- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 21 September 2018 16:56
- Hits: 2661
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมา SET แกว่งตัวในกรอบแคบ โดยระหว่างชั่วโมงการซื้อขายยังคงมีแรงซื้อเด่นในหุ้นขนาดกลางหลายตัว นำโดย BEAUTY, SUPER, TKN, CKP และ RS อย่างไรก็ตามหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์เผชิญกับแรงขายภายหลังค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าอย่างมีนัยยะ นำโดย KCE, SVI, HANA และกลุ่มธนาคารเผชิญกับแรงขายทำกำไรบางส่วนเช่น BBL, KTB ณ สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,752.1 จุด (+2.3 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 6.7 หมื่นล้านบาท ลดลงจากวันก่อนหน้าที่ 9.2 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทยเป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน แต่ชะลอแรงซื้อเหลือเพียง 96 ล้านบาท ส่วนด้านสถาบันพลิกมาขาย 383 ล้านบาท ด้าน SET50 index future ต่างชาติ Short สุทธิ 1494 สัญญา ขณะที่สถาบัน Long 1958 สัญญา
Investment theme
ในระยะสั้นการลงทุนในตลาดหุ้นได้ประโยชน์จากบาทแข็ง แต่ระวังความผันผวน : ภายหลังการประชุมกนง.เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ที่ประชุมมีมติ 5:2 เสียงให้คงดอกเบี้ยนโยบายประเทศไทยไว้ที่ระดับ 1.5% (โทนเสียงเริ่มไปในทิศทางขึ้นดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น) ประกอบกับปัจจัยเศรษฐกิจ ในประเทศและฐานะทางการเงินการคลังของประเทศทั้งดุลบัญชีเดินสะพัด, หนี้สินต่างประเทศในระดับต่ำ และทิศทางการเลือกตั้งที่ชัดเจนมากขึ้น เป็นผลให้ค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าอย่างมีนัยยะอีกครั้ง และหากพิจารณาจากส่วนต่างผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ-ไทย 10 ปี พบว่ายังอยู่ทีระดับต่ำประมาณ 20bps ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยปีนี้ที่ 32 bps ฉะนั้นเรายังมองว่าประเด็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED ในสัปดาห์หน้าได้สะท้อนผ่านการปรับขึ้นของผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่เร่งตัวขึ้นมาแตะ 3.0% ไปในระดับหนึ่งแล้ว ส่วนทางด้านทิศทางการลงทุนในบ้านเรา แม้ว่ากำไรตลาด (Market EPS) จะมีการปรับตัวลงเล็กน้อย แต่ตลาดยังมีสัญญาณของแรงเก็งกำไร ซึ่งคาดมาจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ปรับสูงขึ้น หลังทิศทางการเมืองชัดเจน, สงครามการค้าที่ผ่อนคลายลงระยะสั้น และกระแส Fund Flow ที่ดีไหลเข้า ซึ่งอาจส่งผลให้นักลงทุนยอมรับความเสี่ยงได้มากยิ่งขึ้น คล้ายกับการปรับเพิ่มระดับของ PE Ratio ในสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ ขึ้น นั่นเอง
Investment Theme: เน้นหุ้นกลุ่ม Domestic นำโดย CPALL, STEC, BEM, SCB และหุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานดีแต่ราคายังไม่ขึ้น (มี Upside) นำโดย GOLD, PRM พร้อมแนะเลี่ยงการลงทุนในกลุ่มท่องเที่ยวและสายการบิน เนื่องจากมองว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวยังฟื้นตัวลำบาก
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – เงินบาทกลับมาแข็งค่าอีกครั้งที่บริเวณ 32.3 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ / จีนอาจปรับลดภาษีนำเข้าจากประเทศอื่นๆ ที่นอกเหนือจาก US คาดอาจเป็นแรงกระตุ้นจิตวิทยาเชิงบวกต่อกลุ่ม EM
Stock pick : -
Trading idea – เก็งกำไรหุ้นขนาดใหญ่+กลาง ที่มีโอกาสเป็นเป้าหมายของกระแสเงิน เช่น KBANK TMB PTT PLANB BEM HMPRO GLOBAL / หุ้นเล็ก เน้นกำไรเด่นอย่างมีนัยสำคัญใน 2H61 เช่น III SYNEX / เก็งกำไร CPALL กรอบ 65.0 – 69.0/ เลี่ยงการลงทุน DTAC และกลุ่มท่องเที่ยว
Technical View
แกว่งตัวในกรอบ 1745-1760 Break กรอบได้ต้านถัดไป 1775: ดัชนีแกว่งพักตัวเป็นวันที่ 2 โดยมีแรงซื้อหลักจากหุ้นกลุ่มพลังงาน ทำให้ยังประคองแกว่งตัวในกรอบ 1745-1760 ประกอบกับขณะนี้ MACD ยังเป็นสัญญาณบวก จึงยังแนะนำให้เทรดในกรอบ 1745-1760 หากผ่านได้คาดมีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบต้านถัดไปที่ 1775 สำหรับจังหวะอ่อนตัวระหว่างวันหากไม่หลุด 1745 ยังมองเป็นโอกาสสะสมหุ้น เพื่อคาดหวังการผ่านแนวต้าน 1760
กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น : Trading ในกรอบ 1745-1775 และแนะนำพิจารณาแรงขายที่แนวต้าน 1760 หากยังมีแรงขายมากแนะนำ ขายทำกำไรเพื่อเล่นรอบ แต่หากหลุด 1745 แนะนำ Lock Profit ในขาขึ้นรอบนี้ 2) ไม่มีหุ้น : หากอ่อนตัวไม่หลุด 1745 อาจทยอยสะสมเพื่อ Trading ในกรอบ 1745-1775
แนวรับ : 1745, 1750 แนวต้าน : 1760, 1775
Keep an eye on...
ปัจจัยต่างประเทศ: ท่าทีการเจรจาระหว่าง US กับจีน
ปัจจัยในประเทศ: ยื่นซองประมูลบงกช –เอราวัณ 25 กย. นี้ รู้ผล ธค. /การประมูลคลื่น 900 MHz รอบใหม่
หุ้นเทคนิค:
CPF (B 25.00-25.50, Tp 27.50//29.00, Cut 24.70)
BEAUTY (B 11.80, Tp 12.50, Cut 11.60)
นักวิเคราะห์ : สรพล วีระเมธีกุล / วิจิตร อารยะพิศิษฐ / จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์
Research Department Tel. 02-658-5000
OO14092