- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 18 September 2014 17:59
- Hits: 2252
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“เน้นซื้อค่าบวก...หลุด 1560 ลดพอร์ตอีกรอบ”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
สรุปปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ตลาดรีบาวด์ (ปิด +5.23 จุดที่ 1570.64) ด้วยแรงซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ (Net Buy 2.3พันล้านบาท) ขณะที่นักลงทุนสถาบันในประเทศ Wait & See และพอร์ตบล. & รายย่อยขายสุทธิ ซึ่งการซื้อสุทธิต่อในมูลค่าที่สูงขึ้นของต่างชาติช่วยหนุนSentiment การลงทุนในตลาดหุ้นไทย นอกจากนั้นการที่เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณเรื่องดอกเบี้ยสหรัฐเพิ่มเติม ลด QE อีก 1 หมื่นเป็น 1.5 หมื่นล้านUS$ตามคาด และมีการปรับลดคาดการณ์ GDP Growth สหรัฐในปี 57-58 ลง ทำให้ความวิตกกังวลเรื่องเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วผ่อนคลายลงก็เป็นปัจจัยบวกต่อตลาดด้วย สำหรับการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายของกนง.ก็เป็นไปตามคาดและมีน้ำหนัก Neutral ต่อตลาด
อย่างไรก็ตาม ได้มีการคาดการณ์ผลประชุมเฟดและตลาดตอบรับในทางบวกไปพอสมควรแล้วเมื่อวานนี้ ดังนั้นในวันนี้ก็ยังต้องระมัดระวังการแกว่ง โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ซึ่งมีโอกาสที่จะเกิดผลขาดทุนในสต็อกช่วง 3Q57 หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบลดลงมาอย่างต่อเนื่อง (Brent ร่วงลงมาแล้ว12%QTD) ในเชิงกลยุทธ์ เราปรับลดมุมมองทางบวกต่อกลุ่มดังกล่าวลง และให้น้ำหนักการลงทุนไปในกลุ่มที่อิงกับการบริโภคภายในประเทศ, ท่องเที่ยว& โรงแรม, อิเลคทรอนิกส์ & อาหารส่งออก ซึ่งคาดว่าผลประกอบการจะเริ่มฟื้นตัวได้ตั้งแต่ 3Q57 และเห็นการเติบโตที่ชัดเจนมากขึ้นใน 4Q57 และปี 58หลักทรัพย์พื้นฐานแนะนำในวันนี้เป็น GFPT
กลยุทธ์ทางเทคนิค : ซื้อใหม่เน้นซื้อตามค่าบวก ค่าลบควรชะลอการเก็งกำไร/ลดพอร์ตตามในกรณีที่มีเงินสดเหลืออยู่น้อย เพราะดัชนีมีโอกาสอ่อนไปยัง 1550+/-, 1520 จุดหรือต่ำกว่า ส่วนการปรับขึ้นต่อมีแนวต้านระยะสั้น 1575-1585 จุด สำหรับหุ้นที่คาดว่าราคามีโอกาสทำ New High เมื่อพิจารณาจากสัญญาณทางเทคนิค คือ GLOW, TWZ, TWP, OFM, CPF, LOXLEY,BTS, SCC, DEMCO, RS (สีน้ำเงิน คือ หุ้นที่เข้ามาใหม่ใน List) ส่วนหุ้นที่แนะนำและปรับขึ้นมาอยู่ในพื้นที่น่าหาจังหวะ Take Profit (สำหรับการลงทุนรอบสั้น) คือ IRCP
Fundamental Pick
GFPT แนะนำซื้อราคาปิด 19.70 บาท เป้าหมาย 23 บาท
* เราคาดว่าปริมาณไก่ส่งออก 3Q57 เติบโต 7-10%QoQ เนื่องจากอุปสงค์แข็งแกร่งมากทั้งในยุโรปและญี่ปุ่น ส่วนราคาขายเฉลี่ยทรงตัว QoQ ธุรกิจอาหารสัตว์บกเติบโตได้ดี ส่วนอาหารสัตว์น้ำทรงตัว ประเมินอัตรากำไรขั้นต้นใน 3Q57 จะขยับขึ้นเป็น 15.5% จาก 14.6% ใน 2Q57เพราะใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น และราคา By Product ในประเทศสูงขึ้น ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบยังไม่กดดันมาก ส่วนแบ่งกำไรจาก MCKEY และ GFN มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อใน 3Q57 เมื่อเทียบQoQ แนวโน้มปี 58 แข็งแกร่งต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของปริมาณขายและอัตรากำไรขั้นต้น เนื่องจากราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์อยู่ในช่วงที่ผันผวนน้อยและไม่สูงมาก
