Close                1,752.95            Volume           Bt63425M

 

Change                 3.02                  P/E            17.3

 

%Change              0.17%                P/BV           1.99

 

หุ้นแนะนำพิเศษ

 

HMPRO (ราคาปิด 15.90  ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 15.99)

 

ผบห. ปรับเป้าการเปิดสาขา HMPRO S ลดลงจากเดิม 8 สาขาเหลือ 6 สาขา โดยปัจจุบันเปิดแล้ว 2 สาขาที่ Paseo กาญจนาภิเษก และที่ BigC บางนา โดยจะเปิดเพิ่มในครึ่งปีหลังอีก 4 สาขาเนื่องจากไม่สามารถหาพื้นที่ได้ทันกำหนดการ ซึ่งสาขาที่เหลือจะเลื่อนไปเปิดในปี 62 แทน

ความเห็น : คาดว่ารายได้และกำไรของบริษัทจะยังสามารถเติบโตได้ตามเป้าที่ผู้บริหารจากแรงหนุนของการคืนภาษี VAT ของรัฐบาล และมีสัญญาณที่ดีขึ้นจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ขยายตัว 1.4% Bloomberg Consensus คาดการณ์กำไรสุทธิปี 61 เฉลี่ย 5,674 ลบ. เติบโต 16%YoY

  SET Index วานนี้ปรับตัวลงแรง ก่อนกลับมาปิดบวกในช่วงท้ายตลาด ถึงแม้ระหว่างวันจะเกิดแรงเทขายทำกำไร เนื่องจากนักลงทุนบางส่วนยังคงกังวลว่าการที่เฟด ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเป็นแรงผลักดันให้เกิด Fund flow ไหลออก อย่างไรก็ตาม กลุ่ม BANK และ FIN ยังสามารถช่วยหนุนตลาดไว้ได้ ส่งผลให้ SET Index ปิดที่ 1,752.95 จุด (+3.02 จุด) Volume 6.3 หมื่นลบ. จาก Foreign Net -1,736.82 ลบ. TFEX Net -8,792.00 สัญญา ตราสารหนี้ -1,487 ลบ.

 

+ดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2 ที่ขยายตัวสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี 

+น้ำมันดิบปิดบวกโดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกจะลดลง หลังสหรัฐใช้มาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน

+สหรัฐเผย GDP Q2/61 ขยายตัว 4.2% ไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขประมาณการ ขณะที่ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐเพิ่มขึ้น 4.5% มากที่สุดในรอบ 6 เดือน 

+ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้ผ่านพรบ.งบประมาณวงเงิน 8.54 แสนล้านดอลลาร์แล้ว ซึ่งจะทำให้สหรัฐไม่ต้องปิดหน่วยงานรัฐบาลในช่วงเดือนต.ค.

+IMF ตกลงเพิ่มวงเงินกู้เพื่อช่วยเหลืออาร์เจนตินาอีก 7.1 พันล้านดอลลาร์

+สศค. เผยเดือนส.ค. ศก.ไทยยังอยู่ในเกณฑ์ดีได้แรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายภาคเอกชน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับขึ้นแตะระดับสูงสุดรอบ 43 เดือน

-ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายร่วงลง 1.8% ขณะที่จำนวนผู้ขอสวัสดิการเพิ่มขึ้น12,000 ราย สู่ระดับ 214,000 ราย

+/- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 2.10 แสนล้านบาท ค่าเงินบาท 32.44 บาท/US

ตลาดหุ้นไทยวันนี้ได้รับปัจจัยบวกจากตัวเลขเศราฐกิจสหรัฐที่ปรับตัวดีขึ้นทั้ง GDP และยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน รวมถึงการหลีกเลี่ยงชัตดาว์ได้สำเร็จ อีกทั้งราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นเป็นปัจจัยหนุนต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ  1,745-1,766 จุด

- KBANK KKP KTB TMB สินเชื่อเติบโต QTD 

- ดัชนีค่าระวางเรือ +12% ติดต่อกัน 8 วันทำการสู่ 1,524 จุด PSL  TTA

- HMPRO, CPALL, ROBINS, BJC  คืน VAT เป็นเงินสดให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ

- หุ้นที่คาดว่า 2H61 จะเติบโตต่อเนื่อง ANAN ORI SC KCE CPF SVI

- หุ้น MAI ที่ผลประกอบการ 2H61 เติบโตต่อเนื่อง XO CHAYO TACC SSP

- กลยุทธ์การลงทุนเดือนก.ย. แนะนำกลุ่มธนาคาร กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง แนะนำ KKP CK SSP

 

 

RML ส่งซิกผผลงานไตรมาส 4 พีคสุดในรอบปี จ่อบุ๊กสินทรัพย์ KPNL หนุนยอดโอนกระฉูดในการรับรู้รายได้จากโครงการ Diplomat 39 และ Diplomat สาทร มูลค่าราว 2.5 พันล้านบาทและเริ่มโอนโครงการของบริษัทเอง The Loft อโศกบางส่วนซึ่งมียอดขายแล้วกว่า 80%  พร้อมย้ำเป้ารายได้ปีนี้แตะ 5 พันล้านบาท รับตัวเลข backlog ทะลุ 6 พันล้านบาท ทยอยรับรู้ถึงปี 2563 แถมเดินหน้าผุดออฟฟิศเช่า-คอนโดใหม่ มูลค่าราว 1.5 หมื่นล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

