ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัวผันผวนในช่วงบ่ายซึ่งคาดว่าเป็นผลจาก S50U18 ที่ซื้อขายวันสุดท้ายแต่ยังพลิกมาปิดบวกได้เล็กน้อย ณ สิ้นวัน อย่างไรก็ตามในภาพรวมยังเป็นการเคลื่อนไหว Sideways พักฐานในกรอบที่เราประเมิน สถาบันในประเทศยังขายสุทธิต่ออีกเกือบ 1 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายสุทธิหนาแน่น 1.7 พันลบ. (และยัง Short ใน Index Futures อีก 8.8 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : SET Index คาดว่าจะแกว่งตัว Sideways Up จากบรรยากาศการลงทุนที่สดใสมากขึ้นและเริ่มตอบรับเชิงบวกต่อผลการประชุมและแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของ FED ซึ่งแสดงถึงความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของเรา ขณะที่พัฒนาการเรื่องการเลือกตั้งของบ้านเราคาดว่าจะเป็นปัจจัยหนุนและสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนสถาบันและต่างชาติให้กลับเข้าซื้อหุ้นไทย และมองว่าดัชนีจะยังปรับตัวขึ้นในระยะกลาง-ยาว 

กลยุทธ์ : เน้นลงทุนหุ้น Domestic ที่ยัง Laggard //ระยะกลาง-ยาวยังเน้นถือต่อเนื่อง

 

Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$527ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าไต้หวัน US$375ล้าน ขณะที่ไหลออกจากไทย US$54ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมอภาค เม็ดเงินไหลกลับดอลลาร์สหรัฐหลังรายงานเศรษฐกิจแข็งแกร่งและอัตราดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น

 

 

แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 40 บาท

คาดกำไร 3Q18 ฟื้นตัว Q-Q เพราะไม่มีหยุดซ่อมเหมือน 2Q18 และคาด Crude Premium ลดลง รวมถึงธุรกิจโรงไฟฟ้าที่จะเร่งตัวขึ้น

ราคาหุ้นตอนนี้ไม่แพง PE เพียง 10 เท่า และต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี ซึ่งค่าเฉลี่ย PBV 5 ปีย้อนหลังอยู่ที่ 1.2 เท่า

ราคาหุ้นยัง laggard ทั้งกลุ่มพลังงานและ SET100 จึงมีโอกาสถูกทำ window dressing

 

  (0) ธ.กลางฟิลิปปินส์ขึ้นดอกเบี้ย 0.5% เป็น 4.5% เพื่อลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่สูงถึง 6.4% ใน ส.ค. 18 โดยการปรับขึ้น 0.5% ถือว่าเหนือความคาดหมายของตลาดที่คาดว่าจะขึ้นเพียง 0.25% ทำให้ปีนี้ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ขึ้นดอกเบี้ยมาแล้ว 1.5% ทำจุดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2011 ค่าเงินภูมิภาคเริ่มแข็ง ดอกเบี้ยในตลาดเงินของไทบ (BIBOR) ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนมุมมองดอกเบี้ยในประเทศผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว คาดเห็นการปรับขึ้นของ กนง. ไม่ปลายปีนี้ก็ต้นปีหน้า แบงก์ใหญ่ทั้ง KBANK (ราคาเป้าหมาย 235 บาท) และ BBL (ราคาเป้าหมาย 232 บาท) ยังน่าซื้อสะสม 

  (+) กลุ่มรับเหมา กทพ.คาดออก TOR ทางด่วนพระราม3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอก แบ่งเป็น 5 สัญญา รวมมูลค่า 3.1 หมื่นลบ. เปิดประมูลเดือนต.ค.นี้ และประกาศผล 1Q19 ส่วนทางด่วนขั้นที่ 3 ตอน N2 รวมส่วนขยายทดแทน N1 มูลค่า 2.1-2.2 หมื่นลบ. คาดเปิดประมูล 3Q19 มองบวกกับกรอบเวลาที่ชัดเจนขึ้น คาดเห็นงานประมูลทยอยออกมาตั้งแต่ 4Q18 ผู้รับเหมาที่เราชอบคือ CK (ราคาเป้าหมาย 34 บาท), STEC (ราคาเป้าหมาย 23 บาท), SEAFCO (ราคาเป้าหมาย 10.50 บาท)