* แนะนำซื้อ GFPT และให้เป็นหนึ่งในหุ้น Top Pick ในกลุ่มธุรกิจเกษตร ราคาพื้นฐานเป็น 23บาท โดยอิงกับ P/E ปี 58 ที่ 13.5 เท่า ทั้งนี้เราประมาณการว่ากำไรสุทธิปี 57-58 ของ GFPT จะเติบโตแข็งแกร่ง 28% และ 11% ตามลำดับ โดยเป็นผลจากปริมาณส่งออกไก่แปรรูปและไก่สดแช่แข็งที่เพิ่มขึ้น ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมสูงขึ้น รวมทั้งมาร์จิ้นของอาหารสัตว์อยู่ในเกณฑ์ดี
ปัจจัยต่างประเทศและโภคภัณฑ์
• เฟด : ไม่ได้ส่งสัญญาณเรื่องทิศทางดอกเบี้ยเพิ่ม ซึ่งเป็นไปตามที่เราคาดไว้ โดยคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ 0-0.25% และลด QE ลงอีก 1 หมื่นเป็น 1.5 หมื่นล้านUS$ตามคาด
* คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลงมติในการประชุมวานนี้ด้วยคะแนนเสียง 8-2 เห็นพ้องให้คงอัตราดอกเบี้ย 0-0.25% ต่ออีกระยะหนึ่ง และเน้นย้ำว่าเฟดยังคงกังวลเกี่ยวกับภาวะกำลังการผลิตส่วนเกินในตลาดแรงงาน ซึ่งไม่เปลี่ยนจากถ้อยแถลงในการประชุมครั้งก่อนหน้า
* เฟดมีมติให้ปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐและหลักทรัพย์ที่ได้รับการค้ำประกันจากสัญญาจำนอง (MBS) ตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) โดยปรับลดลง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน จากวงเงินเดิม 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดประเมินไว้อีกเช่นกัน คาดว่าเฟดจะยุติโครงการQE ในการประชุมเดือนต.ค.นี้
* เฟดแถลงว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในช่วง 0-0.25% ต่อไปเป็นเวลานานระยะหนึ่งหลังจากมาตรการซื้อพันธบัตรสิ้นสุดลง อัตราเงินเฟ้อยังคงปรับตัวต่ำกว่าเป้าหมายที่เฟดกำหนดไว้ ขณะที่การคาดการณ์ภาวะเงินเฟ้อยังคงมีเสถียรภาพ การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในระดับปานกลาง โดยปรับลดคาดการณ์ GDP Growth ปีนี้เล็กน้อยเป็น 2.0-2.2% จาก2.1-2.3% ที่ได้คาดการณ์ไว้เมื่อมิ.ย.57 ส่วนปี 58 ประมาณการว่าเศรษฐกิจจะเติบโต 2.6-3.0%ลดลงจากเดิมที่ 3.0-3.2% และในปี 59 คาดว่าจะเติบโต 2.6-2.9% จากเดิม 2.5-3.0%
• สหรัฐ : อัตราเงินเฟ้อไม่กดดัน โดยอัตราเงินเฟ้อส.ค.ลดลงเทียบ MoM
* ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนส.ค. ปรับตัวลดลง 0.2% เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 1 ปีครึ่ง เนื่องจากราคาพลังงานลดลง ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานที่มีความผันผวนทรงตัวในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนต.ค.53 ที่ดัชนี CPI พื้นฐานไม่ปรับเพิ่มขึ้นดัชนีราคาผู้บริโภคส.ค.ที่ออกมาสะท้อนว่าอัตราเงินเฟ้อยังไม่กดดัน และธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ไม่จำเป็นต้องเร่งปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย
+ สหรัฐ : ความเชื่อมั่นผู้ก่อสร้างบ้านเดือนก.ย.ปรับขึ้น
* สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐ เปิดเผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านสหรัฐปรับตัวขึ้นแตะ 59 ในเดือนก.ย. จาก 55 ในเดือนส.ค. โดยดัชนีระดับที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากลุ่มผู้สร้างบ้านที่มีมุมมองเชิงบวกต่อตลาด มีจำนวนมากกว่าผู้ที่มีมุมมองในเชิงลบ
