เลือกเก็งกำไร / สะสมหุ้นที่แนวโน้มกำไร 3Q61 เด่น

 

  ราคาปิด 208.00 บาท

  ราคาเหมาะสม 235.00 บาท

          เราประเมินว่า BBL กระทบจากมาตรการคุมเข้มสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธปท. จำกัด ด้วยสัดส่วนสินเชื่อที่อยู่อาศัยราว 12% ต่ำสุดในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ และมีลูกค้าหลักคือ Corporate Loan จึงมี Downside Risk ต่อประมาณการกำไรปี 2562 จำกัด 

          ขณะที่แนวโน้มกำไรสุทธิ 3Q61 คาดเติบโต +17.4% YoY และ +4.2% QoQ เป็น 9.57 พันล้านบาท เป็นปัจจัยบวกที่รออยู่ รวมทั้งซื้อขายที่ PBV2561 เพียง 0.9 เท่า

 

  ราคาปิด 24.00 บาท

  ราคาเหมาะสม 27.00 บาท

          Property Sector ลดลง 1.6% ใน 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา สะท้อนความกังวลต่อมาตรการคุมเข้มสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธปท.ไปแล้ว เรามองว่าจะเกิดแรงซื้อหุ้นรายตัวกลับในบางตัวที่ได้รับผลกระทบจำกัด

          เรามองว่า SPALI ได้รับผลกระทบจำกัด เพราะจับลูกค้าระดับกลาง-บน ราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาทและส่วนใหญ่เป็น Real Demand นอกจากนี้ธุรกิจกระจายตัวทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียมสัดส่วน 50:50 และการวางเงินดาวน์สูงที่ 15-20%

  ราคาปิด 57.25 บาท

  ราคาเหมาะสม 72.00 บาท

          ราคาหุ้นลดลง 4.2% ใน 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา สอดคล้องกับทิศทาง SET INDEX ที่ปรับฐาน ราคาปิดวานนี้เข้าใกล้แนวรับที่ 57.00 บาท +/- เรามองว่าเป็นโอกาสเข้าสะสม

          เราคงมุมมองบวกต่อกลุ่มค้าปลีก จากประโยชน์โดยตรงต่อการฟื้นตัวของกำลังซื้อในประเทศ ขณะที่แนวโน้มกำไร 3Q61 คาดเติบโต YoY จาก SSSG ที่เป็นบวก และ 4Q61 เข้าสู่ High Season ของธุรกิจช่วยหนุนการเติบของกำไร QoQ

 

  ราคาปิด 9.40 บาท

  แนวต้านทางเทคนิค 9.70 บาท 

          ราคาหุ้นวานนี้ปิดบวกสวนภาพรวมตลาดที่ลดลง สะท้อนให้เห็นถึง Momentum ที่แข็งแกร่ง หากวันนี้ผ่าน 9.45 บาทได้ มีโอกาสขึ้นทดสอบ 9.70 บาท แนวรับ 9.30 บาท และ Stop loss หากต่ำกว่า 9.15 บาท

          เราคาดกำไรสุทธิ 3Q61 ที่ 107 ล้านบาท +161% YoY และ +15% QoQ ทำระดับสูงสุดใหม่ของบริษัท และ Backlog ปัจจุบันที่ 3.3 พันล้านบาทรองรับรายได้ปี 2562 แล้วทั้งจำนวน

 

          SET INDEX ปรับตัวลงตลอด 3 วันที่ผ่านมา 1.76% เนื่องจากดัชนีดอลล่าร์สหรัฐฯ (Dollar Index) แข็งค่า ความกังวลต่อผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปีพุ่งขึ้นตลอด 2 วันที่ผ่านมา และสถาบันภายในประเทศขายสุทธิเพื่อทำกำไร ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เรามองว่าเป็นประเด็นชั่วคราวเท่านั้น แน่นอนว่าวันนี้บรรยากาศการลงทุนยังไม่สดใส เพราะเป็นวันสุดท้ายของสัปดาห์ เงินทุนต่างชาติลดน้ำหนักตลาดหุ้นในเอเชียหนาแน่น รวมถึงตลาดหุ้นไทย ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ / ไทย ขยับขึ้นเด่นวานนี้ แต่เราเชื่อว่าสถาบันภายในประเทศจะหาจังหวะซื้อหุ้นคืน (Covered short) หลังจากขายสุทธิไปกว่า 7.9 พันล้านบาทตลอด 4 วันทำการที่ผ่านมา เราประเมินกรอบแกว่งวันนี้ 1,715/20 - 1,735 จุด 

          เรามองว่ากลุ่ม Domestic Play จะเป็นกลุ่มนำตลาดในช่วงสั้นนี้ต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานใน 3Q61 ที่เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธนาคาร (BBL)/ กลุ่มค้าปลีก (BJC)/ กลุ่มรับเหมาฯ (SEAFCO)/ กลุ่มผู้ส่งออกอาหาร (CPF/ TU) เป็นต้น วันนี้จับตากลุ่มนิคมอุตฯ ที่คาดว่าจะมีโมเมนตัมเชิงบวกต่อเนื่อง จากแผนการลงทุนขนาดใหญ่ภายใน EEC เอื้อต่อโอกาสการขายที่ดินของกลุ่มนิคมอุตฯ ในปีหน้าได้เด่นขึ้น

