WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

TRINIบล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 
Today Selections>> LH, PTTEP, RJH
Stock          S          R        Comment
LH           11.50      11.80      Demand แนวราบแกร่ง แถมปลายปีเปิด Terminal21 Pattaya หนุนค่าเช่าระยะยาว
PTTEP       148.50     155.50      คาด GRM สูงขึ้น หนุนกำไรโรงกลั่นแกร่ง
RJH          24.60      25.50      ขยายตลาด Check Up ใหม่ เพิ่มฐานรายได้ พร้อมเข้าสู่ High Season หน้าฝน
Oil, UST Yield, THB, MPC
  Oil: ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันโดยได้แรงหนุนสำคัญจากรายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯประจำสัปดาห์ล่าสุด ที่ปรับลดลงจนอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีกว่า (ดูรูป) มองเป็น Sentiment เชิงบวกต่อกลุ่มพลังงานและ SET Index ในช่วงเช้าวันนี้
  UST Yield: จับตาการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของ Bond yield สหรัฐฯ ซึ่งล่าสุดรุ่นอายุ 10 ปีอยู่ที่ 3.06% คาดส่วนหนึ่งเกิดจากการที่นักลงทุนกำลัง Price in การปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ที่กำลังจะเกิดขึ้นในการประชุมวันที่ 25-26 กันยายนนี้ ประเมินการปรับตัวขึ้นของ Yield นี้จะส่งผลให้ SET Index มีความน่าสนใจลดลงเล็กน้อยในมิติของ Earning yield gap
  THB: อย่างไรก็ดี เรากำลังจับตาไปที่การปรับตัวแข็งค่าของเงินบาทล่าสุดเช่นกัน โดยหากนับในรอบ 1 วันที่ผ่านมา พบว่าเงินบาทเป็นสกุลเงินของประเทศเกิดใหม่ที่ปรับตัวแข็งค่ามากที่สุด สอดคล้องกับทิศทางของนักลงทุนต่างชาติที่มีการซื้อสุทธิหุ้นไทยวานนี้อีก 1.6 พันล้านบาท และเป็นการซื้อสุทธิ 5 วันทำการติดต่อกันแล้ว มองการปรับตัวแข็งค่านี้ส่งผล Sentiment เชิงลบต่อหุ้นในกลุ่มส่งออก โดยเฉพาะกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์เป็นต้น (DELTA, HANA, KCE, SVI)
  MPC: ผลการประชุมกนง.วานนี้มีมติคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5% ตามคาด โดยมีไฮไลท์ที่น่าสนใจดังนี้
  1) มติในที่ประชุมมี 2 เสียงที่เห็นควรให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพิ่มเติมจากคราวก่อนที่ 1 เสียง แต่เรามองไม่มีนัยสำคัญแต่อย่างใด และประเมินว่าตลาดก็ไม่ได้ให้น้ำหนักมากเช่นกัน สะท้อนจากระดับ Swap rate 1 ปีของไทยล่าสุดที่เริ่มปรับลดลง
  2) กนง.ปรับลดเป้าการส่งออกปีหน้าลงเหลือ 4.3% จากเดิมคาด 5% เนื่องจากความเสี่ยงจากมาตรการกีดกันทางการค้าที่จะเริ่มเห็นผลกระทบชัดเจนตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป
  3) กนง.ปรับคาดการณ์เงินเฟ้อปีหน้าลดลงจากคาดการณ์เดิมเล็กน้อยจาก 1.2% เป็น 1.1%
  มุมมองของเรา: ยังคงคาดการณ์เช่นเดิมว่ากนง.จะมีมติคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.5% ไปจนถึงสิ้นปีนี้ ส่งผลบวกในเชิงเปรียบเทียบต่อหุ้นกลุ่ม High dividend stocks และ Income stocks ต่อไป
  กลยุทธ์การลงทุน: ยังคงคาดการณ์ว่า SET Index จะแกว่งตัว Sideways ในเดือนนี้ต่อไปในกรอบแนวรับที่ 1700 จุดและ 1670 จุด และกรอบแนวต้านที่ 1740 จุดและ 1770 จุด แนะนำนักลงทุนที่ Take profit ไปแล้วบางส่วนที่บริเวณดัชนี 1740 จุด Wait & See รอดูสถานการณ์ โดยหากดัชนีปรับตัวขึ้นต่อไปที่แนวต้านสำคัญที่ 1770 มองเป็นโอกาสในการลดพอร์ตการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ
  Stock: มองกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจตามแต่ลักษณะพอร์ตการลงทุนดังต่อไปนี้
  1) สำหรับพอร์ตระยะสั้นประเภทเก็งกำไร แนะนำกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับโครงการ EEC ได้แก่ AMATA, WHA ซึ่งคาดว่าจะได้ประโยชน์เชิง Sentiment จากความเชื่อมั่นการลงทุนที่เพิ่มขึ้น
  2) สำหรับพอร์ตระยะกลางที่ต้องการผลตอบแทนด้าน Capital gain แนะนำหุ้นที่ถูกลดน้ำหนักจาก MSCI ในรอบล่าสุด ได้แก่ CPALL, PTT รวมถึงหุ้นพื้นฐานดีในดัชนี SETHD ที่ยังคง Laggard ตลาดอยู่ เช่น TISCO, MAJOR, LH, CPF, LPN, SCC, PTT, TOP, BBL
  3) สำหรับพอร์ตระยะยาวที่ต้องการเงินปันผล แนะนำหุ้น Income Stock ที่มีลักษณะคล้าย Bond เช่น กองทุน Infrastructure fund / Property fund / REIT รวมถึงหุ้นสามัญอย่างเช่น ASP, INTUCH, RATCH
  แนวรับ  1,730  แนวต้าน 1,760
Today's Event
          -
นักวิเคราะห์ :
          ณัฐชาต เมฆมาสิน, CFA, FRM (ID: 31379)
          E-mail: [email protected]
OO14061

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!