picks ของเราวันนี้  ประกอบด้วย  KTC, GULF , BGRIM, WHA  และเพิ่ม  CPN ,HANA และ INTUCH*

 

  * เป็นหุ้นที่แนะนำโดย KTBST ยังไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์