- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 04 October 2018 17:40
- Hits: 7095
บล.เอเชีย เวลท์ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ยังไม่พ้นขีดอันตราย
ตลาดหุ้นไทยวันนี้ : สัญญาณบ่งบอกว่าอาจจะเกิดภาวะเงินไหลออกจากตลาด Emerging Market มุ่งหน้าเข้าสหรัฐฯ เด่นชัดขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อ U.S. Bond Yield อายุ 10 ปี และ 30 ปี ปรับตัวขึ้นแรงและทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 3.20% และ 3.34% ตามลำดับ ขณะที่ U.S. Dollar Index ขึ้นมาต่อเนื่องมาถึง 96 แล้ว ซึ่งระดับที่เกิน 95 เป็นการคอนเฟิร์มว่าค่าเงินสหรัฐฯ แข็งค่า ทิศทางของ Fund Flow มุ่งสู่สหรัฐฯ เป็นหลัก ทำให้ค่าเงินบาท Against US$ มายืนที่ 32.6 บาทต่อเหรียญฯ ในเช้านี้ ต่างชาติและกองทุนขายสุทธิต่อเนื่อง รวมถึงการที่บอนด์ถูกเทขาย รวมทั้งหุ้นที่มี Recurring Income อย่างเช่นหุ้นกลุ่มไฟฟ้าถูกเทขายหนักวานนี้ เป็นสัญญาณเตือนว่า "เงินไหลออก" วันนี้ให้นักลงทุนจับตาดูตลาดหุ้นแถบภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะฮ่องกง สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ที่เมื่อวานนี้มีการเด้งขึ้น แต่หากวันนี้อาการไม่ดี นักลงทุนควรหาทางลดพอร์ตลงไปบ้าง แล้วค่อยหาจังหวะในการเข้าซื้อใหม่อีกรอบ อย่าเพิ่งถือหุ้นเต็มพอร์ต ส่วนนักลงทุนที่เล่นรอบ รอจังหวะการเข้ารอบใหม่และรอขายเมื่อรีบาวด์ สนใจจะรอซื้อ TKN, WHA, EA (ช่วง 40-45 บาท) ปล่อยผ่านไปเลยสำหรับ PTG, BEAUTY มองว่า Fundamental ไม่ซัพพอร์ต อย่างไรก็ตาม หุ้นที่คาดว่าจะรับผลดีในรอบนี้ควรเป็นหุ้นที่มีรายได้และสินทรัพย์รูป US$ เนื่องจากเรามองว่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าต่อได้อีก คาดว่าจะเห็น 33 บาทต่อเหรียญฯ อีกครั้ง กรอบดัชนีวันนี้ 1,732-1,752 จุด หุ้นแนะนำ PTTGC, TOP, KCE
Stock Comment
PTTGC Pick of the day
TOP (ปิด 86.25 บาท; ซื้อ; AWS TP 101 บาท) คาดว่าได้ผลบวกจากซัพพลายโรงกลั่นและปิโตรเคมีต้นน้ำบางส่วนขาดไปจากการที่โรงกลั่น Saudi Aramco ถูกไฟไหม้ นอกจากนี้ การรายงานของ EIA ที่ระบุสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 8 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต๊อกน้ำมันสำเร็จรูปลด ทำให้คาดการณ์ได้ว่าค่าการกลั่นน้ำมันดีเซล ควรจะปรับตัวสูงขึ้นได้ในไม่ช้านี้
KCE (ปิด 43.00 บาท; ซื้อ; AWS TP 49.00 บาท) Follow Buy ตามค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่า ส่งผลบวกในไตรมาส 4/61
หุ้นเด่นวันนี้ : PTTGC (ปิด 82.00 บาท; ซื้อ; AWS TP 95 บาท)
ราคาหุ้น Laggard จากสเปรดของ HDPE อ่อนตัวลง แต่ค่าการกลั่นในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มดีขึ้น เราคาดการณ์ไตรมาส 3/61 ที่ 6.3 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล และไตรมาส 4/61 ที่ 6.6 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ขณะที่ไตรมาส 2/61 ตกต่ำอยู่เพียง 5.88 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล คาดว่าถูก Drive ขึ้นด้วยค่าการกลั่นน้ำมันดีเซล ขณะที่ Px Spread ไตรมาส 3/61 สูงถึง 461 เหรียญฯ ต่อตันดีกว่าไตรมาส 2/61 ที่ 268 เหรียญฯ ต่อตัน มาจากซัพพลายใหม่เข้ามาช้ากว่ากำหนด นอกจากนี้ จากเหตุการณ์ไฟไหม้โรงกลั่นปิโตรเคมีของ Saudi Aramco คาดว่ามีผลกระทบต่อซัพพลายต้นน้ำของโรงกลั่น และปิโตรเคมีต้นน้ำ เรามองเป็นผลบวกต่อ TOP และ PTTGC
Price Pattern ของ PTTGC มีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาลง (Downtrend) จากการเกิดทั้ง Weekly & Monthly Sell Signal แต่ Price Pattern ของ PTTGC เริ่มกลับมาเกิดความแข็งแกร่งในระยะสั้นจากการเกิด Daily Buy Signal ครั้งใหม่ และหาก Price Pattern ของ PTTGC สามารถปิดตลาดรายสัปดาห์ได้เหนือ 81.75 บาท ก็จะทำให้เกิดความแข็งแกร่งในระยะกลางจากการกลับมาเกิด Weekly Buy Signal ครั้งใหม่ โดยมีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 83.25 บาท และเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 87 บาท และมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ 90.75 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้ PTTGC มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 80.50 บาท (Resistance: 82.75, 83.50, 84.75; Support: 81.75, 81.00, 79.75)
ปัจจัยในประเทศ :
