กลยุทธ์ : หากยังไม่มีความชัดเจนเรื่องการตั้งกำแพงภาษีระหว่างจีนกับสหรัฐ คาดสถานการณ์ตลาดหุ้นยังคงอยู่ในภาวะความผันผวนได้ต่อเนื่อง แต่หากชัดเจนขึ้นมา ตลาดจะลงก่อน แต่จะยืนหรือดีดตัวกลับ ขึ้นอยู่กับอัตราภาษีว่าจะขึ้นเท่าไร ดังนั้นในช่วงรอข่าว ดัชนีตลาดหุ้นคงยังแกว่งในลักษณะซึมลง การเคลื่อนไหวของกลุ่มอุตสาหกรรมในตลาดหุ้นไทย ก็คล้ายๆ กัน คือ ส่วนใหญ่จะลงหมดในแง่ MTD% จะมีเพียงกลุ่มเดียวที่ยืนได้คือ ชิ้นส่วนอิเลกทรอนิกค์ และที่ทรงๆ หรือลงเล็กน้อยคือ โรงพยาบาลและอาหาร-เครื่องดื่ม สำหรับกลุ่มที่ลงลึกๆ คือ ปิโตรเคมี ขนส่ง พลังงานและสื่อสาร ภาพการเคลื่อนไหวที่กล่าวมา พอที่จะดูได้ว่าตอนนี้การเล่นหุ้นยังคงไม่มีกลุ่มไหนที่ปลอดภัยหรือให้ผลตอบแทนสูง หากมีก็แบบประคับประคองตัว อย่างโรงพยาบาล ชิ้นส่วนและอาหาร-เครื่องดื่ม ดัชนี SET เมื่อวานนี้ที่สามารถรีบาวน์ได้ ถือเป็นปัจจัยบวก โดยเป็นผลมาจากมีข่าวว่าสหรัฐจะหันกลับมาเจรจาการค้ากับจีน ในขณะที่การตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากจีนจำนวน 2 แสนล้านดอลลาร์ก็ยังไม่ได้มีการประกาศอัตราภาษีออกมาแต่อย่างใด ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลในระยะสั้นบวกกับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ฟื้นตัวขึ้นมาต่อเนื่องขึ้นไปทดสอบระดับ 80 ดอลลาร์/บาร์เรลก็น่าจะมีแรงซื้อหนุนกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีได้ กลยุทธ์วันนี้แนะนำ ให้กลับมาซื้อเก็งกำไรหุ้นขนาดใหญ่ โดยเชื่อว่าว่ากองทุนในประเทศจะกลับเข้ามาซื้อกลุ่มดังกล่าวหนุนดัชนีขึ้นไปทดสอบระดับ 1690-1700 จุด วันนี้ให้แนวรับที่ 1675-1670 จุดและแนวต้านที่ 1690-1695 จุดแนะนำ ซื้อเก็งกำไร AMATA PLANB PTTGC VGI

 

  IVL : เราแนะนำ ซื้อเก็งกำไร IVL โดยมีราคาเป้าหมาย 80.00 บาท หลังจากที่ราคาหุ้นปรับฐานลงมาเกือบ 10% นับจากต้นเดือนที่ผ่านมา จาก spread margin ของ PET และPTA ที่ปรับตัวลงมาตามราคาต้นทุนวัตถุดิบ Paraxylene ที่ปรับตัวขึ้นมา นอกจากนั้นยังกังวลว่าโรงงาน PET ของ IVL กำลังการผลิตรวมประมาณ 5.5 แสนตัน/ปีหรือ 10% ของกำลังการผลิต PET ทั้งหมดของ IVL และ 4% ของกำลังการผลิตรวมของ IVL อาจได้รับผลกระทบจากเฮอริเคน Florence ที่มีความรุนแรงระดับ 4 ที่กำลังพัดถล่มรัฐ Carolina ในสหรัฐ แต่เชื่อว่าราคาหุ้นได้ตอบรับปัจจัยลบดังกล่าวไปแล้ว เราคาดว่า IVL จะมีอัตราส่วน EBITDA สูงกว่า 130 เหรียญสหรัฐ/ตันเทียบกับสมมติฐานที่ 120 เหรียญสหรัฐ/ตัน (+10% yoy) เพราะการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างหลายครั้งในอุตสาหกรรมน่าจะทำให้บริษัทมีมาร์จินสูงต่อเนื่องทั้ง 1) การปรับตัวในอุตสาหกรรม PTA และอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในจีน, 2) มาร์จิน PET-PTA สูงหลังจีนห้ามนำเข้าขยะ, 3) สเปรด PET-PTAและ PTA-PX สูงในตลาดฝั่งตะวันตกเพราะการควบรวมในอุตสาหกรรมจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นและ 4) มาร์จิน MEG สูงจากอุปทานที่ตึงตัวในสหรัฐ

 

  13 ก.ย. : BM TICON STA UPOIC LST

  14 ก.ย. : WHA PLANB SKE SELIC ADVANC

  17 ก.ย. : BRR PSTC PORT CHEWA

  18 ก.ย. : ZIGA CPL TACC ASN SUTHA

  19 ก.ย. : PPS PRM COMAN HTECH MBKET

  20 ก.ย. : THG FTE JKN RICHY NDR

  21 ก.ย. : PM TLUXE PJW ANAN

 

  13 ก.ย. : การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยตลาดคาดว่า ECB จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.000%

  13 ก.ย. : สหรัฐประกาศตัวเลข CPI YoY เดือนส.ค. จากเดือนก่อนหน้าที่ 2.9%

  15 ก.ย. : ติดตามศาลปกครองกลางว่าจะมีคำตัดสินคุ้มครองชั่วคราวลูกค้า DTAC หลังคลื่น850 MHz จะสิ้นสุดสัญญาสัมปทานวันที่ 15 ก.ย. หรือไม่

 

  CPN : Company Note คำแนะนำ: ซื้อ ราคาเป้าหมาย 86 บาท 

  DTAC : Company Note คำแนะนำ: ซื้อ ราคาเป้าหมาย 50.50 บาท

  SAT : Company Note คำแนะนำ: ซื้อ ราคาเป้าหมาย 27 บาท 

  CHG : Company Note คำแนะนำ: ถือ ราคาเป้าหมาย 2.60 บาท

 

  กลยุทธ์ : SET Index ฟื้นตัวหลังจากปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 1670 จุด ซึ่งเราแนะนำให้ใช้เป็นจังหวะในการเข้าซื้อหุ้น และเข้าซื้อเพิ่มที่บริเวณ 1644-1650 จุดตามกรอบแนวโน้มขาลงเพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1700 จุด

  The Siam Cement (SCC TB; THB 434.00) – ซื้อ

  PTT Global Chemical (PTTGC TB; THB 77.50)– ซื้อ