  (+) VGI แนวโน้มกำไรปกติ 2Q19 (สิ้นก.ย.18) ยังสดใส เพิ่มสูง Y-Y ต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน ตามการเติบโตของทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งสื่อรถไฟฟ้า BTS รวมทั้งสื่อกลางแจ้ง ผ่าน บ.ร่วม (MACO) จากปัจจัยฤดูกาล Synergy จากกลยุทธ์ผนึก Offline/Online และกำไรรับรู้จากบริษัทที่เข้าไปลงทุน รวม Kerry TH ที่เริ่มตั้งแต่เดือนก.ย.เราคงคาดกำไรปกติทั้งปีโต 55.9% อยู่ที่ 1,278 ลบ. (แต่ EPS โต 20.5% จากการแปลง W1) ขณะที่ปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2020 (สิ้นสุด มี.ค. 2020) ที่ 8.70 บาท ราคาหุ้นมี Upside น่าสนใจขึ้น และคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการเติบโตของกำไรใน 3 ปีข้างหน้า จากการประสานและเกื้อกูลกันระหว่างธุรกิจสื่อนอกบ้าน Online และ Logistics ผ่าน Kerry TH ซึ่งเติบโตสูงตามธุรกิจ E-Commerce ขณะที่แนวโน้มกำไรโตสูงใน 2Q19 หนุนราคาหุ้น ปรับคำแนะนำขึ้นเป็นซื้อ จากเดิมถือ 

  (0) GFPT แนวโน้มกำไร 3Q18 จะฟื้นตัวดีเพราะเป็นฤดูกาลส่งออก เบื้องต้นคาดไว้ราว 350 ลบ. +65% Q-Q แต่ยัง -28.7% Y-Y เพราะปีก่อนฐานสูงทั้งราคาไก่และค่าเงินบาท แต่ราคาไก่ในประเทศล่าสุดแผ่วลงเป็น 33 บาท/กก. จากที่ทำ High ของปีนี้ในเดือน ส.ค. ที่ 37 บาท/กก. โดยราคาไก่ที่ลดลงมาจากทั้งฝนตกเยอะ และปิดเทอม แนวโน้มยังอ่อนได้อีกเพราะจะเข้าสู่ช่วงกินเจวันที่ 9-17 ต.ค. คาดกำไรสุทธิปี 2018 ลดลง 48% Y-Y และกลับมาโตอีกครั้งปี 2019 ราว 44% Y-Y คงราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 14.5 บาท แนะนำถือ

 

 

28 ก.ย.- สหรัฐฯ: อัตราเงินเฟ้อ (PCE) 2Q18

 

            - จีน: Caixin PMI ภาคการผลิต (ก.ย.)

 

29 ก.ย.- จีน: PMI ภาคการผลิต (ก.ย.)

 

1 ต.ค.- สหรัฐฯ: ISM ภาคการผลิต (ก.ย.)

 

2 ต.ค.- ออสเตรเลีย: ประชุมธนาคารกลาง ตลาดคาดคงดอกเบี้ย 1.5%

 

5 ต.ค.- สหรัฐฯ: ดุลการค้า (ส.ค.) ยอดจ้างงานนอกภาคเกษตร (ก.ย.)

 

(+) ตลาดสหรัฐปรับตัวขึ้นได้สวนทางกับตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจใน 3Q18 ที่เริ่มเห็นสัญญาณชะลอตัวลงจากผลกระทบของสงครามทางการค้า

(+) ตลาดหุ้นยุโรปยังคงสามารถปรับตัวขึ้นได้จากความคาดหวังเรื่องเงินเฟ้อ ตัวเลขการจ้างงานและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

(+) ตลาดเอเชียเช้านี้ปรับตัวขึ้น นำโดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ได้แรงหนุนจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลง

(0) ค่าเงินบาททรงตัวเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 32.42 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ย. เพิ่มขึ้น 0.55 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 72.12 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสหรัฐเปิดเผยว่าจะไม่นำน้ำมันดิบในคลังสำรองยุทธศาสตร์ออกมาใช้แม้ Supply จะตึงตัวก็ตาม

(+) ค่าการกลั่นสิงคโปร์ปรับตัวขึ้น ล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ที่ 5.62 ดอลลาร์/บาร์เรล

() ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ร่วงลง 11.70 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1187.40 ดอลลาร์/ออนซ์