WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

YuanTaบล.หยวนต้า(ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 
 
กลยุทธ์วันนี้
          เลือกเก็งกำไร / สะสมหุ้นที่แนวโน้มกำไร 3Q61 เด่น
 
Smart Pick
 
เก็งกำไร PTTEP
  ราคาปิด 156.50 บาท
  แนวต้านทางเทคนิค 160.00 บาท
          ราคาหุ้นวานนี้ปรับตัวลง 2.2% จากแรงขายทำกำไร ขณะที่ (1) น้ำมันดิบ BRENT, DUBAI ทรงตัวระดับสูงสุดรอบ 4 ปี และ (2) คาดกำไรปกติ 3Q61 เบื้องต้นโตถึง 50-60% YoY และ 8-10% QoQ 
          อีกทั้ง PTTEP มี Upside Risk จากการประมูลแหล่งปิโตรเลียมรอบใหม่ คาดทราบผลประมูลช่วงปลายเดือนพ.ย.-ต้น ธ.ค. เราประเมินเบื้องต้นหาก PTTEP ชนะการประมูลแหล่งบงกช และเป็นบวกต่อเป้าหมายได้อีก 18-35 บาท
 
สะสม TU 
  ราคาปิด 17.20 บาท
  ราคาเหมาะสม 20.60 บาท
          ราคาหุ้นปรับตัวลง 3.9% ใน 2 วันที่ผ่านมา ใกล้แนวรับบริเวณ 17.00 บาท +/- เรามองว่าเป็นโอกาสในการสะสม เนื่องจากแนวโน้มกำไรปกติ 3Q61 คาดเติบโตเด่น QoQ และเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี จากราคาปลาทูน่าและปลาแซลม่อนที่ลดลง อีกทั้งค่าเงินบาท/USD เฉลี่ยอ่อนค่า -3.3% QoQ ขณะที่กำไรปกติปี 2562 คาดเติบโตสูง +38% YoY เป็น 5,672 ล้านบาท
 
สะสม TPIPP
  ราคาปิด 6.65 บาท
  ราคาเหมาะสม 7.00 บาท
          เรามองว่าหุ้นกลุ่ม Defensive เช่น โรงไฟฟ้า จะทนแรงเสียดทานของตลาดที่ผันผวนได้ดี อีกทั้งราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัวในระดับสูงเป็นอีก Sentiment บวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงานทดแทน 
          เราประเมินกำไรปกติใน 3Q61 คาดทำระดับสูงสุดใหม่รายไตรมาสได้อีกครั้ง จากการรับรู้รายได้โรงไฟฟ้า TG6 เต็มไตรมาส และ TG7 ตั้งแต่วันที่ 18 ส.ค. ที่ผ่านมา ราคาหุ้น ณ ปัจจุบันซื้อขายที่ PER2562 เพียง 10.5 เท่า และผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ยต่อปี 6%
 
เก็งกำไร TKS 
  ราคาปิด 12.00 บาท
  แนวต้านทางเทคนิค 12.50 บาท 
          ภาพทางเทคนิคจะเป็นบวก หากราคาผ่าน 12.30 บาทได้ โดยมีโอกาสขึ้นทดสอบ 12.50/12.80 บาท เป็นแนวต้านถัดไป แนวรับ 11.80 บาท และ Stop loss หากต่ำกว่า 11.60 บาท 
          เราคาดกำไรปกติ 3Q61 ขยายตัวเด่น QoQ จากกำไรของบริษัทร่วมคือ SYNEX ที่เติบโตทั้ง YoY และ QoQ นอกจากนั้น TKS ยังมีปัจจัยหนุนเฉพาะตัวจากงานรับพิมพ์สแตมป์ ใน 3Q61 และฐานรายได้มีโอกาสยกขึ้นอีกใน 4Q61 ที่เป็น High Season ของธุรกิจสิ่งพิมพ์
 
Profit-Taking  : N.A.
 
กลยุทธ์วันนี้
          SET INDEX วานนี้ปรับฐานลงสวนทางกับที่เราประเมินไว้ เนื่องจากแรงขายทำกำไรของสถาบันทั้งในและต่างประเทศ ค่าเงินท้องถิ่นในเอเชียอ่อนค่าเทียบกับ USD โดยเฉพาะเงินรูเปียะห์อินโดนีเซียและเงินเปโซฟิลิปปินส์ และตลาดหุ้นฮั่งเส็งซึ่งเป็นตลาดที่มีความสัมพันธ์เชิงบวกกับตลาดหุ้นไทย (Correlation) ปรับฐานลงแรง ต่างเป็นปัจจัยกดดันให้ SET INDEX อ่อนตัวลงปิดต่ำกว่า 1,750 จุดอีกครั้ง บนปัจจัยพื้นฐานด้านเศรษฐกิจและการลงทุนในไทยยังคงแข็งแกร่ง ทำให้เรามองว่าการอ่อนตัวลงของ SET INDEX กลายเป็นโอกาสของการเข้าสะสมหุ้นที่แนวโน้มผลการดำเนินงานใน 3Q61 เติบโตเด่นเมื่อเทียบกับกลุ่ม โดยเรายังคงให้น้ำหนักกับกลุ่ม Domestic Play อย่างกลุ่มธนาคาร/ กลุ่มค้าปลีก/ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง/ กลุ่มส่งออกอาหาร เป็นต้น เช่น BBL/ SCB / BJC / SEAFCO/ TU เป็นต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง TU ที่วานนี้ปรับตัวลงเกือบ 3%
          สำหรับภาพการลงทุนในวันนี้เราคาด SET INDEX มีโอกาสเกิด Technical Rebound กลับไปปิดยืนเหนือ 1,750 จุดได้อีกครั้ง แม้ว่าเช้านี้ค่าเงินรูเปียะห์อินโดนีเซียอ่อนค่าลงต่อก็ตาม ขณะที่ค่าเงินบาท/USD กลับทรงตัวได้ดีต่อเนื่อง บวกกับราคาน้ำมันดิบ NYMEX ที่ทรงตัวเหนือ US$75/bbl ทำให้เราประเมินว่าบรรยากาศการลงทุนในวันนี้จะกลับมาเป็น "กลางถึงบวกได้เล็กน้อย" จับตากลุ่มพลังงาน นำโดย PTTEP ที่มีโอกาสฟื้นตัวเด่นในวันนี้ หลังวานนี้ปิดลบกว่า 2%
          เช้านี้ เราออกบทวิเคราะห์ Initiate หุ้น BPP เริ่มต้นคำแนะนำ "ขาย" ประเมินราคาเหมาะสม 24 บาท คาดกำไร 2H61 อ่อนตัวลงจากการปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้า บวกกับต้นทุนถ่านหินอยู่ในระดับสูง ในเชิงกลยุทธ์ เราชอบ BGRIM/ GULF มากกว่าในแง่ของการเติบโต และแนะนำ TPIPP สำหรับนักลงทุนที่ชอบเงินปันผล
          ขณะที่กลุ่มท่องเที่ยวและ AOT ยังเผชิญกับแรงกดดันจิตวิทยาการลงทุนเชิงลบ เมื่อทางการจีนมีโอกาสขึ้น "ธงเหลือง" กับการท่องเที่ยวไทย
 