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ : ปรับขึ้นต่อ รับข่าวเฟดยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยเร็ว
* ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งล่าสุด และลด QE ตามคาด ปิดตลาดดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 17,156.85 จุด เพิ่มขึ้น 24.88 จุด หรือ +0.15% ดัชนี NASDAQปิดที่ 4,562.19 จุด เพิ่มขึ้น 9.43 จุด หรือ +0.21% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,001.57 จุด เพิ่มขึ้น2.59 จุด หรือ +0.13%
- สัญญาน้ำมันดิบ : อ่อนตัวลงเล็กน้อย
* สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 46 เซนต์ ปิดที่ 94.42 ดอลลาร์/บาร์เรลส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 8 เซนต์ ปิดที่98.97 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงหลังจาก EIA เปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 12 ก.ย.57 พุ่งขึ้นถึง 3.7 ล้านบาร์เรล แตะที่ 362.3ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะร่วงลง 1.2 ล้านบาร์เรล
• สัญญาทองคำ COMEX : ยังซบเซา
* สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 80 เซนต์หรือ 0.1% ปิดที่ 1,235.90 ดอลลาร์/ออนซ์ ปัจจัยจับตา คือ การเมืองระหว่างประเทศ โดยสกอตแลนด์จะมีการลงประชามติเพื่อแยกตัวเป็นเอกราชในวันที่ 18 ก.ย.นี้
ปัจจัยในประเทศ
• กนง.คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.00% ตามคาด...แนะนำเลือกซื้อหุ้นในกลุ่มที่พักอาศัยและอุปโภค & บริโภค หุ้นเด่น AP, PS, QH,SPALI, CPALL, CENTEL, MINT
* คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 17 ก.ย.57 มีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.00% ตามตลาดคาดการณ์ ทั้งนี้อัตราดอกเบี้ยระดับปัจจุบันยังหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจและไม่ก่อ ให้เกิดความเสี่ยงด้านเสถียรภาพทางการเงิน
* ธปท.ยังยืนยันว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวในลักษณะ V-Shape โดยมีสัญญาณการฟื้นตัวตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2/57 ที่ผ่านมา และสัปดาห์หน้าธปท.จะนำปัจจัยทั้งหมดมาพิจารณาทบทวนคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจในปี 57-58 อีกครั้ง รวมถึงการขยายตัวของภาคการส่งออกปีนี้ด้วย
* ดอกเบี้ยต่ำหนุน Domestic Demand ส่วนธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์จะฟื้นตัวช้ากว่า เพราะยังอยู่ในภาวะอุปทานสูงทำให้ราคารถยนต์มือสองต่ำลง และสถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อจะต้องตั้งสำรองค่าเผื่อฯการด้อยค่าอยู่ในระดับสูงช่วง 2H57 แต่ถือว่าธุรกิจได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว เราชอบกลุ่มที่พักอาศัย & อุปโภคบริโภค เนื่องจากเป็นความต้องการขั้นพื้นฐานในปัจจับ 4และคาดว่าธุรกิจจะเติบโตได้ในอัตราที่สูงขึ้นในปี 58 โดยหุ้นเด่นในกลุ่มที่พักอาศัยเป็น AP, PS,QH, SPALI ส่วนหุ้นเด่นในกลุ่มอุปโภค & บริโภคเป็น CPALL, CENTEL, MINT
