คาดดัชนีแกว่งในกรอบ โดยมีปัจจัยลบต่างประเทศ (จีนยกเลิกเจรกาการค้ากับสหรัฐฯ) คละกับปัจจัยบวกในประเทศ (การประมูลแหล่งก๊าซ หนุนหุ้นใหญ่อย่าง PTT และ PTTEP) ซึ่งเราเริ่มเห็นการผลักงานและนโยบายภาครัฐออกก่อนเลือกตั้งแนะเลือกหุ้นที่ได้อานิสงค์ (ดู Tactical Strategy 24 ก.ย.) 

          Recap  การประเมินผลกระทบจาก trade tension (จากรายงาน Tactical Strategy 17 ก.ย.): "กรณีที่ จีน และ สหรัฐ ตอบโต้กัน  ด้วยการใช้ tariff 100% และ 25% บนสินค้านำเข้าทุกรายการ ระหว่าง จีน-สหรัฐฯ (เกือบจะเป็นการ คว่ำบาตร) คาดว่าจะส่งผลต่อ GDP จีน ราว -1.4 pp และกระทบเศรษฐกิจสหรัฐราว -0.5 pp. ส่วนเศรษฐกิจโลกจะกระทบ -0.49 pp. ดังนั้นเราไม่คาดว่าผลกระทบจากกรณีสุดโต่งจากการตอบโต้ทางการค้าจะส่งผลกระทบจนถึงขั้นเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ขั้นวิกฤตการณ์"   

          MS  ออกรายงานยกเลิกมุมมอง Bear ในตลาด EM แนะให้ปิดสถานะชอร์ต และมองว่าประเด็นลบจากความตึงเครียดทางการค้าได้สะท้อนในราคา (priced-in) ไปแล้ว 

          ระยะสัปดาห์ ยังคงแนะนำ ทยอยๆ รับหุ้นไปตลอดเดือน ก.ย.-ต้น ต.ค.นี้ เหมือนเดิม โดยปัจจัยหนุนหุ้นไทยช่วงปลายเดือนนี้ คาดมีโอกาสเกิด Window dressing ส่วนปัจจัยต่างประเทศ เรามองว่าจะมีผลต่อหุ้นไทยจำกัด 

 

          (+) เปิดตัวพรรคพลังประชารัฐในการประชุมใหญ่วันที่ 29 กันยายนนี้            

          (+) ตลาดคงมุมมองต่อการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเฟด 26 ก.ย. อีก 0.25% เป็น 2.25% (lower bound 2- upper bound 2.25%) และเดือน ธค.อีก 0.25% เป็น 2.5% ส่วนปี 2019 มีโอกาสขึ้นดอกเบี้ย อีกแค่ 2 ครั้ง ช่วง มี.ค. และ ก.ย. 19 โดยดอกเบี้ยเฟดปี 2019 จะหยุดอยู่ที่ 3.5% ต่ำกว่าค่า Median ที่เคยคาดการณ์กันที่ 3.75% (ขึ้น 3 ครั้ง ในปี 2019)

 

          PTTEP-PTT 1) วันนี้ยื่นประมูลแหล่งบงกชและแหล่งเอราวัณ ตอนนี้ให้รอดูว่า PTTEP จะเจรจากับ Chevron ได้หรือไม่ ถ้าได้จะเป็นบวกกว่าเดิม เพราะคู่แข่งจะหายไปหนึ่งราย หากเจรจาไม่ได้ก็เป็นกลาง 2) ราคาน้ำมันดิบ brent ปรับตัวขึ้นเรื่อยๆทะลุ $80 แล้ว

 

          ยอดขายธุรกิจ MPC กลับมาฟื้นตัวได้ดีในเดือน ส.ค. ซึ่งกลับมาสู่ระดับปกติก่อนที่จะปรับตัวลดลงตามประเด็น Magic Skin โดยรวมเราประเมินยอดขาย MPC m 580 ล้านบาทใน 3Q18 เพิ่มขึ้น 37% YoY และ 15% QoQ แต่อย่างไรก็ตามธุรกิจทีวีดิจิตอลยังเป็นปัจจัยกดดัน โดยเรามีการปรับประมาณการรายได้ดิจิตอลทีวีไปในระดับที่เลวร้ายที่สุดที่ 1.1 พันล้านบาท (มีสัญญาระยะยาวรองรับหมดแล้ว) เราปรับกำไรลง 41% แม้เราจะปรับกำไรลงสู่ระดับที่เลวร้ายที่สุด เรามองว่ากำไรของ RS ยังคงเติบโตได้ 59% YoY และโมเมนตัมของกำไรจะฟื้นตัวแรงใน 2H18 เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ

 

          UNICA มองว่าผลผลิตน้ำตาลของบราซิลจะลดลงในงวด 2018/19 จากการเปลี่ยนไปผลิตเอทานอลมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามผลกระทบดังกล่าวจะถูกหักกลบโดยผลผลิตของอินเดียที่คาดจะทำสถิติสูงสุดใน 2018/19 รวมถึงมาตรการหนุนการส่งออกจากทางการของอินเดีย เรามองว่าราคาน้ำตาลในตลาดโลกที่ฟื้นตัวมาราว 10% จากจุดต่ำสุดเป็นแค่การฟื้นตัวในระยะสั้น เรายังคงคำแนะนำ ถือ ทั้ง KSL และ BRR

 

Quick take 

          เราเข้าเยี่ยมชมคอนโด BEATNIQ ซึ่งมีมูลค่า 4 พันล้านบาท ขณะนี้ได้ถูกจองไปแล้ว 42%โครงการจะเริ่มโอนในเดือนก.ย. เราคาดว่ายอดจองซื้อในไตรมาส 3/61 จะเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ จากการเปิดตัว 10 โครงการมูลค่ารวมอยู่ที่ 10 พันล้านบาท เราคาดว่ายอดจองซื้อที่แข็งแกร่งใน 3/61 ช่วยลดผลกระทบของการชะลอตัวระยะสั้นของกำไรใน 3Q18 เนื่องจากกำหนดการการโอนโครงการแนวราบจะเกิดขึ้นใน 4Q18  ประกอบกับ backlog ของ BEATNIQ จะหนุนให้กำไรใน 4Q18 เป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ด้วยราคาเป้าหมายที่  4.70 บาท ณ สิ้นปี 2561

 

          นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทย 89 ล้านเหรียญสหรัฐฯในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งกลับจากยอดขายสุทธิ 89 ล้านเหรียญสหรัฐในสัปดาห์ก่อนหน้า สำหรับกระแสเงินลงทุนในภูมิภาค 5 ประเทศที่เราดู พบว่ากระแสเงินจากต่างชาติรวมเป็นยอดซื้อสุทธิ 2,377 ล้านเหรียญ ซึ่งแรงซื้อเร่งตัวขึ้นจากยอดซื้อสุทธิ 40 ล้านเหรียญในสัปดาห์ก่อนหน้า สำหรับตลาดหุ้นไทย ดัชนี Volume Flow ส่งสัญญาณถึงแรงซื้อในทุกกลุ่มภายใต้การวิเคราะห์ของเรา โดยกลุ่มอสังหาฯมีแรงซื้อเข้ามาอย่างแข็งแกร่งในสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามดัชนี Volume Flow ของกลุ่มธนาคารยังคงอยู่ในระดับ Overbought

 

          (*) PTTEP กระทรวงพลังงาน เตรียมตัวพร้อมเปิดรับให้ผู้ที่ผ่านคุณสมบัติเข้ายื่นประมูลเพื่อเป็นผู้พัฒนาและผลิตปิโตรเลียมแหล่งบงกชและแหล่งเอราวัณในวันนี้ ขณะที่มีกลุ่มผู้สนับสนุนและกลุ่มที่คัดค้านต่างเดินสายยื่นหนังสือต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแสดงออกความคิดเห็นที่แตกต่างกัน (ที่มา ASPEN) 

          (+) SGP GULF PTT  เมื่อ 14 ก.ย.ที่ผ่านมา ปิดการยื่นเอกสาร แสดงความสนใจ (REOI) ที่จะเป็นผู้จัดหา LNG ในปริมาณ 1.5 ล้านตัน/ปีให้กับกฟผ. ปรากฎว่ามีผู้ให้ความสนใจยื่นแสดงความสนใจทั้งสิ้น 43 รายจากทั้งในและต่างประเทศ และคาดว่าจะรู้ผลผู้ที่ผ่านคุณสมบัติในช่วงเดือน ต.ค.61 หลังจากนั้นจะเริ่มขั้นตอนการประกวดราคาและยื่นเอกสารประกวดราคา ซึ่งคาดว่าจะรู้ผลผู้ชนะประมูล และลงนามสัญญาจัดหา LNG ได้ในช่วงต้นปี 62 เพื่อนำเข้ามาใช้ในโรงไฟฟ้าของกฟผ.ช่วงปลายปี 62 (ที่มา ASPEN)