- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 24 September 2018 17:13
- Hits: 1384
บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้
เน้นหุ้น Laggard // หุ้นหลักที่ขึ้นมาเด่นทยอยขายทำกำไร
Smart Pick
เก็งกำไร PTT
ราคาปิด 53.75 บาท
ราคาเหมาะสม 59.50 บาท
เรามองว่าหุ้นกลุ่มพลังงานจะช่วยหนุนตลาด หลังการประชุมระหว่าง OPEC และ Non-OPEC ส่งสัญญาณยังไม่เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน แม้ว่า Supply น้ำมันในตลาดโลกจะตึงตัวหลังสหรัฐฯคว่ำบาตรอิหร่าน
มีปัจจัยบวกรออยู่ในสัปดาห์นี้ คาดประกาศเงินปันผล 1H61 หุ้นละ 0.90 บาท คิดเป็น Yield +1.7%
สะสม CK
ราคาปิด 27.75 บาท
ราคาเหมาะสม 29.50 บาท
หุ้นกลุ่ม CK มี Sentiment บวก หลังศาลปกครองสูงสุดยืนคำพิพากษาตามศาลปกครองกลางให้กทพ.ชำระเงินให้กับ NECL บริษัทย่อยของ BEM จำนวน 1.8 พันล้านบาท
BEM มีสัดส่วน NAV สูงสุดใน 3 บริษัทลูกที่ CK ถือหุ้นอยู่ อิงราคาปิดวานนี้คิดเป็นมูลค่าต่อหุ้น CK ราว 25.20 บาท ดังนั้น คาดว่าหากราคาหุ้น BEM ปรับตัวขึ้นจะเป็นบวกต่อ CK ด้วยเช่นกัน นอกจากนั้น ราคา ณ ปัจจุบัน ยังซื้อขายต่ำกว่า NAV หุ้นละ 36.94 บาท (BEM, CKP, TTW) ถึง -26%
สะสม AOT
ราคาปิด 66.50 บาท
ราคาเหมาะสม 79.00 บาท
เราแนะนำ "สะสม" หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและสนามบินในสัปดาห์นี้ เนื่องจากมีปัจจัยบวกรออยู่ คือการเข้าสู่ Golden Week ของจีนในวันที่ 1-7 ต.ค. คาดจะส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนที่ชะลอตัวใน 2 เดือนที่ผ่านมากลับมาเร่งตัวขึ้นอีกครั้ง
มี Upside Risk ที่ยังไม่รวมไว้ในประมาณการ คือ การประมูล Duty Free รอบใหม่ใน 4Q61 เป็น Catalyst ที่รออยู่
เก็งกำไร KBANK
ราคาปิด 217.00 บาท
แนวต้านทางเทคนิค 221.00 บาท
ภาพทางเทคนิคมีโอกาสขึ้นทดสอบ 221.00 บาท แนวรับ 216.00 บาท และ Stop loss หากต่ำกว่า 213.00 บาท
หุ้นกลุ่มธนาคารมีปัจจัยบวกรออยู่ คือ โอกาสในการขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.2561 จะส่งผลบวกต่อ NIM ในปี 2562 และเป็นหุ้นกลุ่มแรกที่จะ Preview งบ 3Q61 คาดราคาหุ้นจะตอบรับเชิงบวกหากคุณภาพสินทรัพย์ส่งสัญญาณที่ดีขึ้นใน 3Q61
Profit-Taking : N.A.
กลยุทธ์วันนี้
เราประเมินว่า ช่วงต้นสัปดาห์นี้ ตลาดหุ้นไทย จะลดความร้อนแรงลง และเข้าสู่การพักตัวระยะสั้น เป็นที่น่าสังเกตว่า แรงขายทำกำไรเข้ามาชัดเจนขึ้น เมื่อ SET INDEX เข้าใกล้โซน 1760-1770 จุด ซึ่งใกล้เคียงกับ Forward PER +1SD ทำให้ Valuation เริ่มตึงตัว และ SET INDEX น่าจะผ่านแนวต้านดังกล่าวได้ไม่ง่ายนักในระยะสั้น เราคาดกรอบการแกว่งตัวของ SET INDEX วันนี้ บริเวณ 1750-1765 จุด
หลังเสร็จสิ้นการปรับดัชนี FTSE เรามองว่า กระแสเงินทุนต่างชาติ น่าจะเริ่มชะลอตัว เพื่อรอดูการส่งสัญญาณของเฟดทั้งจากประมาณการเศรษฐกิจและทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ในการประชุม วันที่ 25-26 ก.ย.นี้ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศทรงตัว แม้จีนยกเลิกการเจรจากับสหรัฐฯ และนโยบายภาษีนำเข้าระหว่างสองประเทศเริ่มมีผลบังคับใช้วันนี้ แต่เราเชื่อว่า เป็นประเด็นที่ตลาดรับรู้มาก่อนหน้านี้ และได้สะท้อนในราคาหุ้นไปพอสมควรแล้ว
ขณะที่ภาคการค้าระหว่างประเทศของไทย ยังคงขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง โดยยอดส่งออก เดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 6.7% YoY ดีกว่าตลาดคาดที่ 4.5% YoY และมีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรายเดือน ที่ US$2.28 หมื่นล้าน หนุนให้ยอดส่งออกใน 8M61 ขยายตัวถึง 10% YoY (รายละเอียดเพิ่มเติมในบทวิเคราะห์ Economic Update เช้านี้)
กลยุทธ์การลงทุน เรายังคงแนะนำให้สะสมหุ้นกลุ่ม Domestic Play ที่ราคายังปรับตัวขึ้นน้อยกว่าตลาดรวม หรือกลุ่ม (Laggard Play) ได้แก่ กลุ่มธนาคาร/ กลุ่มรับเหมาฯ/ กลุ่มท่องเที่ยว/ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง เป็นต้น
บทวิเคราะห์พื้นฐานที่น่าสนใจเช้านี้ คือ การรายงานสินเชื่อของกลุ่มธนาคาร เดือน ส.ค. ขยายตัวเล็กน้อย 0.2% MoM โดยกลุ่มธนาคารขนาดกลาง-เล็ก ขยายตัวเด่นกว่าธนาคารขนาดใหญ่ กล่าวคือ สินเชื่อของ KKP และ TMB เติบโตถึง 1.6% MoM ส่วนธนาคารขนาดใหญ่มีเพียง KTB ที่ขยายตัวเด่นราว 1% MoM หนุนจากสินเชื่อภาครัฐ
HOT Topic
Hot Topic วันนี้
1. คาดกลุ่มพลังงานช่วยหนุนตลาด หลังการประชุมระหว่าง OPEC และรัสเซีย ส่งสัญญาณยังไม่รีบเพิ่มกำลังผลิตน้ำมัน
2. คาด Fund Flows ชะลอตัว เพื่อรอดูการประชุมเฟดวันที่ 25-26 ก.ย.
