- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 13 September 2018 14:52
- Hits: 3249
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมา SET มีความผันผวนสูง โดยในช่วงบ่าย SET เกิด Technical rebound นำโดยแรงซื้อเก็งกำไรในหุ้นใหญ่ อย่างกลุ่มธนาคาร SCB, KBANK, KTB และหุ้นใหญ่อย่าง PTT, PTTEP และหุ้นโรงไฟฟ้า EGCO อย่างไรก็ตาม DTAC เผชิญกับแรงขายภายหลังกสทช.มีมติไม่เยียวยา ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,679.39 จุด (+6.97 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 5.9 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้าที่ 5.0 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยอย่างต่อเนื่องที่ 1,632 ล้านบาท แต่กลับมาเปิดสถานะ Long SET50 index future สูงกว่า 16,885 สัญญา
Investment theme
Timeline การเลือกตั้งเริ่มชัดเจน และโอกาสการเจรจาสงครามการค้า: เมื่อวานที่ผ่านมา กฎหมายการเลือกตั้งสำคัญ 2 ฉบับอย่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พ.ศ. 2561 และ พ.ร.ป. ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) พ.ศ. 2561ได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาเป็นที่เรียบร้อย (ซึ่งกำหนดการถือว่าอยู่ในกรอบ 90 วันหลังจากที่นายกยื่น) ถือเป็นการนับหนึ่งเริ่มต้นการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ โดยลำดับถัดไป พ.ร.ป.การเลือกตั้งส.ส. จะมีผลบังคับใช้ 90 วันหลังจากนี้ นั่นหมายถึงจะมีผลในช่วงกลางเดือนธันวาคม ซึ่งณ.เวลานั่น เราคาดคสช.จะเริ่มปลดล็อคให้พรรคการเมืองกลับมาเริ่มทำกิจกรรรมพรรคการเมืองได้อีกครั้ง และกระบวนการสุดท้ายคือ กำหนดวันเลือกตั้งภายใน 150 วัน หลังจาก พ.ร.ป.ส.ส. เริ่มมีผลบังคับใช้ เท่ากับว่ากรอบการเลือกตั้งจะอยู่ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงพฤษภาคม เรามีมุมมองเป็นกลางต่อประเด็นดังกล่าว และให้น้ำหนักต่อปัจจัยต่างประเทศอย่างเรื่องสงครามการค้ามากกว่า โดยล่าสุดสหรัฐเตรียมนัดเจรจาสงครามการค้ากับจีนอีกครั้ง แนะนักลงทุนติดตามประเด็นดังกล่าว เนื่องจาก 2 ครั้งที่ผ่านมา การเจรจาล้มเหลวทั้งสิ้น
Investment Theme: จากประเด็นที่กล่าวมาทำให้เราประเมินว่าวันนี้ SET อาจมี Sentiment บวกอ่อนๆ โดยประเมินแนวต้านบริเวณ 1,690 จุด +/- และแนวรับสำคัญที่ 1,650 จุด ซึ่งหากอิงกับ EPS18 ของ SET ที่ 107.8x (สมมติฐาน Bond yield 10 ปีที่ระดับ 2.74%) เป็นระดับ Earning yield Gap บริเวณ 3.79% เทียบเท่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี โดยสถานกาณ์ปัจจุบันยังมีความเสี่ยงจากปัจจัยต่างประเทศที่ยังไม่ชัดเจน แนะถือเงินสด 40% และทยอยสะสม หุ้นกลุ่ม Domestic นำโดย CPALL, STEC, BEM, SCB
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – กลุ่มสหภาพแรงงานสหรัฐรวมตัวเรียกร้องค่าแรงเพิ่มขึ้น / แหล่งข่าวระบุ Trump เตรียมพบปะ Kim อีกครั้ง / กสทช.ไม่เยียวยา DTAC / Apple เปิดตัว Iphone รุ่นใหม่ / Brent กลับมายืนเหนือ 79.5 เหรียญอีกครั้ง
Stock pick : -
Trading idea – เก็งกำไร CPALL กรอบ 65.0 – 69.0/ ทยอยสะสม TPIPP คาดกำไรทำสถิติสูงสุดต่อเนื่อง/ เก็งกำไร BEM ราคาเป้าหมาย 9.00 บาท จำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินทำสถิติสูงสุดในเดือนส.ค.ที่ผ่านมา / เก็งกำไร CKP กรอบ 4.30-4.60 / เลี่ยงการลงทุน DTAC
Technical View
Rebound จาก Low 1665 แต่ยังคงต้องพิจารณาแนวต้านเป็นขั้นๆ: ดัชนีแกว่งตัวลงทดสอบแนวรับ Low เดิมที่ 1665 แต่มีแรงซื้อกลับจากหุ้นกลุ่มพลังงานและธนาคาร ทำให้ดัชนียังคงสามารถ Rebound จากแนว Low ดังกล่าว พร้อมกับ Modified Stochastic ที่เข้าเขต Oversold จึงคาดว่าในระยะสั้นดัชนีอาจเริ่ม Rebound แต่ขณะนี้ดัชนียังคงมีความเสี่ยงกลับตัวลงแบบ Double Top จึงแนะนำให้พิจารณาแรงขายตามแนวต้านเป็นขั้นๆ จนกว่าดัชนีจะกลับไปยืนเหนือ 1706
กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น : หากไม่หลุด 1665 ยังคาดหวังการ Rebound ในระยะสั้น มองแนวต้านที่ 1685, 1695 และ 1706 แต่หากหลุด 1665 แนะนำ Stop Loss 2) ไม่มีหุ้น : หากรับความเสี่ยงได้แนะนำกรอบการ เทรด 1665-1695 แต่หากรับความเสี่ยงไม่ได้แนะนำรอดัชนีกลับไปยืนเหนือ 1695
แนวรับ : 1665, 1675 แนวต้าน : 1685, 1695
Keep an eye on...
ปัจจัยต่างประเทศ: 13 ก.ย.ประชุม ECB
ปัจจัยในประเทศ: -
หุ้นเทคนิค:
PTTEP (B 138.00-140.00, Tp 145.00//148.00, Cut 136.50)
SCB (B 144.50, Tp 151.00, Cut 143.00)
นักวิเคราะห์ : สรพล วีระเมธีกุล / วิจิตร อารยะพิศิษฐ / จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์
Research Department Tel. 02-658-5000
OO13738