- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 14 September 2018 16:52
- Hits: 4196
บล.เอเชีย เวลท์ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Cheerful Market
ตลาดหุ้นไทยวันนี้ : ข่าวกำหนดการเลือกตั้ง สร้างผลบวกให้ตลาดไทยกลับมาสดใสอย่างมากเมื่อวานนี้ โดยกองทุนและต่างชาติกลับมาเป็นผู้ซื้อสุทธิสูงถึง 11,482 ล้านบาท และ 2,007 ล้านบาท ตามลำดับ ทำให้หุ้นขนาดใหญ่ใน SET50 หลายตัว เช่น CPALL, PTT, และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ เกิดสัญญาณสิ้นสุดการปรับตัวลงและวกกลับสู่การปรับตัวขึ้น ด้วยปัจจัยทาง Macro Economy สนับสนุน การมีกำหนดเลือกตั้งในประเทศ คาดว่าทำให้เงินสะพัดมากขึ้นหนุนการจับจ่ายใช้สอยในประเทศที่ยังอยู่ในสภาพซบเซาในขณะนี้ได้ นอกจากนี้ ยังมีความคาดหวังว่าจะมีพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในปี 2562 ด้วย ทำให้ประเทศไทยเข้าสู่การเฉลิมฉลอง สร้างบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยให้ดีขึ้น จึงเป็น Cheerful Market of Asia ในขณะที่ ตลาดหุ้นประเทศอื่น เริ่มคลี่คลายความวิตกกังวลต่อสงครามการค้าสหรัฐฯและจีน หลังจากจีนได้ตอบรับคำเชิญของสหรัฐฯ ในการเจรจาการค้ารอบใหม่เพื่อคลี่คลายข้อพิพาทระหว่างทั้งสองประเทศ วันนี้จึงคาดว่าตลาดหุ้นไทยบวกต่อได้ กรอบดัชนีวันนี้: 1,710-1,740 จุด หุ้นแนะนำ STA, CPALL, WHA
Stock Comment
STA Pick of the day วานนี้มี Opportunity Day ของ STA ที่ SET และเป็นวันแรกของที่ขึ้นเครื่องหมาย XD ปันผลระหว่างกาลไป 0.25 บาท
CPALL (ปิด 68.50 บาท; ซื้อ; AWS TP 89.00 บาท) คาดผ่านพ้นจุดต่ำสุดของรอบนี้แล้ว มองการมุ่งสู่ 72 บาท เป็นลำดับแรกก่อน เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกเรื่องประเทศไทยจะเข้าสู่การเฉลิมฉลอง จากการมีกำหนดการเลือกตั้ง และความคาดหวังจะมีพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ในปี 2562
WHA (ปิด 4.06 บาท; NR; IAA consensus 4.72 บาท) คาด WHA ได้รับปัจจัยบวก จากแนวโน้มมี Foreign Direct Investment ไหลเข้ามาจากแผนเดินหน้าลงทุนภายใต้โครงการ EEC และโครงการสาธารณูปโภคสำคัญ เช่น การสร้างรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน เป็นต้น วันนี้มี Opportunity Day ของ WHA ที่ SET
หุ้นเด่นวันนี้ : STA (ปิด 12.20 บาท; ซื้อ; AWS TP 15.50 บาท)
รายได้รวมของ STA จะมาจากยางแปรรูปมากถึง 85% ซึ่งได้รับผลกระทเชิงลบจากราคายางพาราตกต่ำ แต่บริษัทได้ปรับโครงสร้างธุรกิจหันเข้าสู่ธุรกิจผลิตถุงมือยาง สัดส่วนรายได้จากถุงมือยางอยู่ที่ 15% แต่การที่ STA เพิ่มไลน์สินค้าถุงมือยางมี Gross Profit Margin (GPM) ประมาณ 18%-22% ดีกว่าธุรกิจดั้งเดิมคือยางแปรรูปที่มี GPM ราว 6% ทำให้ทิศทางกำไรของ STA ดีขึ้น ไม่เผชิญกับความผันผวนของราคายางพารามากเหมือนช่วง 2 ปีก่อน สัดส่วนกำไรจากการดำเนินงานในช่วง 1H61 จึงมาจากยางแปรรูปเพียง 60% และถุงมือยางมากถึง 40% ใน 1-2 ปีนี้ ตั้งเป้าสัดส่วนกำไรจะมาจากยางแปรรูปและถุงมือยาง 50%:50% อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์กันว่ายางพารายังมีภาวะ Oversupply อย่างมากในช่วงปี 2560-2562 ในระดับราว 0.3 ล้านตันต่อปี ทำให้ราคายางพารายังคงอ่อนแอในช่วงเวลานี้ ซึ่ง STA ก็ได้เตรียมแผนการเพิ่มกำลังการผลิตถุงมือยางเพิ่มขึ้น โดยเพิ่มกำลังการผลิตถุงมือยาง จากการเข้า Acquisition กิจการของ Thai Kong Group ที่มีกำลังการผลิต 4 พันล้านชิ้นต่อปี ทำทำให้กำลังการผลิตเพิ่มจากปัจจุบัน 17.2 พันล้านชิ้นต่อปี เป็น 21.2 พันล้านชิ้นต่อปี สัดส่วนการถือหุ้นของ STA อยู่ที่ 81% เมื่อดีลสำเร็จ ซึ่งการ Acquisition กิจการในครั้งนี้ คิดเป็นต้นทุนการเข้าซื้อกิจการที่ต่ำกว่าการซื้อในช่วงเริ่มต้นประมาณ 15% เป็นปัจจัยบวกต่อ STA เราคาดว่า STA ยังคงเก็บเกี่ยวผลตอบแทนจากการลงทุนในธุรกิจถุงมือยางได้มากจากราคาน้ำยางซึ่งเป็นวัตถุดิบยังคงตกต่ำ แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายเท่ากับ 15.50 บาท อิง PER ที่ 11 เท่า ในปี 2561