- กลุ่มพลังงาน & ปิโตรเคมี : ผลขาดทุนจากสต็อกกดดันผลประกอบการ 3Q57 … ระยะสั้นปรับลดมุมมองทางบวกลง
* ราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลงมาอย่างต่อเนื่อง หลังจากขึ้นไปสูงสุดของรอบนี้ในกลางเดือนมิ.ย.57 ที่ 115 US$/bbl ล่าสุด Brent อยู่ที่ 98-99 US$/bbl หรืออ่อนตัวลงมาแล้ว 14% และลดลง12%QTD
* ความเห็น DBS Retail Research : เป็นลบต่อกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลงอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาส 3 นี้จะทำให้กลุ่มพลังงานอาจจะมีผลขาดทุนจากสต็อกของโรงกลั่น และกดดันให้กำไรสุทธิ 3Q57 ออกมาอ่อนแอลงเมื่อเทียบ QoQส่วนกลุ่มปิโตรเคมี เราเห็นการอ่อนลงของ Spread ในหลายผลิตภัณฑ์ ซึ่งเกิดจากราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลง การเพิ่มขึ้นของอุปทานในขณะที่อุปสงค์เติบโตไม่แข็งแกร่งมากนักนอกจากนั้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมียังมีความไม่แน่นอนเรื่องผลกระทบจากการปฎิรูปโครงสร้างพลังงาน
* SCC…เล่นรอบและมีหุ้นอยู่แล้ว-หาจังหวะ Take Profit ไปก่อน, ลงทุนยาว-ซื้ออ่อนตัวสำหรับ SCC ถึงแม้ว่าจะมีสัดส่วนของรายได้และกำไรจากธุรกิจวัสดุก่อสร้าง แต่คาดว่ายอดขายปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างจะยังซบเซาในช่วง 2H57 เพราะโครงการลงทุนต่างๆ ยังเดินหน้าไม่เต็มที่ (เป็นช่วงรอจัดตั้งรัฐบาลและรอดูนโยบายของรัฐบาลใหม่) ส่วนธุรกิจปิโตรเคมีน่าจะอ่อนลงจากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นไปตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ ในระยะสั้นเราจึงลดปรับมุมมองทางบวกกับหุ้น SCC ลง (การเล่นรอบ – หาจังหวะขายทำกำไร เมื่อราคาปรับขึ้น ซึ่งคาดการณ์ว่านักลงทุนต่างชาติบางกลุ่มเข้ามาเพิ่มพอร์ต SCC หลังหลุดรอบไปในช่วง 2สัปดาห์ที่ผ่านมา) ส่วนการซื้อเพื่อลงทุนระยะยาว (6-12 เดือน) แนะนำเข้ารับจังหวะราคาหุ้นอ่อนตัว
• ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมส.ค.57อ่อนลง...แต่ไม่น่ากังวลมาก คาดหลังมีรัฐบาลใหม่แล้ว จะช่วยให้ภาคอุตสาหกรรมกระเตื้องขึ้น
* อุตสาหกรรมแห่งประเทศ (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนส.ค.57 อยู่ที่ระดับ 88.7 ปรับตัวลดลงจากระดับ 89.7 ในเดือนก.ค.57 ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงครั้งแรกในรอบ 4 เดือน สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ102.4 ปรับตัวลดลงจาก 103.1 ในเดือนก.ค.
* ปัจจัยที่ผู้ประกอบการกังวล คือ การชะลอตัวของการบริโภคภายในประเทศโดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าคงทนประเภทรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องปรับอากาศ เครื่องรับโทรทัศน์ เครื่องจักรกลการเกษตร เป็นต้น, การเกิดน้ำท่วมหลายพื้นที่
* ความเห็น DBS Retail Research : แม้ว่าจะเป็นข่าวลบ แต่ก็ยังไม่น่าวิตกกังวลมากนักเนื่องจากดัชนีอ่อนตัวลงไม่มาก ขณะเดียวกันยังมีความหวังว่าหลังมีรัฐบาลใหม่ในเดือนก.ย.แล้ว ภาครัฐจะเร่งเบิกจ่ายงบประมาณตามนโยบายมากขึ้น รวมทั้งมีความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายรัฐในช่วง 1 ปีข้างหน้าเพิ่มขึ้น ทำให้การลงทุนจะเริ่มเดินหน้าต่อไปอย่างเป็นรูปธรรมดีขึ้น
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]