3. มาตรการภาษีรอบใหม่ระหว่างสหรัฐฯและจีนมีผลบังคับใช้เริ่มวันนี้
4. BEM ชนะคดี กทพ. รวม 1.8 พันล้านบาท
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
วันศุกร์ที่ผ่านมา SET INDEX ขึ้นทำจุดสูงสุดระหว่างชั่วโมงการซื้อขายที่ 1766.62 จุด แต่ยังถูกแรงขายทำกำไรกดดันให้ลงมาปิดที่ 1756.12 จุด เพิ่มขึ้น 4.01 จุด มูลค่าการซื้อขาย 7.9 หมื่นล้านบาท
กระแสเงินทุน : นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิในตลาดหุ้นวันแรกในรอบ 7 วันทำการ โดยขายสุทธิเล็กน้อย 597 ล้านบาท สวนทางกับสถาบันในประเทศที่ซื้อสุทธิเล็กน้อยราว 653 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิราว 384 ล้านบาท ด้านตลาด SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติยังมีสถานะ Short สุทธิเป็นวันที่ 4 อีกราว 4.4 พันสัญญา รวม 4 วันทำการ Short สุทธิสะสมทั้งสิ้น 2 หมื่นสัญญา ส่งผลให้ QTD มีสถานะ Long สุทธิราว 5.1 หมื่นสัญญา โดย S50U18 มี Discount จาก SET50 Index ราว 0.7 จุด ทางด้านสถาบันในประเทศและบัญชีบล.มีสถานะ Short สุทธิวันแรกในรอบ 3 วันทำการราว 2.5 พันสัญญา ส่งผลให้ QTD มีสถานะ Short สุทธิราว 2.3 หมื่นสัญญา ทั้งนี้ สัญญา S50U18 ซื้อขายวันสุดท้าย 27 ก.ย.นี้
ตลาดตราสารหนี้ : นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 ซื้อสุทธิหนาแน่นถึง 1.7 หมื่นล้านบาท รวม 2 วันทำการซื้อสุทธิสะสมราว 2.1 หมื่นล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
หัวหน้าพรรคแรงงาน ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านของอังกฤษ สนับสนุนให้มีการเลือกตั้งใหม่ เพื่อนำไปสู่การทำประชามติกรณี BREXIT อีกครั้ง
กระทรวงพาณิชย์รายงานยอดนำเข้า -ส่งออกเดือน ส.ค. โดยส่งออกขยายตัว 6.68% YOY มากกว่าที่ตลาดคาดว่าขยายตัว 4.5% YoY และมูลค่าการส่งออกทำระดับสูงสุดใหม่ที่ระดับ US$ 22,794 ล้าน ขณะที่การนำเข้าขยายตัว 22.8% YoY มากกว่าที่ตลาดคาดขยายตัว 11.10% YoY
จีนยกเลิกการเจรจาทางการค้ากับสหรัฐฯ และรองประธานาธิบดีจีน จะไม่เดินทางไปยังสหรัฐฯในสัปดาห์นี้
ผลการประชุม OPEC และ Non-OPEC ตัดสินใจที่ไม่เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน
OPEC รายงานกำลังการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 5 ปี และเป็นปัจจัยกดดันความต้องการใช้น้ำมันจากกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน
Baker Hughes รายงานแท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐฯที่มีการใช้งาน ลดลง 2 แท่น ลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 2 สู่ระดับ 866 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว
ติดตามผลการบังคับใช้มาตรการเก็บภาษีระหว่างจีนและสหรัฐฯ ในวันนี้
ติดตามการประมูลแหล่งปิโตรเลียมบงกชและเอราวัณ วันที่ 25 ก.ย.
ติดตามการประชุมเฟด วันที่ 25 - 26 ก.ย.
ติดตามการรายงาน GDP 2Q61 ครั้งที่ 3 ตลาดคาดขยายตัว 4.3% วันที่ 27 ก.ย.
กกต. เชิญพรรคการเมืองหารือ วันที่ 28 ก.ย.
ติดตามการรายงานเงินเฟ้อ PCE เดือน ส.ค. ของสหรัฐฯ ตลาดคาดขยายตัว 2.0% YoY , การรายงาน GDP 2Q61 ของอังกฤษ และการรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยของธปท. วันที่ 28 ก.ย.
Strategist Team
Mayuree Chowvikran Head of Research 662-009-8050
Padon Vannarat Strategist 662-009-8060
Piyapat Patarapuvadol Strategist 662-009-8062
Nutt Treepoonsuk Strategist 662-009-8059
OO14163