Price Pattern ของ STA มีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มหลักที่เป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend)จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal โดยมีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 13.90 บาท และมีเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 16.40 บาท ตามลำดับ มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 11.90 บาท (Resistance: 12.30, 12.40, 12.60; Support: 12.10, 11.90, 11.80)
ปัจจัยในประเทศ :
ปรับ GDP ใหม่โต 4.6% มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยปรับประมาณการภาวะเศรษฐกิจปี 2561 ใหม่เป็น 4.6% จากเดิม 4.4% เนื่องจากการใช้จ่ายผู้บริโภคดีขึ้น ราคาภาคการเกษตรเพิ่มขึ้น และการลงทุนจากทั้งภาครัฐบาลและเอกชนก็เพิ่มขึ้น (บางกอกโพสต์) ความเห็น: รายได้ของประชาชนเริ่มกระจายตัวมากขึ้น ประกอบกับการเลือกตั้งที่ชัดเจน คาดการบริโภคจะฟื้นตัวดีขึ้น ส่งผลบวกต่อกลุ่มพาณิชย์อย่าง CPALL, GLOBAL อย่างไรก็ตาม สงครามการค้า-เรือล่มภูเก็ตกระทบท่องเที่ยวหนัก อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงฉุด GDP หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวและโรงแรมยังมีความเสี่ยง ควรชะลอการลงทุนเพื่อรอดูตัวเลขนักท่องเที่ยวเดือน ส.ค. 61
จำนวนตั๋ว B/E และพันธบัตรระยะสั้นที่ไม่มีการจัดอันดับลดลงเนื่องจาก ก.ล.ต. ได้ออกมาตรการหลายรูปแบบเพื่อคุ้มครองผู้ลงทุนมากขึ้น ทั้งนี้การออกตราสาร B/E และพันธบัตรระยะสั้นที่ไม่ได้รับการจัดอันดับในช่วง 1H61 ลดลงเป็น 267,000 ล้านบาทหรือคิดเป็น 6.6% ของมูลค่าตราสารหนี้ในประเทศทั้งหมด ซึ่งลดลงจาก 300,000 ล้านบาท ใน 1H60 (Bangkok Post ) ความเห็น: ตลาดตราสารหนี้มีการปรับตัวหลังจากมาตรการใหม่ๆที่มีประสิทธิภาพออกมา ส่งผลให้ตราสารหนี้มีคุณภาพที่ดีขึ้นและปัญหาความเสี่ยงที่เกิดจากการไม่ได้รับชำระเงินคืนของ B/E ลดลง
ตลาดต่างประเทศ :
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ : ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 147.07 จุด หรือ +0.57% ขณะที่ดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 59.48 จุด หรือ +0.75% และดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 15.26 จุด หรือ +0.53% เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน หลังจากจีนได้ตอบรับคำเชิญของสหรัฐฯ ในการเจรจาการค้ารอบใหม่เพื่อคลี่คลายข้อพิพาทระหว่างทั้งสองประเทศ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ดีดตัวขึ้น รวมทั้งตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งจะลดแนวโน้มในการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันดิบ : WTI ร่วงลง 1.78 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 68.59 ดอลลาร์/บาร์เรล; เบรนท์ ลดลง 1.56 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 78.18 ดอลลาร์/บาร์เรล สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ออกรายงานระบุว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) พุ่งขึ้น 420,000 บาร์เรล/วัน แตะระดับ 32.63 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน โดยได้แรงหนุนจากการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นจากซาอุดิอาระเบีย, ไนจีเรีย, ลิเบีย และอิรัก แม้เวเนซุเอลา และอิหร่านลดการผลิต และ IEA คาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันจากกลุ่มประเทศนอกโอเปกจะเพิ่มขึ้น 2 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้ และ 1.8 ล้านบาร์เรล/วันในปีหน้า นำโดยการผลิตน้ำมันจากสหรัฐฯ ความเห็น: ในเวลาที่น้ำมันปรับตัวลง เราเลือกให้ EPG เป็น Proxy ที่ได้รับผลบวกสำหรับรอบการลงทุนนี้
Thailand Research Department
Vajiralux Sanglerdsillapachai (No.17385) Tel: 0-2680-5077
Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 0-2680-5090
Adisak Prombun (No.14543) Tel: 0-2680-5056
Veeraya Rattanaworatip (No.86645) Tel: 0-2680-5042
Nutchapol Cheevavichawalkul (No.46377) Tel: 0-2680-5094
OO13813