กลยุทธ์ : สถานการณ์ตลาดในช่วงสัปดาห์หน้า ยังต้องติดตามประเด็นที่จะส่งผลต่อตลาดหุ้นทั่วโลก คือ 1. ทิศทางราคาน้ำมันจะขึ้นทะลุ 80 ดอลลาร์/บาร์เรลได้หรือไม่ 2. อัตราผลตอบแทนจากพันธบัตร 10 ปีของสหรัฐจะขึ้นต่อหรือไม่ และ 3. ความคืบหน้าของการเจรจาทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐและปฎิกริยาของตลาดหุ้นจีนกับสหรัฐหลังกำแพงภาษีระหว่างสหรัฐกับจีนมีผลบังคับใช้หลังวันที่ 24 ก.ย. สำหรับประเด็นราคาน้ำมันตอนนี้มีโอกาสสูงที่จะขึ้นทะลุ 80 ดอลลาร์/บาร์เรล จากแรงหนุนของปริมาณสต๊อกน้ำมันดิบในสหรัฐลดลงและความกังวลเรื่อง supply หากสหรัฐคว่ำบาตรอิหร่านในวันที่ 4 พ.ย. ทิศทางดัชนี SET ช่วงปลายสัปดาห์น่าจะเงียบๆ ลง เพื่อรอดูเหตุการณ์ที่จะเกิดในอาทิตย์หน้า ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นในภูมิภาคหลังขึ้นมา 2-3 วันตอนนี้เริ่มแผ่วตัวลง ซึ่งจะส่งผลให้การซื้อ-ขายจะเบาบางลง โดยแม้ว่าวันนี้ตลาดจะยังคงเปิดมาในแดนบวกตาม sentiment เชิงบวกจากการที่ตลาดหุ้นสหรัฐ(DJIA, S&P500) ปรับตัวขึ้นสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่การที่กองทุนในประเทศเริ่มขายทำกำไรออกมา (เมื่อวานขาย 384 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าที่ซื้อสุทธิไป 6.1 พันล้านบาท) และนักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิลดลงมา (เมื่อวานซื้อสุทธิเพียง 97 ล้านบาท จากวัน

ก่อนหน้าที่ซื้อสุทธิไป 1.6 พันล้านบาท) ก็ทำให้ตลาดมีโอกาสที่จะปรับฐานในระยะสั้นเพื่อรอดูผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ในสัปดาห์หน้า (ตลาดคาดเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้นครั้งที่ 3 ของปีอีก 0.25% เป็น 2.00-2.25%) ได้ กลยุทธ์ในวันนี้แนะนำ ขายทำกำไรระยะสั้นที่บริเวณ 1760+/- จุด และรอกลับเข้าลงทุนใหม่หากตลาดปรับฐานลงมาบริเวณ 1730-1740 จุด วันนี้เราให้แนวรับที่ 1746-1742 จุดและแนวต้านที่ 1750-1763 จุด แนะนำ ซื้อเก็งกำไร AOT IVL KTB ROBINS

 

  GFPT : เราแนะนำ ซื้อ GFPT โดยมีราคาเป้าหมาย 16.30 บาท เราคาดว่าอุปทานกากถั่วเหลืองและข้าวโพดที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ผู้ผลิตไก่ของไทยได้ประโยชน์จากต้นทุนอาหารสัตว์ที่ลดลง โดยกรมการค้าภายในคาดการณ์ว่าผลผลิตข้าวโพดในประเทศปี FY18/19 จะเพิ่มขึ้น 11% yoy เป็น 5 ล้านตันเนื่องจากเกษตรกรมีการปลูกข้าวโพดเพิ่มหลังราคาข้าวโพดเพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา ขณะที่ราคากากถั่วเหลืองนำเข้าน่าจะเริ่มลดลงตั้งแต่ 2H18 (ที่มา: USDA) เพราะมีอุปทานในตลาดโลกจำนวนมากโดยเฉพาะจากสหรัฐ, อาร์เจนตินาและบราซิล ผลการดำเนินงานของบริษัทร่วมทุน(Mckey และ GFN) เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวใน 2Q18 เห็นได้จากส่วนแบ่งขาดทุนที่ลดลงเหลือ 22 ล้านบาทจากขาดทุน 45 ล้านบาทใน 1Q18 เราคาดว่า GFPT Nichirei (GFN)จะมีส่วนแบ่งขาดทุนลดลงใน 3Q18 ก่อนจะถึงจุดคุ้มทุนใน 4Q18 จากการที่ราคา byproduct ในประเทศฟื้นตัว เราคาดว่า GFPT จะมีกำไรเพิ่มขึ้นใน 2H18 และเติบโต39.5% yoy ในปี FY19 จากการที่ 1) ราคาไก่ในประเทศปรับตัวสูงขึ้น, 2) ต้นทุนอาหารสัตว์ลดลงและ 3) ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทุนเพิ่มขึ้น

 

  21 ก.ย. : PM TLUXE PJW ANAN

ประเด็นในสัปดาห์

  21 ก.ย. : ไทยประกาศตัวเลข Custom Exports YoY เดือนส.ค. จากเดือนก่อนหน้าที่ 8.27%

  21 ก.ย. : ยุโรปประกาศตัวเลข Markit Eurozone Manufacturing PMI เดือนก.ย. จากเดือนก่อนหน้าที่ 54.6

  21 ก.ย. : สหรัฐประกาศตัวเลข Markit US Manufacturing เดือนก.ย. จากเดือนก่อนหน้าที่ 54.7

  26 ก.ย. : สหรัฐประกาศตัวเลข New Home Sales MoM เดือนส.ค. จากเดือนก่อนหน้าที่ 627,000 ยูนิต; การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) โดยตลาดคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 2.00% เป็น 2.25%

  27 ก.ย. : จีนประกาศตัวเลข Industrial Profit YoY เดือนส.ค. จากเดือนก่อนหน้าที่ 16.2%

 

  TELCO - MOBILE : Sector Note คำแนะนำ : Overweight Top Pick - TRUE

 

  กลยุทธ์ : SET Index เคลื่อนไหวในกรอบแคบเพื่อสร้างฐาน ก่อนที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1785 และ 1800 จุด โดยมีแนวรับที่ 1740จุดเป็นจังหวะในการเข้าซื้อหุ้น และมีแนวรับสำคัญของการปรับฐานที่ 1730 จุด ถ้าหลุดจะเป็นสัญญาณขายทางเทคนิค

  IRPC (IRPC TB; THB 6.95) - ซื้อ

  Malee Group (MALEE TB; THB 15.00) - ซื้อ