- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 13 September 2018 15:09
- Hits: 3451
บล.ฟินันเซียไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Domestic Play
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัวลงในช่วงเข้าแต่ยังคงไม่หลุดต่ำกว่าแนวรับสำคัญบริเวณ 1,665 จุด ทำให้เกิด Technical Rebound กลับขึ้นมาปิดบวกได้ 6.97 จุด ณ สิ้นวัน โดยกลุ่มพลังงานและธนาคารสามารถนำตลาด โดยมีแรงเก็งกำไรประเด็นการโปรดเกล้าฯ พ.ร.บ. เลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว. ในราชกิจจาฯเร็วๆนี้ อย่างไรก็ตามนักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิต่อเนื่องอีก 1.6 พันลบ. (แต่พลิกมา Long ใน Index Futures สูงถึง 1.7 หมื่นสัญญา) ขณะที่สถาบันในประเทศเป็นฝ่ายซื้อสุทธิ 1.5 พันลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : SET Index คาดว่าจะรีบาวด์ได้ต่อเนื่องวันนี้จาก Sentiment ที่ดูดีขึ้นหลังมีรายงานว่าสหรัฐฯเตรียมที่จะเจรจาการค้ารอบใหม่กับจีนและราคาน้ำมันดิบยังขยับตัวขึ้นหนุนกลุ่มพลังงาน ขณะที่ปัจจัยบวกหลักวันนี้คือการโปรดเกล้าฯ พ.ร.บ. เลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว. ซึ่งทำกรอบเวลาเลือกตั้งชัดเจนมากขึ้นและจะไม่เกินเดือน พ.ค. 2019 และเรายังคงยืนยันมุมมองที่ว่าหุ้น Domestic Play จะสามารถ Outperform ตลาดได้
กลยุทธ์ : ลงทุนในกลุ่ม Domestic Play//ส่วนที่ซื้อเพิ่มแล้วเน้นถือต่อ
หุ้นเด่นเดือนก.ย. : ASK, CHG, CK, CPALL, PRM
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$426ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$307ล้าน และไทย US$50ล้าน ไม่มีประเทศใดที่มีเม็ดเงินไหลเข้า แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาค ตลาดยังกังวลต่อการตอบโต้มาตรการทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> MINT <<
แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 44 บาท
คาดกำไร 2H18 โดดเด่นกว่า 1H18 เพราะ 3Q เป็น High Season ของโปรตุเกสและต่อด้วย 4Q ในไทย ซึ่งต่างจากโรงแรมอื่นที่ 3Q จะทรุดหนัก อีกทั้ง คาดว่าธุรกิจอาหารจะฟื้นทั้งรายได้และมาร์จิ้น โดยเฉพาะช่วงใกล้เลือกตั้งที่มักได้อานิสงส์เชิงบวกเสมอ
NVDR ซื้อเร่งขึ้นในลักษณะ U-Shape มีต้นทุนเฉลี่ย YTD อยู่ที่ 39.50 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาปัจจุบัน MINT จึงไม่ใช่หุ้นเป้าหมายที่ต่างชาติจะขายทำกำไรรอบนี้
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) Brent กำลังลุ้นทำ New High ในรอบ 4 ปี เพราะสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯลดลงต่อเนื่อง และใกล้ช่วงเวลาคว่ำยาตรอิหร่าน (4 พ.ย.) อีกทั้ง ยังใกล้ฤดูมรสุมในสหรัฐฯที่มีโอกาสทำให้อุปทานตึงตัวในระยะสั้นด้วย เป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงานทั้ง PTTEP PTT รวมถึง PRM
(0) กำหนดการเลือกตั้งยังอยู่ในกรอบ เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชโองการโปรดเกล้าฯให้ประกาศใช้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 โดย พ.ร.บ. สว. จะมีผลทันที ส่วน พ.ร.บ. ส.ส. จะมีผลหลังลงราชกิจจาแล้ว 90 วันหลังจากนั้นจะเข้าสู่โหมดเลือกตั้งภายใน 150 วัน (กลาง ธ.ค. 2018 – กลาง พ.ค. 2019) การเลือกตั้งจึงไม่เกิน พ.ค. 19 เป็นบวกต่อหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งเช่น TKS PLANB MINT CPALL CK และ SYNEX
