- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 18 September 2014 17:00
- Hits: 1843
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Selective Buy
ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้ฟื้นตัว 5.23 จุด ปิดที่ 1,570.64 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบาง 46,568 ล้านบาท
ด้านกระแสเงินทุนต่างชาติน่าสนใจ ซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 4 มากถึง 2,237 ล้านบาท Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการมากถึง 5,404 สัญญา และคงการซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 2 อีกเล็กน้อย 187 ล้านบาท สะท้อนมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางตลาดหุ้นไทย
สำหรับความเห็นของเฟดต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ย Fed Fund Rate จะยังอยู่ในระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง หลังสิ้นสุดโครงการ QE ในการประชุมเดือนต.ค.นี้ เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจยังเติบโตในระดับปานกลาง การจ้างงานยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ และอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมาย เพียงแต่การคาดการณ์ของเฟดต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ย Fed Fund Rate ได้ขยับขึ้นจาก 1.125% ณ สิ้นปี 2558 ในการประเมินเดือนมิ.ย. เป็น 1.375% ล่าสุดคืนวานนี้ ทำให้นักลงทุนทั่วโลกมั่นใจว่าปีหน้าเฟดจะต้องเริ่มทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่ช่วงจังหวะอาจต้องรอความเห็นจากทางเฟดต่อช่วงเวลาที่เหมาะสม อย่างต่อเนื่อง ทำให้ผลดังกล่าว DJIA ตอบสนองเป็นกลาง แต่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าเทียบกับสกุลเงินต่างๆ กดดันต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์
วันนี้ ติดตามผลการทำประชามติของสกอตแลนด์ ต่อการแยกตัวออกจากอังกฤษ หรือไม่ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจในอังกฤษ และค่าเงินปอร์ดอังกฤษ
ดังนั้นภาพรวมตลาดหุ้นไทยในวันนี้ MBKET คาด SET INDEX แกว่งกรอบแคบระหว่าง 1,570-1,580 จุด แต่เป็นที่น่าจับตามองต่อการขยับของราคาหุ้นหลักทั้งกลุ่มธนาคาร / ICT / PTT / SCC ซึ่งจะเป็นตัวบ่งชี้กระแสเงินทุนต่างชาติ MBKET เชื่อว่าต่างชาติจะยังทยอยสะสมหุ้นหลักของไทยต่อเนื่อง
กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำให้ นักลงทุนถือพอร์ตการลงทุน เพื่อรอขายทำกำไรบริเวณ 1,600 จุด +/- หรือหากต้องการเก็งกำไร ควรจำกัดวงเงิน และเน้นหุ้นรายตัวที่มีประเด็นเชิงบวกต่อการลงทุน เป็นสำคัญ
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “ทยอยสะสม” KTB/ LPN
Portfolio Top Pick in 3Q14: AAV /AP/ IFEC/ TRUE
HOLD: SAMART/ SPCG/ IFEC/ BTS/ SIM/ MACO/ CK
Accumulative buy: KTB/ LPN
Action and Stock of the Day
SET INDEX กลับมายืนเหนือ 1,570 จุด
คาด SET INDEX แกว่งออกด้านข้าง พร้อมโอกาสขึ้นทดสอบ 1,580 จุด ด้วยกระแสเงินทุนต่างชาติ
ประเด็นเฟดคืนวานนี้เป็นกลาง ยังไม่ชัดเจนเรื่องช่วงเวลาของการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
กลยุทธ์การลงทุน ถือพอร์ต เพื่อรอขายทำกำไรบริเวณ 1,600 จุด +/- หรือหากต้องการเก็งกำไร อาจเลือกเน้นเป็นรายตัว มากขึ้น เพราะภาพรวม Upside gain เริ่มจำกัด
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ฟื้นตัวเกือบทุกตลาด นำโดย HSKI ปิดบวก 1.07% dod และ JCI ปิดบวก 1.1% หลังธนาคารกลางจีนอัดฉีดสภาพคล่องผ่านธนาคารขนาดใหญ่ 5 แห่ง วงเงิน 5.0 แสนล้านหยวน
ด้านตลาดหุ้นไทย เปิดฟื้นตัวยืนเหนือ 1,570 จุด ผลักดันโดยหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร อย่าง BBL / KBANK / SCB รวมถึง SCC แต่ก็เกิดแรงขายทำกำไรเข้ามาเป็นระยะๆ เช่นกัน ส่งผลให้ SET INDEX แกว่ง 1,570 จุด +/- ตลอดชั่วโมงการซื้อขาย ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,570.64 จุด บวกเล็กน้อย 5.23 จุด แต่มูลค่าการซื้อขายเบาบางเพียง 46,568 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดบวกแรงสุดในวานนี้ได้แก่ กลุ่มเหล็ก +1.75%, กลุ่มโรงพยาบาล +1.15% และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง +1.13% ขณะที่กลุ่มหลัก กลุ่มธนาคาร +0.89% กลุ่มพลังงาน +0.11% และ กลุ่ม ICT +0.38%
ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.32 น.) เช้านี้ Nikkei เปิดบวกเด่น หลังค่าเงินเยนทำระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 6 ปี เทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนตลาด Kospi เปิดย่อตัวลงเล็กน้อย
ตลาดหุ้นไทยเริ่มส่งสัญญาณ “บวก” มากขึ้นในมุมมองของ MBKET ด้วยปัจจัยสนับสนุนได้แก่
•SET INDEX กลับมายืนเหนือ 1,570 จุดวานนี้ โดยหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร ทรงตัวอย่างแข็งแกร่ง
•เงินทุนต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยตลอด 4 วันทำการ 4,488 ล้านบาท พร้อมเร่งปิดสถานะ Short ที่มีสถานะสุทธิในช่วง 2 วันก่อนหน้า ด้วยการ Long สุทธิใน SET50 Index Futures มากถึง 5,404 สัญญา
อีกทั้งประเด็นที่กดดันภาวะการลงทุนทั้งสินทรัพย์เสี่ยง และ Safe haven ทั่วโลกคือ การประชุมเฟด ในคืนวานนี้ พบว่าเฟดยังไม่ส่งสัญญาณที่ชัดเจนต่อช่วงเวลาที่เหมาะสมของการพิจารณาอัตราดอกเบี้ย Fed Fund Rate โดยยังคงให้ตัวแปรด้านเศรษฐกิจที่เติบโตปานกลาง, การจ้างงาน ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ และอัตราเงินเฟ้อที่ยังต่ำกว่าเป้าหมาย 2.0%
อย่างไรก็ตาม การประมาณการของเฟดต่อภาพรวมเศรษฐกิจ มีการส่งสัญญาณด้านอัตราดอกเบี้ยชัดเจนที่ ณ สิ้นปี 2558 อัตราดอกเบี้ย Fed Fund Rate จะขยับแตะระดับ 1.375% เพิ่มขึ้นจากการประเมินครั้งก่อนหน้าที่คาด 1.125% ภายใต้ประมาณการภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปีนี้ เติบโต 2.0-2.3% ขยับกรอบลงมาจากการประเมินเดือนมิ.ย.ที่ 2.1-2.3%
ภาพรวมของการประชุมเฟดคืนวานนี้ ขาดความชัดเจนต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ย Fed Fund Rate เพียงแต่ยืนยันสิ้นสุดโครงการ QE ในการประชุมครั้งหน้าปลายเดือนต.ค. ทำให้การตอบสนองของนักลงทุนต่อการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ จึงเป็นกลาง
•DJIA ปิดบวกเล็กน้อย เพราะความเห็นของเฟดไม่ชัดเจน
•ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ ต่อเนื่อง
•ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ อย่างน้ำมัน / ทองคำ ปรับตัวลงจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่า
ผลของการประชุมเฟดในคืนวานนี้ ออกมาเป็นกลาง พร้อมประวิงเวลาของการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน เช่นเดียวกับ MBKET ให้น้ำหนักมากที่สุดในวานนี้ ย่อมเป็นบวกต่อภาวะการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงรวมถึงตลาดหุ้นไทย มีแนวโน้มขยับขึ้นทดสอบด่าน 1,590-1,600 จุด และทะลุแนวดังกล่าวได้ในที่สุด MBKET ประเมินกลุ่มที่น่าจะเป็นเป้าหมายของการผลักดันตลาดหุ้นในระลอกใหม่นี้ได้แก่
•กลุ่ม ธนาคาร / กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง : ได้รับประโยชน์จากแผนการลงทุนคมนาคมในงบประมาณปี 2558 และแผนการลงทุนขนาดใหญ่ ระยะ 8 ปี ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของรมว.คมนาคม
•PTT : จากความชัดเจนของแนวทางการปฎิรูปราคาก๊าซ NGV เพื่อให้เกิดความเสมอภาคระหว่างกลุ่มรถแท็กซี่และรถเมย์ และกลุ่มยานยนต์ส่วนที่เหลือ และถัดไปจะเป็นการทยอยปรับราคาก๊าซขึ้นสู่ราคาก๊าซที่แท้จริง เป็นบวกทางตรงกับ PTT
ดังนั้นเชิงกลยุทธ์ MBKET ให้นักลงทุนทยอยสะสมหุ้นหลักมาอย่างต่อเนื่อง ณ ปัจจุบัน นักลงทุนอาจถือพอร์ตการลงทุน เพื่อรอขายทำกำไรบริเวณ 1,600 จุด +/- หรือหากต้องการเก็งกำไร อาจต้องจำกัดวงเงิน และเน้นหุ้นรายตัวที่มีประเด็นบวกเฉพาะด้านเท่านั้น
ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.ผลการประชุมเฟดเป็นตามคาด ไม่ส่งสัญญาณชัดเจนต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ย: ประธานเฟด Janet Yellen ให้ความเห็นเพียงการคงอัตราดอกเบี้ย Fed Fund Rate ในระดับต่ำเช่นนี้ต่อไปอีกระยะหนึ่ง หลังสิ้นสุดโครงการ QE ในการประชุมครั้งหน้า (ปลายเดือนต.ค.) เพียงแต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่รายงานของธนาคารกลาง ต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ย Fed Fund Rate คาดว่าจะขยับขึ้นเป็น 1.375% ภายในสิ้นปี 2558 จากที่ประเมินครั้งก่อนเดือนมิ.ย. ที่ 1.125% เป็นตัวแปรยืนยันถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ จะปรับตัวขึ้นในปีหน้า
