- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 18 September 2014 17:31
- Hits: 2023
บล.โกลเบล็ก : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market View : แนวรับSMA25วัน 1,564 /1,560
Technical : แนวรับ : 1,566 /1,560 / 1,551 แนวต้าน : 1,580 / 1,591
หุ้นแนะนำพิเศษ : PTTEP แนวรับ 161.5 / 158.5แนวต้าน 168 /172
หุ้นเด่นรายวัน : RWI PPM TUF
วันพุธตลาดหุ้นไทยดีดตัวปิดบวก ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,570.64 จุด เพิ่มขึ้น 5.23 จุด(+0.33%) มูลค่าการซื้อขาย 46,568 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิอีก 2,236.93 ล้านบาท
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย ทางฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็กฯ คาดมีแนวโน้มผันผวนในกรอบ 1,553-1,601 การปรับตัวลงเข้าใกล้แนวรับ 1,560 พร้อมมีแรงซื้อระยะสั้นกลับคืนเข้ามาตอบรับกับมติของ กนง.ที่ยังคงอัตราดอกเบี้ย โดยระบุว่านโยบายการเงินผ่อนปรนยังจำเป็นต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจระยะเริ่มแรก ส่งผลต่อความมั่นใจในการเข้าซื้อ/การคาดการณ์ของตลาดต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ ในขณะที่ SET50 ปิดตัวด้วยแท่งเทียนโดจิที่สร้างจุดต่ำ 1,042 และปิดยืนSMA25วันขึ้นมาได้อย่างมีนัยสำคัญ แนวโน้มมีโอกาสกลับตัวรูปแบบMorning Star แนวต้าน 1,055 GFV14 เก็งกำไรในกรอบ 18,680-19,020 GFZ14 เก็งกำไรในกรอบ 18,740-19,080
กลยุทธ์ ตลาดมีแรงขายแนวต้านและเมื่อปรับตัวเข้าใกล้แนวรับกลับมีแรงซื้อกลับคืน เป็นผลดีต่อโอกาสในการสร้างกรอบแนวรับ 1,560 อย่างมีนัยสำคัญและจำนวนนักลงทุน(ระยะสั้น)ไม่ได้ออกจากตลาด ดังนั้นสำหรับระยะสั้นการปรับตัวลงยืนแนวรับซื้อเก็งกำไร ขึ้นขายทำรอบ กลุ่มธนาคารมีแรงซื้อเพิ่มขึ้น และการเคลื่อนไหวของระดับราคามีแนวโน้มกลับตัวขึ้น BBL KBANK กลุ่มพลังงาน PTTEP โดดเด่น กลุ่มวัสดุก่อสร้าง SCC SCCC กลุ่มอาหาร CPF SAPPE TUF หุ้นรายหลักทรัพย์ ระยะกลาง ถือ / รอขายบางส่วน
หุ้นแนะนำพิเศษ
PTTEP(ปิด 163 ซื้อเป้าปี 57: 185 )เราคาดกำไรปกติของ PTTEP ใน 3Q57 และ 4Q57 จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยมีปัจจัยหนุนสำคัญมาจากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น โดย 3Q57 จะเป็นไตรมาสแรกที่บริษัทจะรับรู้ปริมาณการผลิตจากสินทรัพย์ของ Hess Thailand เข้ามาเต็มไตรมาส และจะเริ่มรับรู้ปริมาณขายก๊าซจากแหล่ง Zawtika ในพม่าที่เริ่มจำหน่ายก๊าซเชิงพาณิชย์ให้กับไทยตั้งแต่วันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา ส่วนทั้งปีเรายังคงประมาณการณ์กำไรสุทธิปีนี้ตามเดิมที่ 66,848 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 18%yoy
หุ้นเด่นรายวัน
RWI (ราคา IPO 1.60 ซื้อเก็งกำไร) บมจ. ระยองไวร์ อินดัสตรีส์ จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ MAI วันนี้เป็นวันแรก RWI เป็นบริษัทย่อยของบมจ. แคปปิทอล เอ็นจิเนียริ่ง เน็ตเวิร์ค (CEN) ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากลวดเหล็กได้แก่ลวดเหล็กกล้าสำหรับคอนกรีตอัดแรงและลวดเหล็กกล้าตีเกลียวสำหรับคอนกรีตอัดแรง จำหน่ายให้กับกลุ่มบริษัทผู้ผลิตเสาเข็ม เสาไฟฟ้า แผ่นพื้นสำเร็จรูป คานสะพาน หน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ
PPM (ราคาปิด 8.45 ซื้อเก็งกำไร) จับมือพาร์ตเนอร์จีน "YINGLI" ตั้งโรงงานผลิตแผงโซลาร์เซลล์ 600 เมกะวัตต์ เจาะตลาดส่งออกเป็นหลัก ผู้บริหารระบุว่าบริษัทร่วมทุนจะมีความชัดเจนสิ้นปี 57 นี้คาดแล้วเสร็จและผลิตในเชิงพาณิชย์ได้ภายในปี 59 เชื่อจะสร้างรายได้เฉลี่ยปีละ 8,000-9,000 ล้านบาท
TUF (ปิด 71 ซื้อเก็งกำไร) คาดผลประกอบการใน 3Q57 จะปรับตัวสูงขึ้นทำจุดสูงสุดของปี เป็นผลจากภาวะธุรกิจเข้าสู่ช่วง High Season ขณะที่ผลประกอบการในอนาคตคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องเป็นผลจากการเข้าซื้อกิจการซึ่งล่าสุดบริษัทประกาศซื้อกิจการของซื้อเมอร์อลิอันซ์ ผู้ผลิตแซลมอนรมควันรายใหญ่อันดับ 4 ในยุโรป และคิง ออสการ์ ผู้ผลิตปลาบรรจุกระป๋องในประเทศนอร์เวย์
รายชื่อหลักทรัพย์ที่ติดเกณฑ์บัญชี Cash Balance
*ADAM/ SLC / IFEC / AJD มีผลบังคับใช้ 13 ส.ค. - 19 ก.ย.57
* TH มีผลบังคับใช้ 4 ส.ค. - 26 ก.ย. 57
* AJP/ SOLAR / SUPER /VIH มีผลบังคับใช้ 25 ส.ค. - 3 ต.ค.57
* ACD / DIMET / EMC / EVER / GENCO / SST / TAKUNI มีผลบังคับใช้ 1 ก.ย. - 10 ต.ค. 57
* BKD / CSS / SUPER-W1 / TFI มีผลบังคับใช้ 8 ก.ย. - 17 ต.ค. 57
* ABC / BMCL / E / EE / KC / MAX / NUSA / RASA / RPC มีผลบังคับใช้ 15 ก.ย. - 24 ต.ค. 57
/ SEAOIL / SPVI
***เนื่องจากการลงทุนในหลักทรัพย์ ดังกล่าวมีการซื้อขายผิดไปจากสภาพปกติของตลาดดังนั้นผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ
ตลาดหุ้นดาวโจนส์ : เพิ่มขึ้น 24.88 จุด
ดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์ปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้น 24.88 จุด เพราะได้รับแรงหนุนหลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเอาไว้ที่ระดับ 0-0.25% และยังคงยืนยันว่า เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเอาไว้ที่ระดับใกล้ศูนย์ต่อไปอีก แม้ว่าโครงการซื้อพันธบัตรจะสิ้นสุดลงก็ตาม นอกจากนี้ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านของสหรัฐในเดือนก.ย.ที่ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 59 จาก 55 ในเดือนส.ค.ทำให้ปิดตลาดดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 24.88 จุด หรือ +0.15% ปิดที่ 17,156.85 จุด ดัชนี NASDAQ เพิ่มขึ้น 9.43 จุด หรือ +0.21% ปิดที่ 4,562.19 จุด ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 2.59 จุด หรือ +0.13%ปิดที่ 2,001.57 จุด
ตลาดน้ำมัน NYMEX : ลดลง 0.46 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบที่ตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 46 เซนต์ ตลาดกลับมาวิตกต่อภาวะอุปสงค์พลังงานในสหรัฐ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.7 ล้านบาร์เรลสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะร่วงลง 1.2 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากตลาดได้รับแรงหนุนระหว่างวัน FED มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเอาไว้ที่ระดับ 0-0.25% ในการประชุมครั้งล่าสุด และยังคงยืนยันว่า เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเอาไว้ที่ระดับใกล้ศูนย์ต่อไปอีกทำให้ปิดตลาดราคาน้ำมันดิบที่ตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 46 เซนต์ ปิดที่ 94.42 ดอลลาร์/บาร์เรลส่วนน้ำมันดิบ BRNET ส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 8 เซนต์ ปิดที่ 98.97 ดอลลาร์/บาร์เรล
Analyst :
ธวัชชัย 02-6725993 [email protected]
วิลาสินี 02-6725937 [email protected]
อาทิตย์ [email protected]
Assistant : ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์