- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 02 October 2018 18:04
- Hits: 5405
บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้
กลับมาเก็งกำไรหุ้นกลุ่มน้ำมัน / โรงกลั่นอีกครั้ง
Smart Pick
เก็งกำไร PTT
ราคาปิด 54.75 บาท
ราคาเหมาะสม 59.50 บาท
เรามองว่าหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีหนุนตลาดหุ้นไทยวันนี้ จาก ราคาน้ำมันดิบ NYMEX บวกถึง 2.8% dod ปิดที่ US$75.30/barrel ทำระดับสูงสุดรอบเกือบ 4 ปี เป็น Sentiment เชิงบวก
นอกจากนี้ PTT ขึ้น XD วันที่ 11 ต.ค. หุ้นละ 0.80 บาท คิดเป็น Dividend Yield 1.5% รวมถึงราคาหุ้นยังขึ้นช้ากว่ากลุ่ม (Laggard) โดย 1 เดือนที่ผ่านมา หุ้น PTT +4.3% เทียบกับ PTTEP +12.3% และ SET Energy +5.4%
เก็งกำไร TOP
ราคาปิด 87.50 บาท
แนวต้านทางเทคนิค 90.00 บาท
หุ้นกลุ่มโรงกลั่นมีปัจจัยหนุน นอกเหนือจากราคาน้ำมันดิบที่ขึ้นเด่นแล้ว ค่าการกลั่นหน้าโรงกลั่นสิงคโปร์ปิดบวกเป็นวันที่ 3 อีก 6.4% dod ปิดที่ US$6.19/barrel
อีกทั้งแนวโน้มกำไรปกติ 3Q61 คาดเติบโต QoQ จากค่าการกลั่นและ PX Spread ที่เพิ่มขึ้น QoQ รวมทั้งกำไรจากสต็อกน้ำมันเป็นบวกต่อกำไรสุทธิใน 3Q61 เนื่องจากราคาน้ำมันดิบดูไบ ณ สิ้น 3Q61 เพิ่มขึ้น +5.1% QoQ เป็น US$80.68/barrel
เก็งกำไร SEAFCO
ราคาปิด 9.25 บาท
ราคาเหมาะสม 10.65 บาท
เรามองว่า SEAFCO มีความเด่นในแง่ของแนวโน้มกำไรใน 3Q61 คาดกำไรปกติ 3Q61 ที่ 107 ล้านบาท +161% YoY และ +15% QoQ ทำระดับสูงสุดใหม่ของบริษัท จากการรับรู้รายได้งานรถไฟฟ้าสายสีชมพู, ส้ม และ The One Bangkok
ขณะที่ Backlog ปัจจุบันที่ 3.3 พันล้านบาท รองรับรายได้ปี 2562 ทั้งจำนวน และมีโอกาสได้งานใหม่เพิ่มเติม จากงานที่อยู่ระหว่างประมูลงานรวมกว่า 6 พันล้านบาท
เก็งกำไร PTTGC
ราคาปิด 81.75 บาท
แนวต้านทางเทคนิค 83.00 บาท
ภาพทางเทคนิคจะเป็นบวก หากปรับตัวผ่าน 82.25 บาทได้ มีโอกาสขึ้นทดสอบ 83.00/85.00 บาทเป็นแนวต้านถัดไป แนวรับ 81.25 บาท และ Stop loss หากต่ำกว่า 79.50 บาท
หุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี มีปัจจัยหนุนทั้งจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้น และการฟื้นตัวของค่าการกลั่น เราประเมินว่า PTTGC ได้ประโยชน์โดยตรงเนื่องจากเป็นผู้ผลิตแบบ Gas Base ส่งผลให้ส่วนต่างกำไรเร่งตัวขึ้นในช่วงน้ำมันขาขึ้น
Profit-Taking : N.A.
กลยุทธ์วันนี้
วันนี้เรามองว่า SET INDEX มีโอกาสทดสอบและปิดยืนเหนือแนวต้านสำคัญ 1,765-1,770 จุดได้ไม่ยาก หลังราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดบวกทะลุ US$75/bbl และระดับปิดสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี อีกทั้งค่าการกลั่นหน้าโรงกลั่นสิงคโปร์ปิดบวกมา 3 วันทำการ ทะลุ US$6/bbl วานนี้ ทำให้เรามองว่าหุ้นกลุ่มน้ำมัน / โรงกลั่น ขยับขึ้นแข็งแกร่งและเป็นกลุ่มหลักในการผลักดัน SET INDEX รอบนี้ นอกจากนี้จับตากลุ่มโรงไฟฟ้าจากพลังงานทางเลือกที่คาดว่าจะได้อานิสงค์เชิงบวกทางด้านจิตวิทยาการลงทุน เมื่อราคาน้ำมันดิบขยับขึ้นเด่น อาจทำให้ตลาดกลับมาเก็งกำไรต่อกลุ่มพลังงานทางเลือก เรามอง GULF / BGRIM เป็นตัวนำของกลุ่ม ขณะที่ TPIPP มีความเด่นในแง่ของ Bottom Up
สำหรับ Sector Rotation ในสัปดาห์นี้ พบว่า กลุ่มพลังงาน / กลุ่มค้าปลีก ยังมีความแข็งแกร่งเหนือภาพรวมของตลาดหุ้นไทย ขณะที่กลุ่มรับเหมาฯ เริ่มอ่อนแรงลง หลังจากที่เป็นกลุ่มนำตลาดตลอด 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ดังนั้นสำหรับนักลงทุนที่ลงทุนในกรอบเวลา 1 สัปดาห์นั้น ควรให้น้ำหนักกับกลุ่มพลังงาน / กลุ่มค้าปลีก โดยเราเลือก PTT / TOP / SPRC / BJC / CPALL เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ
อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนเล่นรอบระยะ 1-2 เดือนข้างหน้า เรายังคงแนะนำ "สะสมหุ้นบนธีมเก็งกำไรต่อผลการดำเนินงาน 3Q61" เป็นหลัก โดยเลือกหุ้นที่แนวโน้มกำไรในไตรมาสนี้เติบโตแกร่ง YoY และ/หรือฟื้นตัว QoQ อย่างมีนัยสำคัญจาก Low Season ใน 2Q61 ได้แก่ กลุ่มธนาคาร/ กลุ่มค้าปลีก/ กลุ่มรับเหมาฯ/ กลุ่มส่งออกอาหาร เป็นต้น เช่น BBL/ SCB / BJC / SEAFCO/ TU เป็นต้น
บทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานที่น่าสนใจวันนี้กับหุ้น SEAFCO เราคาดกำไรปกติ 3Q61 ทำระดับสูงสุดของปีนี้และเป็นระดับสูงสุดใหม่ของบริษัท ที่ 107 ล้านบาท (+15% QoQ, +161% YoY)
HOT Topic
1. ต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 ลุ้นทะลุผ่าน 1765 จุดหรือไม่ในวันนี้
2. น้ำมันขึ้นเด่น NYMEX ทำ New High รอบเกือบ 4 ปี เรามีหุ้นตัวใดมาแนะนำ
3. Preview งบ 3Q61 ของ SEAFCO คาดกำไรทำระดับสูงสุดใหม่
4. แคนาดาบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐฯและเม็กซิโก (USMCA)
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
วานนี้ SET INDEX ปิดเหนือ 1,760 จุดได้เล็กน้อย มาอยู่ที่ 1760.47 จุด เพิ่มขึ้น 4.06 จุด มูลค่าการซื้อขายราว 5.3 หมื่นล้านบาท นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานและโรงไฟฟ้าทั้ง PTTEP (+3.23%), PTT (+0.92%) และ EA (+4.15%) ส่งผลต่อดัชนีราว 4.1 จุด
กระแสเงินทุน : นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 เล็กน้อยราว 475 ล้านบาท รวม 2 วันทำการซื้อสุทธิสะสมราว 1.7 พันล้านบาท สวนทางกับสถาบันในประเทศที่ขายสุทธิเล็กน้อยเพียง 133 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิราว 1.2 พันล้านบาท ด้านตลาด SET50 Index Futures กลุ่มนักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Short สุทธิราว 2.8 พันสัญญา จากวันก่อนหน้า Long สุทธิราว 4.2 พันสัญญา เช่นเดียวกับกลุ่มสถาบันในประเทศและบัญชี บล. ที่มีสถานะ Short สุทธิเป็นวันที่ 2 อีกราว 903 สัญญา รวม 2 วันทำการมีสถานะ Short สุทธิสะสมราว 2.8 พันสัญญา
ตลาดตราสารหนี้ : นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 อีกราว 2.1 พันล้านบาท รวม 2 วันทำการซื้อสุทธิสะสมทั้งสิ้น 5.8 พันล้านบาท ขณะที่ค่าเงินบาทแข็งค่าสู่ระดับ US$/THB32.29
ปัจจัยสำคัญวันนี้
สหรัฐฯ, แคนาดา และเม็กซิโก บรรลุข้อตกลงทางการค้าฉบับใหม่ที่มีชื่อว่า USMCA เพื่อทดแทนสนธิสัญญา NAFTA ฉบับเดิม
กลุ่มโอเปกรายงานปริมาณการผลิตน้ำมันของประเทศสมาชิกเดือน ก.ย. อยู่ที่ระดับ 32.85 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 9.0 หมื่นบาร์เรลต่อวันจากเดือน ส.ค.
ซาอุดิอาระเบีย เตรียมเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบ 5 แสนบาร์เรลต่อวันภายใน 2-3 เดือนข้างหน้า เพื่อชดเชยกรณีการคว่ำบาตรอุตสาหกรรมน้ำมันอิหร่านของสหรัฐฯ
หัวหน้าที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เผยประธานาธิบดีสหรัฐฯอาจเจรจาข้อตกลงทางการค้ากับจีนอีกครั้งในการประชุม G20 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 30 พ.ย. นี้
ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี หารือกับตัวแทนของฟิทช์ เรทติ้ง (Fitch Ratings) เพื่อยืนยันว่าสถานะเศรษฐกิจของไทยมีความแข็งแกร่งขึ้นมากเมื่อเทียบกับปี 2540 และควรปรับอันดับความน่าเชื่อถือของไทยขึ้น ขณะที่ ฟิทช์ฯยังคงกังวลต่อประเด็นการเมืองในประเทศ
กระทรวงพาณิชย์รายงานเงินเฟ้อเดือน ก.ย.2561 ขยายตัว 1.33%YoY สูงกว่าที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.28%YoY ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานสูงขึ้น 0.80%YoY ดีกว่าที่ตลาดคาดที่ระดับ 0.72%YoY
กสทช.เผย DTAC เข้ารับคำขอใบอนุญาตประมูลคลื่น 900MHz เป็นรายแรก
ติดตามการรายงานภาวะตลาดแรงงานสหรัฐฯ วันที่ 5 ต.ค.
Strategist Team
Mayuree Chowvikran Head of Research 662-009-8050
Padon Vannarat Strategist 662-009-8060
Piyapat Patarapuvadol Strategist 662-009-8062
Nutt Treepoonsuk Strategist 662-009-8059
OO14513