MBKET มีความเห็นเป็นกลางต่อผลการประชุมดังกล่าว เพราะเป็นการให้ความเห็น “กลาง” ต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ย และ ภาพรวมเศรษฐกิจ ตามที่เคยประเมินไว้ก่อนหน้า ดังนั้นผลตอบสนองต่อทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย เช้าวันนี้ จึงเป็น “กลาง” ตลาดหุ้นแต่ละตลาดจะขยับขึ้น หรือ ลง ขึ้นอยู่กับปัจจัยภายในประเทศ นั้นๆ เป็นสำคัญ
แต่ที่น่าสนใจคือ ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าอย่างโดดเด่นคืนวานนี้ ย่อมเป็นบวกต่อภาคการส่งออกของเอเชีย และอาจเป็นอีกเหตุปัจจัยที่ผลักดันเงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นในเอเชียได้เช่นกัน
2.คาดเงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นทั่วเอเชียเกิดใหม่ รวมถึงตลาดหุ้นไทย: หลังความกังวลต่อการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินของเฟด ยังคงต้องรอเวลาที่เหมาะสมในความเห็นของเฟด ทำให้แนวโน้มค่าเงินดอลลาร์จะกลับมาอ่อนค่าเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ รวมถึงเงินในเอเชีย และเงินบาท MBKET เชื่อว่า เงินทุนต่างชาติจะไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง และมีแนวโน้มหนาแน่นมากยิ่งขึ้น
3.ติดตามผลการทำประชามติของสกอตแลนด์วันนี้
วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 16.02 13.75 15.96 13.70
PSE 20.48 17.69 20.34 17.57
JSE 16.78 14.29 16.57 14.11
KOSPI 10.48 9.51 10.47 9.52
TAIEX 14.51 13.66 14.41 13.56
Straits Tim
14.56 13.42 14.46 13.32
SHCOMP 9.13 8.09 9.09 8.05
ที่มา: Bloomberg
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ทยอยสะสม” ได้แก่
1.KTB : ราคาปิด 23.60 บาท ราคาเหมาะสม 27.00 บาท
a)MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคารและคาดว่าจะเป็นหุ้นกลุ่มหลักที่ได้ประโยชน์จากการไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติ เพราะได้ประโยชน์โดยตรงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและส่งผลให้สินเชื่อขยายตัวใน 2H57 และเร่งตัวขึ้นในปี 2558
b)เนื่องจาก KTB มีสัดส่วนสินเชื่อโครงการภาครัฐฯ สูงที่สุดในกลุ่มธนาคาร จึงคาดว่าจะได้อานิสงค์จากการผลักดันเศรษฐกิจของรัฐบาลผ่านแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของประเทศ
c)ทิศทางกำไรสุทธิ 3Q57 คาดขยายตัว qoq จากการตั้งสำรองที่ลดลง และสินเชื่อเติบโต qoq ขณะที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยคาดว่าจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นใน 4Q57 และปี 2558 จากทิศทางดอกเบี้ยที่คาดว่าจะปรับขึ้นในปีหน้า
d)คาดกำไรสุทธิปี 2558 เติบโต +12.9% yoy เป็น 38,054 ล้านบาท และมี Valuation ที่ยังไม่สูงมากนัก โดยซื้อขายระดับ PBV 2558 ที่ 1.3 เท่า ต่ำกว่าธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ เช่น KBANK 1.8x, SCB 2.0x และ BAY 2.2x และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ยปีละ 4% (จ่ายปีละ 1 ครั้ง)
2.LPN : ราคาปิด 20.70 บาท ราคาเหมาะสม 22.00 บาท
a)MBKET ประเมินว่า LPN เป็นหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่น่าสนใจ สำหรับการลงทุนระยะ 3-6 เดือนขึ้นไป
b)เนื่องจากคาดว่ากำไรสุทธิปี 2558 จะกลับมาขยายตัวโดดเด่น +43.7% yoy เป็น 3,200 ล้านบาท เติบโตสูงที่สุดในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และเทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่คาดว่ากำไรปี 2558 จะเติบโต +9.2%
c)จากการรับรู้รายได้ Backlog รอโอนสูงถึง 16,090 ล้านบาท ในปี 2558 หรือคิดเป็น Secured revenue สูงถึง 85% จากประมาณการรายได้ปี 2558 ของเราที่ 18,864 ล้านบาท หรือ +46.6% yoy