HOT Topic
          1. SET Index ปรับฐานวานนี้ เรามองอย่างไร?
          2. Preview งบ 3Q61 ของ KCE 
          3. ความเสี่ยงด้านนโยบายการคลังในอิตาลีกดดันตลาดหุ้นยุโรป
          4. กลุ่มสื่อสารครบกำหนดรับซองประมูลคลื่น 900MHz วันที่ 8 ต.ค. เราคาดการณ์อย่างไร
 
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
          วานนี้ SET INDEX เคลื่อนไหวต่ำกว่า 1750 จุดอีกครั้ง ปิดลบ 12.38 จุด ปิดที่ 1748.09 จุด มูลค่าการซื้อขายราว 6.4 หมื่นล้านบาท ถูกกดดันจากหุ้นขนาดใหญ่ทั้ง PTTEP (-2.19%), SCC (-1.34%), AOT (-0.77%) และ PTT (-0.46%) กดดันดัชนีราว 3.5 จุด
          กระแสเงินทุน : นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิวันแรกในรอบ 3 วันทำการราว 3.3 พันล้านบาท เช่นเดียวกับสถาบันในประเทศที่ขายสุทธิเป็นวันที่ 2 อีกราว 2.7 พันล้านบาท รวม 2 วันทำการขายสุทธิทั้งสิ้น 2.9 พันล้านบาท ด้านตลาด SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Short สุทธิเป็นวันที่ 2 อีกราว 6 พันสัญญา รวม 2 วันทำการมีสถานะ Short สุทธิสะสมราว 8.9 พันล้านบาท สวนทางกับกลุ่มสถาบันในประเทศและบัญชี บล. มีสถานะ Long สุทธิวันแรกในรอบ 3 วันทำการหนาแน่นถึง 1.3 หมื่นสัญญา
          ตลาดตราสารหนี้ : นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิวันที่ 3 อีกราว 5.2 พันล้านบาท รวม 3 วันทำการซื้อสุทธิสะสมทั้งสิ้น 1.1 หมื่นล้านบาท
 
ปัจจัยสำคัญวันนี้
 
หนึ่งในนักการเมืองอิตาลีให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อว่า หากอิตาลีถอนตัวจากสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) จะทำให้เศรษฐกิจของอิตาลีดีขึ้น
ตลาดคาดธนาคารกลางอินเดียจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในวันที่ 5 ต.ค. เพื่อพยุงค่าเงิน Rupee
ค่าเงิน Rupiah ของอินโดนีเซีย อ่อนค่าสู่ระดับ IDR15,043/USD อ่อนค่ามากสุดในรอบ 20 ปี
จีนเผยต้องการเจรจาทางการค้ากับแคนาดาและเม็กซิโก หลังจากแคนาดาและเม็กซิโกบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐฯฉบับใหม่
ประธานเฟดเผยค่าแรงที่เพิ่มขึ้นเพียงอย่างเดียวไม่ได้เป็นปัจจัยกดดันให้เฟดต้องรีบปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้น
ฟิทช์ เรทติ้งส์ (Fitch Ratings) คาดเศรษฐกิจโลกเติบโต 3.3% ในปี 2561 และ 3.1% ในปี 2562 ขณะที่ประเทศกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) มีความเสี่ยงที่สูงขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ผลกระทบต่อประเทศไทยมีจำกัด
BEM ประกาศขยายเวลาคงอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดินช่วงเตาปูน-หัวลำโพง จนถึงวันที่ 15 พ.ย.นี้ เพื่อสนับสนุนนโยบายแบ่งเบาภาระประชาชนของภาครัฐฯ
ติดตามการรายงานภาวะเศรษฐกิจโลกของ IMF วันนี้
ติดตามการรายงานภาวะตลาดแรงงานสหรัฐฯ วันที่ 5 ต.ค.
          
Strategist Team    
          Mayuree Chowvikran     Head of Research  ,  662-009-8050 
          Padon Vannarat        Strategist  ,  662-009-8060
          Piyapat Patarapuvadol        Strategist  , 662-009-8062 
          Nutt Treepoonsuk         Strategist ,  662-009-8059
OO14557

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!