(+) CPN การซื้อ GLAND เป็นดีลที่ดีเพราะ GLAND มีที่ดินในทำเลทองในกรุงเทพ ทั้งพระราม 9 ดอนเมือง และพหลโยธิน สามารถนำมาต่อยอดเป็น Mixed use ที่มีศักยภาพได้ และมี synergy กับโครงการเดิมของ CPN ระยะสั้นยังคาดหวังกำไรไม่ได้ แต่ทำให้พอร์ตของ CPN แข็งแรงขึ้นในระยะยาว ยังแนะนำซื้อ คงราคาเป้าหมายปีนี้ ที่ 93 บาท
(+) SEAFCO ทิศทางรายได้และกำไรจะเด่นขึ้นใน 2H18 จากการก่อสร้างหลายโครงการใหญ่พร้อมกัน ทั้งรถไฟฟ้าสีส้ม, สีชมพู และ One Bangkok บวกกับอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นจากการส่งมอบงานที่รับเฉพาะค่าแรงเพิ่มขึ้น เราปรับประมาณการกำไรปี 2018-2019 ขึ้นเฉลี่ย 10% เป็น 305 ลบ. (+45% Y-Y) และโตต่อ 6% Y-Y เป็น 323 ลบ. ในปีหน้า จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ทำได้ดีกว่าคาด ปรับไปใช้ราคาเหมาะสมปี 2019 ที่ 10.50 บาท และปรับคำแนะนำขึ้นเป็นซื้อ จากโมเมนตัมกำไรที่เร่งขึ้น ตาม Backlog ที่มากกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตเป็นเท่าตัว และมีโอกาสรับงานเข้ามาเติมจากการเร่งผลักดันโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐตั้งแต่ 4Q18
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
13 ก.ย.- สหรัฐฯ: อัตราเงินเฟ้อ (ส.ค.)
- ยูโรโซน: ประชุม ECB
- อังกฤษ: ประชุม MPC
19 ก.ย.- ไทย: ประชุม กนง.
25 ก.ย.- สหรัฐฯ: ประชุม FOMC ตลาดคาดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 2.25%
(0) ภาพรวมตลาดสหรัฐปรับตัวผสมผสาน แม้ดาวโจนส์จะเพิ่มขึ้นจากความคาดหวังว่าสหรัฐและจีนจะเจรจากันรอบใหม่ อย่างไรก็ตาม หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีได้ปรับตัวลงหลังตลาดกลับมากังวลเรื่องการเติบโตและเป้าหมายกำไรในอนาคต
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้น หลังคลายความกังวลเรื่องสงครามทางการค้า อย่างไรก็ตาม ยังต้องคอยติดตามการตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ยของ ECB และ BOE ในวันพฤหัสนี้
(+) ตลาดเอเชียเช้านี้ปรับตัวขึ้น นำโดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นหลังสหรัฐเตรียมเจรจากับจีนรอบใหม่ ทำให้ตลาดลดความกังวลเรื่องการขึ้นภาษีสินค้าจากญี่ปุ่นลง
(+) ค่าเงินแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 32.64 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ต.ค. ปรับตัวขึ้น 1.12 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 70.37 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลว่า Supply จะตึงตัวมากขึ้นทั้งจากฝั่งสหรัฐและตะวันออกกลาง รวมไปถึงดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง
(-) ค่าการกลั่นสิงคโปร์ปรับตัวลง ล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ที่ 5.57 ดอลลาร์/บาร์เรล
() ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 9.30 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1204.70 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com
FB : FINNANSIA SYRUS SECURITIES LINE : @fnsyrus
OO13741