d)มี Valuation ที่ยังถูก โดยซื้อขายระดับ PER 2558 เพียง 9.5 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที 10.7 เท่า และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลปี 2558 ที่ 5.2% สูงกว่า LH, SPALI, PS และ QH
What will DJIA move tonight? คืนนี้มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขอสวัสดิการว่างงานใหม่, ยอดก่อสร้างบ้านใหม่
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้ขายสุทธิ เป็นวันที่ 6 อีก US$83 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$339 ล้าน
ทั้งนี้ตลาดหุ้นไทยยังคงเป็นตลาดเป้าหมายของการสะสม
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX -79.3 -247.8 13,032.4 9,188.0
KOSPI n.a -59.2 8,817.7 4,875.1
JSE -46.3 -43.8 4,627.1 -1,806.4
PSE -12.0 -2.5 1,264.8 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม -14.8 -12.6 236.5 263.2
SET INDEX 69.4 27.0 -326.9 -6,210.5
Foreign Investors Action วานนี้
เงินทุนต่างชาติลงทุนตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) +2,237 +872
SET50 Index Futures (สัญญา) +5,404 -4,564
SSF (สัญญา) +459 +2,094
Metal Futures (สัญญา) -5 +46
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) +187 +340
นักลงทุนต่างชาติคงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 4 เร่งขึ้นเป็น 2,237 ล้านบาท รวม 4 วันทำการซื้อสุทธิ 4,488 ล้านบาท และกดดันให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิลดลงเหลือ 12,302 ล้านบาท
ด้านนักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 5,404 สัญญา เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้า Short สุทธิ 8,144 สัญญา คาดว่าจะเป็นการเร่งปิดสถานะ Short ที่เปิดไว้ก่อนหน้า ส่งผลให้ S50U14 ปิดต่ำกว่า SET50 Index แคบลงเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการเหลือ 1.09 จุด จากวันก่อนหน้า Discount กว้างถึง 4.98 จุด
และตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 อีกเล็กน้อย 187 ล้านบาท รวม 2 วันทำการซื้อสุทธิ 524 ล้านบาท คาดว่าจะเป็นการเข้าลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทยระยะยาว อายุ 5 ปีผลตอบแทนลดลงอีก 1.72bps ปิดที่ 3.047% อายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลงอีก 1.03bps ปิดที่ 3.581%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เพิ่มขึ้นเป็น 1,069 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 764 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
TRUE 150.39 5.40% 12.27
BBL 119.77 5.48% 210.35
ITD 59.37 4.04% 5.93
KBANK 56.82 7.27% 226.57
PTT 56.27 3.86% 350.40
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 17 กลับมาเน้นกลุ่มธนาคาร คาดว่าเป็นผลจากการทำรายการ Big Lot หุ้น BBL วานนี้
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ซื้อสุทธิมากถึง 2,825 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 974 ล้านบาท รวม 17 วันทำการซื้อสุทธิ 20,808 ล้านบาท สรุปภาพการลงทุนได้ดังนี้
1.กลุ่มธนาคาร ซื้อสุทธิ 1,791 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 185 ล้านบาทตามมาด้วยกลุ่มขนส่ง ซื้อสุทธิ 325 ล้านบาท กลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิ 264 ล้านบาท กลุ่มวัสดุก่อสร้างซื้อสุทธิ 237 ล้านบาท กลุ่ม ICT ซื้อสุทธิ 109 ล้านบาท และกลุ่มอสังหาฯ ซื้อสุทธิ 101 ล้านบาท
2.ส่วนกลุ่มปิโตรเคมี ถูกขายสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 2 อีกเล็กน้อย 74 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 182 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มอาหาร ขายสุทธิ 61 ล้านบาท
ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
BBL 1,349.40 66.18 TUF -160.01 24.43
BTS 340.56 25.70 PTTGC -89.63 21.27
SCC 261.33 22.10 BGH -77.19 16.44
KTB 203.59 20.40 CHUO -39.68 14.09
PTT 179.30 9.57 AOT -37.38 13.42
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong