- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 26 September 2018 22:02
- Hits: 1933
บล.ฟินันเซียไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Domestic and Laggard Play//Mid-Term Let Profit Run
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ยังคงแกว่งตัว Sideways พักฐานตามคาดเนื่องจากยังคงไร้ปัจจัยบวกใหม่เข้ามาหนุนหลังจากปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในช่วงกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยนักลงทุนจับตาดูการประชุม FOMC คืนวันนี้ นักลงทุนต่างชาติพลิกมาซื้อสุทธิ 990 ลบ. ขณะที่สถาบันในประเทศยังขายสุทธิหนาแน่น 1.8 พันลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : SET Index คาดว่ายังคงอยู่ในช่วงแกว่งตัว Sideways พักฐานต่อเนื่องหลังยังคงไร้ปัจจัยบวกใหม่ ขณะที่สหรัฐฯเตรียมเดินหน้าทำข้อตกลงการค้ากับเม็กซิโกโดยไม่มีแคนาดา ส่วนคืนนี้ต้องติดตามการประชุม Fed ว่าจะส่งสัญญาณดำเนินนโยบายการเงินต่อไปอย่างไรหลังค่อนข้างแน่ว่าจะขึ้นดอกเบี้ยรอบนี้ เรายังมีมุมมองเชิงบวกในระยะกลางสำหรับแนวโน้มของ SET โดยปัจจัยหนุนยังมาจากฝั่งในประเทศเป็นหลักโดยเฉพาะการเมืองที่คาดว่าจะทยอยมีพัฒนาการที่ดีขึ้น จึงยังเน้นหุ้น Domestic Play โดยเฉพาะตัวที่ยัง Laggard
กลยุทธ์ : เน้นลงทุนหุ้น Domestic โดยเฉพาะที่ยัง Laggard //ระยะกลาง-ยาวยังเน้นถือ Let Profit Run
หุ้นเด่นเดือนก.ย. : ASK, CHG, CK, CPALL, PRM
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$151ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าไต้หวัน US$122ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลเข้า US$31ล้าน ขณะที่ไหลออกจากฟิลิปปินส์ US$3ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกรอผลประชุม FOMC และทิศทางอัตราดอกเบี้ยในระยะถัดไป
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> PTTGC <<
แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 110 บาท
แนวโน้มกำไร 3Q18 ที่ชะลอจากการปิดซ่อมเป็นสิ่งที่ตลาดรับรู้หมดแล้ว คาดว่า 4Q18 จะเร่งตัวขึ้นยาวไปถึง 1Q19 จาก (1) โรงงานกลับมาผลิตได้ตามปกติ (2) GRM ฟื้นตัวรับ High Season ปลายปี (3) มาร์จิ้นสายอโรมาติกส์เพิ่มขึ้นจากการผลิตสินค้าปลายน้ำ เช่น PTA และ PET
คาดกำไรสุทธิปี 2018 +9.5% Y-Y เป็น 4.3 หมื่นลบ. และ +7% Y-Y เป็น 4.6 หมื่นลบ. ในปี 2019
ราคาหุ้นตอนนี้ยังไม่แพง PE แค่ 8.5 เท่า และปันผลสูง 5.4% โดยระยะสั้นจะได้แรงหนุนเพิ่มเติมหาก GGC สามารถแก้ไขปัญหาสินค้าคงคลังหายได้ภายใน 30 ก.ย. นี้
ประเด็นสำคัญวันนี้
(-) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงวานนี้ มาจากความกังวลของประเด็นที่ธปท.จะหารือมาตรการดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัย หลังพบว่ามีการปล่อยสินเชื่อเกินมูลค่าบ้าน และมียอดคงค้างของอาคารชุดในบางพื้นที่จำนวนมาก ผลที่ตามมา คือ ทำให้แบงก์เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น โดยเฉพาะคอนโดฯที่มีการเก็งกำไรมาก และตลาดกลาง-ล่างที่มี Rejection rate สูง ขณะที่อุปทานคงค้างที่มีมาก ส่วนใหญ่เป็นราคาต่ำกว่า 3 ลบ. และอยู่ในพ.ท.ที่ไม่มีอุปสงค์มากพอ เช่น แนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง เราคาดว่าหุ้นอสังหาที่เน้นระดับกลาง-บน และเน้นตลาดแนวราบซึ่งเป็น Real Demand และมีการเก็งกำไรไม่มาก อย่าง LH, QH, SC, SPALI จะถูกกระทบน้อยกว่าผู้เล่นตลาดล่างอย่าง PSH, LPN
(0) ADVANC แนวโน้มกำไรปกติ 3Q18 ของ ADVANC คาดว่ายัง +1.9% Q-Q และ +8.4% Y-Y อยู่ที่ 8,052 ลบ. ปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากการควบคุมต้นทุนที่ดีและการควบรวม CSL ขณะที่การได้คลื่น 1800 MHz อีก 5 MHz ทำให้หมดห่วงเรื่องคลื่นในมือทั้งในแง่ปริมาณและคุณภาพที่แข่งขันได้อย่างแข็งแกร่ง ส่วนภาวะอุตสาหกรรมถือว่าเอื้อต่อการทำกำไรมากขึ้นจากการแย่ง Market Share ที่ผ่อนคลายลงบ้าง เราปรับประมาณการกำไรปกติลงเล็กน้อยสะท้อนต้นทุนคลี่นใหม่ แต่คาดว่ายังเติบโตในระดับที่ดี +8.2% Y-Y เป็น 3.2 หมื่นลบ. ในปี 2018 และ +5.8% Y-Y เป็น 3.4 หมื่นลบ. ในปี 2019 เราปรับใช้ราคาเหมาะสมปี 2019 ที่ 235 บาท และยังคงคำแนะนำซื้อลงทุน
