- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 03 October 2018 17:49
- Hits: 4685
บล.ฟินันเซียไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Domestic and Laggard Play//Accumulate on Dip
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index อ่อนแอกว่าที่เราคาดโดยปิดลบถึง 12.38 จุด ณ สิ้นวัน โดยมีแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นดีในช่วงก่อนหน้า ประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่ยังไม่มีพัฒนาการเชิงบวกกลับมากดดันบรรยากาศการลงทุนอีกครั้ง สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายค่อนข้างหนาแน่น 2.7 พันลบ.และ 3.3 พันลบ. ตามลำดับ (และยัง Short ใน Index Futures อีกกว่า 6 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : SET Index จะแกว่งตัว Sideways Down หลังจากที่สหรัฐฯ-เม็กซิโก-แคนาดาสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้า USMCA ได้สำเร็จ ทำให้สหรัฐฯสามารถมุ่งเป้าไปที่จีนได้อย่างเต็มที่ซึ่งทำให้ตลาดเกิดความกังวล อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่าการปรับลงของตลาดจะไม่ลึกมากเนื่องจากซึบซับประเด็นดังกล่าวไปมากแล้วในช่วงหลายเดือนทีผ่านมาและคาดดัชนีไม่หลุดต่ำกว่าแนวรับ 1,730 จุด โดยปัจจัยหนุนหลักยังมาจากในประเทศเรื่องของการเลือกตั้งที่ค่อนข้างชัดเจน และการเร่งผลักดันโครงการของภาครัฐในช่วง 4-5 เดือนข้างหน้า
กลยุทธ์ : เน้นลงทุนหุ้น Domestic ที่ยัง Laggard //ทยอยสะสมกลับในช่วงลบ
หุ้นเด่นเดือนต.ค. : BDMS, CPALL, CPN, MINT, PTTGC
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$887ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากไต้หวัน US$469ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$101ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลจากภูมิภาคเพราะความกังวลแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> INTUCH <<
แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 67.50 บาท
ราคาหุ้นในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมายัง laggard SET50 อยู่ราว 4% และ laggard กลุ่มสื่อสารราว 2%
ในเชิง Valuation ยังน่าสนใจ จากราคาหุ้นที่ Discount NAV ของ ADVANC มากถึง 25% และให้ปันผลเฉลี่ยสูงถึง 5% ต่อปี เหมาะใช้เป็น Safe Haven ในช่วงตลาดหุ้นผันผวน
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) ครม. เห็นชอบรัฐบาลดิจิทัล โดยนัยสำคัญของ พรบ. รัฐบาลดิจิทัลคือให้หน่วยงานภาครัฐฯ มีการจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบดิจิทัล พร้อมทั้งกำหนดให้มีศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลกลางใน 5 ปี คาดว่าต้องใช้งบประมาณราว 3 หมื่นลบ. เรามองว่าประเด็นนี้เป็นบวกกับ TKS มากที่สุด เพราะ TBSP ที่เป็นบริษัทลูกมีบริการแปลงเอกสารที่เป็นกระดาษให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล อีกทั้ง SYNEX ที่เป็นบริษัทร่วมก็เป็นผู้ขายสินค้าไอทีเบอร์ 1 ของประเทศ อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่ราคาหุ้น SYNEX ปรับขึ้นมาเร็วและแรง เราจึงแนะนำให้เก็งกำไร TKS ในฐานะหุ้น laggard โดยในทางเทคนิคมีแนวรับที่ 11.50-11.80 บาท และแนวต้านที่ 12.50 บาท
(+) MTC เราปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2019 ขึ้น 3% เป็น 5.39 ลบ. (+42% Y-Y) หลังแรงกดดันของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับสินเชื่อทะเบียนรถยนต์ผ่อนคลายลงเมื่อ ธปท. มีความชัดเจนต่อมาตรการสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนแล้ว โดยกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่ไม่เกิน 28% และให้ใบอนุญาตโดยไม่ต้องขอใหม่กับผู้ที่มีใบอนุญาตสินเชื่อบุคคล เราจึงปรับ Loan yield ขึ้น ระยะสั้นแนวโน้มกำไร 3Q18 คาดทำจุดสูงสุดใหม่ที่ราว 980 ลบ. +8% Q-Q, +50% Y-Y และน่าจะเห็นกำไรที่ระดับมากกว่า 1 พันลบ. ใน 4Q18 คงคำแนะนำ ซื้อ และปรับไปใช้ราคาเหมาะสมปี 2019 ที่ 60 บาท