ธปท. กังวลสินเชื่อที่อยู่อาศัย โดยข้อมูล ธปท. เผยว่า เกือบ 50% ของสัดส่วนสินเชื่อบ้านในไตรมาส 2/61 มีวงเงินสินเชื่อต่อมูลค่าบ้าน (LTV) เกินกว่า 90% และประมาณสัดส่วน 1 ใน 3 มีวงเงินสินเชื่อต่อรายได้ (LTI) สูงกว่า 5 เท่า บ่งบอกว่ามาตรฐานการปล่อยสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ลดลง (บางกอกโพสต์) ความเห็น: ธปท. จะมีการแถลงแนวนโยบายการกำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัยในวันนี้ ซึ่งเราคาดว่าอาจมีการกำหนด LTV รวมถึงกำหนดวงเงินกู้ให้สอดคล้องรายได้ และอื่นๆ จากนโยบายดังกล่าว เราคาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยอาจเติบโตชะลอตัวลงนับจากนี้ โดยคาดว่าธนาคารจะใช้นโยบายการปล่อยสินเชื่อแบบระมัดระวังขึ้น
BGRIM (ปิด 29.00 บาท; ซื้อ; AWS TP 33.00 บาท) BGRIM ได้รับหนังสือจากกองทัพเรือแจ้งผลการคัดเลือกผู้ประกอบการเพื่อดำเนินโครงการงานระบบไฟฟ้าและน้ำเย็น พื้นที่สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา ทั้งนี้ แผนการพัฒนาโรงไฟฟ้าระยะที่ 1 กรอบระยะเวลาระหว่างปี 2561 2564 บริษัทฯ จะได้ดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม 80 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 15 เมกะวัตต์ และ ระบบกักเก็บพลังงาน (ESS) 50 เมกะวัตต์ชั่วโมง ส่วนแผนการพัฒนาโรงไฟฟ้าระยะที่ 2 กำหนดไว้ ระหว่างปี 2564 2566 โดยในส่วนแผนนี้จะประกอบด้วยโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม 80 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา หรือแบบลอยน้ำ 55 เมกะวัตต์ (Bangkok Post) ความเห็น: การก่อสร้างโรงไฟฟ้าตามแผนงานดังกล่าวสามารถรองรับปริมาณความต้องการการใช้ไฟฟ้าในเขตพื้นที่การพัฒนาโครงการสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาได้อย่างมั่นคงเราเลือก BGRIM เป็น Top Pick ของกลุ่มโรงไฟฟ้าและมีโอกาสปรับประมาณการและเป้าหมายขึ้น แนะนำให้นักลงทุนขายทำกำไรกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่ถึงเป้าหมายของแล้วอย่าง EA (AWS TP 46.50 บาท), CKP (AWS TP 5.00 บาท), BCPG (AWS TP 21.00 บาท) Switch มากลุ่มโรงไฟฟ้าแบบ Conventional แบบ BGRIM (AWS TP 33.00 บาท) แทน
ตลาดต่างประเทศ :
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ : ปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 5 ขานรับตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือน ก.ย.ของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นสูงกว่าการคาดการณ์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ US Bond Yield 10 ปี ขึ้นสูงทำสถิติใหม่เป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 3.1898% US Dollar Index พุ่งไปที่ 96.035 ขณะที่หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมได้รับแรงซื้ออย่างต่อเนื่อง หลังจากนักลงทุนคลายกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้าอย่างแคนาดาและเม็กซิโก
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันดิบ: WTI พุ่งขึ้น 1.18 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 76.41 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงปลายปี2557 เบรนท์ พุ่งขึ้น 1.49 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 86.29 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2557 เช่นกัน ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกจะเผชิญภาวะตึงตัว เนื่องมาจากมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน โดยปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนสัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 1.6% แม้ทางการสหรัฐฯ รายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้น 8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 28 ก.ย. มากกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลล์สำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 2.76 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล EIA ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 459,000 บาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล สต๊อกน้ำมันสำเร็จรูปที่ลดลง คาดว่าส่งผลให้ค่าการกลั่นน้ำมันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นใน Period หน้า
Thailand Research Department
Vajiralux Sanglerdsillapachai (No.17385) Tel: 0-2680-5077
Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 0-2680-5090
Adisak Prombun (No.14543) Tel: 0-2680-5056
Veeraya Rattanaworatip (No.86645) Tel: 0-2680-5042
Nutchapol Cheevavichawalkul (No.46377) Tel: 0-2680-5094
OO14639