(+) CPALL ถึงเวลาเปลี่ยน Theme Stamp Promotion งวดครึ่งหลัง (วันนี้ – 15 ธ.ค.) เป็นตัวการ์ตูน Line Friends แล้ว พร้อมกับเปลี่ยนของพรีเมี่ยมลายน่ารักเพื่อดึงดูดลูกค้ามากขึ้น เชื่อว่าจะได้รับผลตอบรับที่ดีในช่วง 4Q18 ที่เป็น High Season ของธุรกิจพอดี กอปรกับจะเข้าสู่ช่วงเทศกาลกินเจ ซึ่งหลายปีที่ผ่านมาอาหารเจในร้าน 7-11 ค่อนข้างประสบความสำเร็จ เราคาดกำไรจะกลับมาฟื้นตัวได้ดีและทำจุดสูงสุดของปีใน 4Q18 แม้กำไร 2Q18-3Q18 อาจไม่สดใสนัก ทำให้กำไรทั้งปี 2018 อาจโตได้เพียง 2.7% Y-Y แต่คาดจะกลับมาโตดีในปี 2019 ราว 14.6% Y-Y คงราคาเป้าหมายที่ 82 บาท แนะนำซื้อลงทุน
(+) HMPRO แนวโน้มกำไร 3Q18 น่าจะยังโตได้เล็กน้อย Q-Q เพราะมีการจัดงาน Hmpro Fair ลดผลกระทบของฤดูกาล และคาดยังโตดี Y-Y แม้ SSSG อาจแผ่วลงมาอยู่ที่ +2% Y-Y จาก +3.1% Y-Y ใน 2Q18 เพราะฝนตกเยอะ และไม่มีการเปิดสาขาใหม่ แต่เชื่อว่าจะได้รับการชดเชยด้วยอัตรากำไรขั้นต้นที่ยังปรับขึ้น และคาดกำไรจะเติบโตได้มากขึ้นใน 4Q18 จากกำลังซื้อที่ฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป แผนเปิดสาขาใหม่ 4 แห่งในรูปแบบ HMPRO S และปัจจัยหนุนจากช่วง High Season รวมถึงน่าจะได้เห็นสัดส่วนสินค้า House Brand ขยับขึ้นเข้าใกล้เป้าหมายที่ระดับ 20% จาก 19.5% ณ สิ้น 2Q18 แต่จากฝนที่ตกเยอะ อาจทำให้แนวโน้มกำไร 2H18 โตไม่มากเท่าที่คาด เราจึงปรับลดกำไรสุทธิปี 2018 ลงเล็กน้อย 3% เป็นการเติบโต 16.6% Y-Y จากเดิมคาดโต 20% และคาดจะโตต่อเนื่องราว 14.4% Y-Y ในปี 2019 ทั้งนี้เราปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2019 เท่ากับ 17 บาท และปรับคำแนะนำขึ้นเป็นซื้อ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
26 ก.ย.- สหรัฐฯ: ประชุม FOMC ตลาดคาดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 2.25%
27 ก.ย.- สหรัฐ: ดุลการค้า (ส.ค.), 2Q18 GDP ครั้งสุดท้าย, อัตราเงินเฟ้อ (PCE) 2Q18
28 ก.ย.- จีน: Caixin PMI ภาคการผลิต (ก.ย.)
(-) ตลาดดาวโจนส์ปรับตัวลง หลังปธ.ทรัมป์กล่าวโจมตีประเทศต่างๆในที่ประชุม UN รวมไปถึงความกังวลเรื่องขึ้นดอกเบี้ยของ FED ในวันพุธนี้
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปรับขึ้น โดยได้แรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบ Brent ทำจุดสูงสุดในรอบ 4 ปี
(0) ตลาดเอเชียเช้านี้ปรับตัวผสมผสาน แม้ทางการจีนจะออกมายืนยันว่าพร้อมที่จะเจรจา แต่สหรัฐจะต้องแสดงท่าทีที่จริงใจมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีข่าวว่าทางการฟิลิปปินส์พร้อมจะทำทุกวิถีทางเพื่อชะลอการอ่อนค่าลงของค่าเงินและการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ
(+) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอีกเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 32.41 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ย. เพิ่มขึ้น 0.20 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 72.28 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสหรัฐยังคงกดดันชาติพันธมิตรให้หยุดซื้อน้ำมันจากอิหร่าน
(-) ค่าการกลั่นสิงคโปร์ปรับตัวลง ล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ที่ 5.71 ดอลลาร์/บาร์เรล
() ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 0.70 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1205.10 ดอลลาร์/ออนซ์
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com
FB : FINNANSIA SYRUS SECURITIES LINE : @fnsyrus
OO14294