ความเห็น ผลการดำเนินงาน Q4 มีแนวโน้มเติบโตสูงจากการควบรวมกิจการกับ KPNL ที่บริษัทเพิ่มทุนและจัดสรรแบบเฉพาะเจาะจง (Private Placement:PP) ราคาหุ้นละ 1.80 บาทให้เข้ามาถือหุ้นในสัดส่วน 14.31% ซึ่งจะเสนอที่ประชุมผถห.อนุมัติในวันที่ 11 ต.ค.นี้ หากได้ควบรวมทำให้เป้ารายได้ที่ระดับ 4.6 พันลบ.เติบโตสูงถึง 61% อย่างไรก็ดี เป้ารายได้ปี 62 – 63 มีแนวโน้มหดตัวเหลือ 3.8 และ 3.3 พันลบ.ตามลำดับเนื่องจากมูลค่าโครงการที่จะโอนไม่มากพอที่จะสร้างการเติบโต  โดยในปี 62 จะเริ่มโอน Loft อโศก และในปี 63-64 กำหนดโอน Loft สีลม ทั้งนี้รายได้จะพลิกเติบโตสูงในปี 64 ที่จะเริ่มโอนคอนโดฯร่วมทุน 2 โครงการ และในปี 65 ที่เริ่มรับรู้รายได้ค่าเช่าอาคารสำนักงานย่านเพลินจิตที่จะเป็น recurring income ที่สำคัญต่อไป แนะนำเพียงซื้อเก็งกำไร

+ MTC (ราคาปิด 45.25 ราคาเหมาะสม Bloomberg 49.53) SAWAD (ราคาปิด 45.50 ราคาเหมาะสม Bloomberg 46.20) ปลดล็อกความกังวลหลังธปท.เตรียมออกเกณฑ์คุมสินเชื่อจำนำทะเบียนรถใหม่พ.ย.นี้ เบื้องต้นบริษัทต้องมีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาทปล่อยดอกเบี้ยไม่เกิน 28% ต่อปี  และปล่อยสินเชื่อได้ไม่กำหนดตามมูลค่าหลักทรัพย์ค้ำประกัน หากมีทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาทแต่ไม่ถึง 50 ล้านบาทสามารถดำเนินกิจการได้แต่ต้องจดทะเบียนภายใต้กฏหมายของ Pico Finance แต่จะสามารถปล่อยสินเชื่อได้ไม่เกิน 50,000 บาทต่อรายเท่านั้น ทั้งนี้ SAWAD และ MTC มีทุนจดทะเบียนมากกว่า 50 ล้านบาท มีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 50% โดย SAWAD คิดอัตราดอกเบี้ย 22% เมื่อรวมกับค่าธรรมเนียมและคชจ.อื่นๆที่บริษัทคิดราว 4% จะมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 23% ต่อปี ขณะที่ MTC คิดอัตราดอกเบี้ย 23% ต่อปี เมื่อรวมกับค่าธรรมเนียมและคชจ.อื่นๆที่บริษัทคิดประมาณ 1% จะมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 24% ซึ่งน้อยกว่าอัตราเพดานดอกเบี้ยที่ธปท.กำหนดไว้ไม่เกิน 28% ต่อปี (ที่มา ทันหุ้น)

ความเห็น ความชัดเจนของกฏเกณฑ์เกี่ยวกับสินเชื่อจำนำทะเบียนรถช่วยปลดล็อกความเสี่ยงด้านกฏหมายและลดความกังวลต่อผลกระทบที่ MTC และ SAWAD อาจได้รับซึ่งจะทำให้ผลตอบแทนของพอร์ตสินเชื่อลดลงจากปัจจุบัน ขณะที่ผลการดำเนินงานมีแนวโน้มเติบโตสูง โดย Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 61 ของ MTC เฉลี่ย 3.7 พันล้านบาท +48% และคาดกำไรปี 61 ของ SAWAD เฉลี่ย 2.7 พันล้านบาท ทรงตัว YoY

ประเด็นบวกรับเหมา กทพ.เตรียมเปิดประมูลงานทางด่วนพระราม 3-วงแหวนรอบนอกฯ 5 สัญญารวม 3.1 หมื่นลบ.ใน ต.ค.นี้ เริ่มสร้าง Q2/62

+ BGRIM - GULF ใส่เกียร์ไล่คว้าโรงไฟฟ้าโซลาร์เวียดนามเพิ่มหลังรัฐบาลขยายเวลา COD ออกไปเป็นปลายปี 2563 แถมปรับค่า Tariff เพิ่ม ชี้ความต้องการไฟฟ้าในเวียดนามพุ่ง เผย GULF เจรจาลงทุนอีกกว่า 200MW จากที่คว้าแล้ว 460MW เช่นเดียวกับ BGRIM ชิงเพิ่มพอร์ตอีกไม่ต่ำกว่า 200MW จากปัจจุบัน 677MW(ที่มาทันหุ้น)   

+ IRPC วางงบ 1.7 พันลบ.จัดทำ 29 แผนงานพลิกโฉมสู่ผู้นำดิจิทัลในกลุ่มปิโตรฯภายในปี 63 คาดสร้างมูลค่าเพิ่มกว่า 3.3 พันลบ./ปี และคาดใช้เงินทำ M&A ราว 300-800 ล้านเหรียญฯ ใน 5 ปี สร้าง EBITDA ราว 50-100 ล้านเหรียญฯใน 5 ปี เริ่มปีนี้

ประเด็นบวกกลุ่มท่องเที่ยว"มาสเตอร์การ์ด"ชี้กรุงเทพฯ ครองแชมป์อันดับ 1 สุดยอดเมืองจุดหมายปลายทางของโลกติดต่อกันเป็นปีที่ 3