(+) FTE หลังจากงานติดตั้งอุปกรณ์ดับเพลิงกลับมาฟื้นตัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานโครงการทั้งของ EGAT และโครงสร้างพื้นฐานที่ชะงักไปใน 1Q18 ทำให้คาดว่ากำไรสุทธิ 3Q18 จะทรงตัวในระดับสูงใกล้ 2Q18 ที่ทำได้ 42 ลบ. โดยมี Backlog รองรับรายได้ไปจนถึง 4Q18 ที่ราว 260 ลบ. ขณะที่ อัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเงินบาทแข็งค่า ซึ่งถ้ากำไร 2H18 เป็นไปอย่างที่คาด แปลว่ากำไรทั้งปีนี้จะไม่ชะลอเหมือนที่เราเคยประเมินไว้เดิม โดยถ้าให้เท่ากับที่ทำได้ทั้งปีก่อน 131 ลบ. แล้วอิง Payout Ratio ที่ 100% ปันผลทั้งปีนี้จะอยู่ที่ 0.22 บาท/หุ้น หรือคิดเป็นผลตอบแทน 9.4% ต่อปี หักงวด 1H18 ที่จ่ายแล้ว 0.09 บาท/หุ้น ปันผลเฉพาะ 2H18 ก็ยังให้ผลตอบแทนสูง 5.6% แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 3.15 บาท
(0) NER เป็นผู้ผลิตและและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ( RSS) ยางแท่ง (STR) และยางผสม (Mixtures Rubber) รายใหญ่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งเป็นพื้นที่ที่มียางพาราคุณภาพและเป็นที่ต้องการของลูกค้ามาอย่างยาวนาน เราคาดว่ากำไรปี 2018 จะเพิ่มขึ้น 40%Y-Y เนื่องจากการปรับขั้นตอนการผลิตตั้งแต่การสั่งซื้อวัตถุดิบ, การบริหารแรงงาน, และการปรับกระบวนการผลิตในส่วนของการผลิตยางผสม ผลกำไรจะเริ่มยกฐานขึ้นในปี 2019 จากแผนการเพิ่มกำลังการผลิตจากโรงงานใหม่ของยางผสม และในปี 2020 การเพิ่มกำลังการผลิตเท่าตัวในยางแท่งและยางผสม เราคาดว่ากำไร 2YCAGR จะ +50%Y-Y เราประเมินมูลค่าหุ้น NER ด้วยวิธี Relative PE โดยอิงกับ PE เฉลี่ยในอดีตของ STA 10 ปีย้อนหลังที่ 13 เท่า และใกล้เคียงกับ PE เฉลี่ยของบริษัทที่มีลักษณะธุรกิจใกล้เคียงกันในระดับโลก (Bloomberg) ที่มี PE เฉลี่ยที่ 13.2 เท่า และยังสอดคล้องกับอัตราการเติบโตในอีก 5 ปีข้างหน้าที่คาดการณ์ที่ 13% ด้วย บนระดับ PER ดังกล่าวและคาดการณ์ EPS ปี 2019 ที่ 0.32 บาท/หุ้น เราประเมินราคาเป้าหมายปี 2019 ของ NER เท่ากับ 4.16 บาท (อิง PER 13 เท่า) (FSS อาจเข้าร่วมเป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย หุ้นสามัญเพิ่มทุนของ NER)
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
3 ต.ค.- สหรัฐฯ: ยอดจ้างงานภาคเอกชน (ก.ย.)
- ยูโรโซน: PMI ภาคการผลิต (ก.ย.)
5 ต.ค.- สหรัฐฯ: ดุลการค้า (ส.ค.) ยอดจ้างงานนอกภาคเกษตร (ก.ย.)
11 ต.ค.- สหรัฐฯ: อัตราเงินเฟ้อ (ก.ย.)
(0) ตลาดสหรัฐปรับตัวผสมผสาน จากคำพูดของประธาน FED ที่มองว่ายังไม่เห็นสัญญาณของเงินเฟ้อที่จะทำให้การขึ้นดอกเบี้ย Aggressive มากกว่านี้ แต่ต้องจับตาดูข่าวการหลีกเลี่ยงภาษีของปธ.ทรัมป์และครอบครัวว่าจะมีพัฒนาการออกไปทางด้านใด
(-) ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง จากแผนการขาดดุลงบประมาณที่เพิ่มขึ้นของรัฐบาลอิตาลี แม้จะมีปัญหาหนี้สินที่สูงมากอยู่แล้วก็ตาม
(-) ตลาดเอเชียเช้านี้ปรับตัวลง นำโดยตลาดหุ้นฮ่องกงจากความกังวลเรื่องการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจจีนและสงครามทางการค้า
(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 32.36 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ย. ลดลง 0.07 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 75.23 ดอลลาร์/บาร์เรล แม้มีความกังวลเรื่องสต็อคน้ำมันดิบของสหรัฐที่อาจเพิ่มขึ้น แต่ก็ถูกหักล้างด้วยเรื่องการคว่ำบาตรอิหร่าน
(-) ค่าการกลั่นสิงคโปร์ปรับตัวลง -2.9% ล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ที่ 6.01 ดอลลาร์/บาร์เรล
() ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 15.30 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1207.0 ดอลลาร์/ออนซ์ จากความกังวลเรื่องหนี้สินของอิตาลี
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com
FB : FINNANSIA SYRUS SECURITIES LINE : @fnsyrus
OO14559