          สำหรับแนวทางกำกับดูแลสินเชื่อภาคอสังหาฯของ ธปท. กำหนดเงินดาวน์ขั้นต่ำ 20% ของมูลค่าหลักประกัน สำหรับการกู้หลังที่ 2 ขึ้นไป หรือที่อยู่อาศัยมูลค่า 10 ล้านบาทขึ้นไป เริ่มมีผลตั้งแต่ 1 ม.ค.2562 เราประเมินผลกระทบเชิงลบต่อ ORI/ AP/ ANAN ซึ่งมีแผนโอนคอนโดมิเนียมใน 4Q61-2563 ส่วนกลุ่มที่ปลอดภัย ได้แก่ SPALI และ QH ด้านกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เรามองเป็นบวกต่อคุณภาพสินทรัพย์ในระยะกลาง-ยาว และลดภาระตั้งสำรอง (รายละเอียดบทวิเคราะห์ Sector Update เช้านี้) 

          ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า ติดตามการทยอยประกาศงบการเงิน 3Q61 ของกลุ่มสถาบันการเงินตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค.เป็นต้นไป

 

          1. คาดเห็นแรงซื้อกลับรายตัวหุ้นกลุ่มอสังหาฯ หลังธปท.ประกาศมาตรการสินเชื่อที่อยู่อาศัยแล้ว เราชอบหุ้นตัวใด?

          2. Dollar Index กลับมาอ่อนค่า ติดตามตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯคืนนี

          3. กลุ่มสื่อสารครบกำหนดยื่นซองประมูลคลื่น 900MHz ในวันที่ 9 ต.ค. 

          4. บทวิเคราะห์ผลกระทบมาตรการสินเชื่อของธปท.ต่อกลุ่มอสังหาฯ และธนาคาร

 

          วานนี้ SET INDEX ลงไปทดสอบแนวรับที่ปริเวณ 1720 จุด ก่อนฟื้นตัวขึ้นกลับมาปิดที่ 1729.40 จุด (-12.56 จุด หรือ -0.72%) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 6.4 หมื่นล้านบาท

          กระแสเงินทุน : นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 หนาแน่นถึง 5 พันล้านบาท รวม 3 วันทำการขายสุทธิสะสมราว 9.2 พันล้านบาท เช่นเดียวกับสถาบันในประเทศที่ขายสุทธิเป็นวันที่ 4 อีกราว 3.4 พันล้านบาท รวม 4 วันทำการขายสุทธิสะสมราว 7.9 พันล้านบาท ทางด้านตลาด SET50 Index Futures กลุ่มนักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Short สุทธิหนาแน่นถึง 1.5 หมื่นสัญญา พลิกจากวันก่อนหน้าที่มีสถานะ Long สุทธิราว 2.5 พันสัญญา ส่งผลให้ QTD มีสถานะ Short สุทธิสะสมราว 2.2 หมื่นสัญญา โดย S50Z18 มี Premium จาก SET50 Index ราว 1.05 จุด จากวันก่อนหน้ามี Discount ราว 0.05 จุด สวนทางกับกลุ่มสถาบันในประเทศและบัญชี บล. ที่มีสถานะ Long สุทธิเป็นวันที่ 3 อีกราว 4.4 พันสัญญา รวม 3 วัน ทำการมีสถานะ Long สุทธิสะสมทั้งสิ้นราว 1.9 หมื่นสัญญา ส่งผลให้ QTD มีสถานะ Long สุทธิสะสมราว 1.8 หมื่นสัญญา

          ตลาดตราสารหนี้ : นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิวันแรกในรอบ 5 วันทำการราว 583 ล้านบาท

 

 

ธนาคารโลก (World Bank) ปรับประมาณการ GDP ไทย ปี 2561 ขึ้นเป็น 4.5% จากเดิมที่ระดับ 4.1% ก่อนชะลอตัวลงมาอยู่ที่ 3.9% ในปี 2562-2563

JP Morgan ปรับลดน้ำหนักตลาดหุ้นจีนจาก "มากกว่าตลาด (Overweight)" เป็น "กลาง (Neutral)"

ประธานคณะมนตรียุโรปคาดอิตาลีอาจมีงบประมาณขาดดุลในปี 2562 มากกว่า 2.4% เนื่องจาก GDP อิตาลีในปี 2562 อาจเติบโตต่ำกว่าที่รัฐบาลอิตาลีคาด

คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เห็นชอบหลักการการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานสำคัญอีก 4 โครงการ มูลค่ารวม 4.7 แสนล้านบาท

ธปท.ปรับเกณฑ์กำกับดูแลสินเชื่อบ้านที่ราคาสูงกว่า 10 ล้านบาท หรือบ้านหลังที่ 2 โดยต้องวางเงินดาวน์อย่างน้อย 20% ของมูลค่าหลักประกัน

ม.หอการค้ารายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริเภคเดือน ก.ย. อยู่ที่ 82.3 จุด ชะลอตัวลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 83.2 จุด

สมาชิกสภาสถาบันการเงินของรัฐฯ 9 แห่ง ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือให้บริการธุรกรรมทางการเงินในปั๊ม PTT

ติดตามการรายงานภาวะตลาดแรงงานสหรัฐฯ วันนี้

ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า

 

ติดตามการรายงานค่า PMI ของจีนในเดือน ก.ย. วันที่ 8 ต.ค.

ติดตามการรายงานภาพรวมเศรษฐกิจโลกของ IMF วันที่ 8-9 ต.ค.

ติดตามการรายงานเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ เดือน ก.ย. ตลาดคาดขยายตัว 2.4% YoY วันที่ 11 ต.ค.

ติดตามการรายงานนำเข้า - ส่งออกจีน เดือน ก.ย. ตลาดคาดส่งออกขยายตัว 8.7% YoY และนำเข้าขยายตัว 14.5% YoY วันที่ 12 ต.ค.