กลยุทธ์ : ในอาทิตย์นี้ประเด็นที่ต้องติดตามคือ 1. ผลของการตั้งกำแพงภาษีของสหรัฐต่อจีน2 แสนล้านดอลลาร์และจีนตั้งสหรัฐ 6 หมื่นล้านจะเป็นผลบังคับหลังวันที่ 24 ก.ย. นี้ 2. การประชุม FOMC ที่คาดว่าทาง FED จะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% และ 3. ทิศทางราคาน้ำมัน หลังการประชุมของกลุ่ม OPEC ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยทางกลุ่มกำลังศึกษาที่จะเพิ่มกำลังการผลิตอีก 5 แสนบารเรล์/วัน ตามคำเรียกร้องของสหรัฐที่ไม่ต้องการให้ราคาน้ำมันขึ้นไปมากกว่านี้ ส่วนปัจจัยภายในยังคงเป็นตัวเลขเศรษฐกิจรายเดือนและการทำปิดงบ โดยรวมๆสถานการณ์ในอาทิตย์นี้คาดยังไม่มีอะไรใหม่ๆ ที่เข้ามากระทบตลาด แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยอาทิตย์นี้ คาดยังไปต่อได้ แต่จะแรงหรือไม่ ยังต้องติดตาม ราคาน้ำมันและแรงซื้อต่างชาติโดยในปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ดูเหมือนปริมาณการซื้อขายเริ่มแผ่วตัวลง ขณะที่หุ้นใหญ่เริ่มพักตัว ในอาทิตย์นี้หากมีแรงซื้อหุ้นใหญ่กลับคืนมา มีแนวโน้มดัชนี SET จะขึ้นไปที่กรอบ1770-1780 จุด แต่หากไม่มี คาดดัชนีอาจย่อตัวลงมาเล่นในกรอบ 1740-1730 จุดได้ จนกว่าจะถึงการประกาศงบ Q3/18 ของหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ส่วนหุ้นใหญ่ในกลุ่มพลังงาน น่าจะยังซึมๆ หลังราคาน้ำมันยังไม่สามารถดีดตัวขึ้นเหนือ 80 ดอลลาร์ต่อบารเรล์ ส่วนธนาคารพาณิชย์คาดการเล่นน่าจะอยู่ในช่วงงบออก วันนี้มองแนวโนมตลาดน่าจะยังได้รับแรงหนุนจากการปิดของดัชนีตลาดโจนส์และการเปิดของดัชนีในภูมิภาค แต่การเคลื่อนไหว คาดจะยังแกว่งในกรอบแคบต่อไป เพราะยังขาดกลุ่มอุตสาหกรรมที่เป็นตัวนำ วันนี้มองแนวต้านที่ 1762-1766 จุดและแนวรับที่ 1748-1745 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร BANPU BDMS CPF TRUE

 

  BEAUTY CENTEL CPALL TISCO BANPU TRUE GPSC : เราแนะนำ ซื้อเก็งกำไร หุ้นใน SET50 ที่ราคาหุ้นปรับตัวแย่กว่าตลาดในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา (underperform) ที่ตลาด (SET) ปรับตัวขึ้น +5.8% จากระดับ 1595 จุดมาปิดที่ 1756 จุด เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดีมีโอกาสที่จะถูกทำราคาปิดประจำงวด (window dressing)โดยหุ้นดังกล่าวประกอบไปด้วย BEAUTY (ราคาหุ้นปรับลดลง 30.6% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา) และมี upside 3.4% จากราคาเป้าหมายของเราที่ 12.20 บาท, CENTEL (-12.6%) และมี upside 25.7% จากราคาเป้าหมายของเราที่ 52.50 บาท, CPALL (-10.7%) และมี upside 15% จากราคาเป้าหมายของเราที่ 80.00 บาท, TISCO (-6.0%)และมี upside 11.9% จากราคาเป้าหมายของ Bloomberg consensus ที่ 94.00 บาท,BANPU (-5.8%) และมี upside 35% จากราคาเป้าหมายของเราที่ 26.50 บาท, TRUE (-4.0%) และมี upside 21% จากราคาเป้าหมายของเราที่ 7.35 บาทและ GPSC (-3.7%)และมี upside 35% จากราคาเป้าหมายของเราที่ 92.50 บาท

 

  26 ก.ย. : สหรัฐประกาศตัวเลข New Home Sales MoM เดือนส.ค. จากเดือนก่อนหน้าที่627,000 ยูนิต;

  26 ก.ย. : การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) โดยตลาดคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 2.00% เป็น 2.25%

  27 ก.ย. : จีนประกาศตัวเลข Industrial Profit YoY เดือนส.ค. จากเดือนก่อนหน้าที่ 16.2%

  27 ก.ย. : สหรัฐประกาศตัวเลข GDP Annualized QoQ ไตรมาส 2/61 จากไตรมาสก่อนหน้าที่4.2%

  27 ก.ย. : สหรัฐประกาศตัวเลข Personal Consumption ไตรมาส 2/61 จากไตรมาสก่อนหน้าที่3.8%

  27 ก.ย. : สหรัฐประกาศตัวเลข Durable Goods Orders เดือนส.ค. จากเดือนก่อนหน้าที่ -1.7%

  27 ก.ย. : สหรัฐประกาศตัวเลข Pending Home Sales MoM เดือนส.ค. จากเดือนก่อนหน้าที่ -0.7%

 

  STEC : Company Note คำแนะนำ: ขาย ราคาเป้าหมาย 21.20 บาท

 

  กลยุทธ์ : SET Index ยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านของกรอบแนวโน้มขาขึ้นที่ 1790-1800 จุด โดยมีแนวรับที่ 1740 จุดเป็นจังหวะในการเข้าซื้อหุ้น และมีแนวรับสำคัญของการปรับฐานที่1730 จุด ถ้าหลุดจะเป็นสัญญาณขายทางเทคนิค

  P.C.S. Machine Group Holding (PCSGH TB;THB 7.60) – ซื้อ

  Thonburi Healthcare Group (THG TB; THB32.00) – ซื้อ