WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

 ASP
บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 
 
กลยุทธ์การลงทุน
  แรงกดดันจากสงครามการค้าโลก ยังมีน้ำหนักกดดันดัชนีเคลื่อนไหวต่ำกว่า 1700 จุด และค่าเงินประเทศกำลังพัฒนาอ่อนตัว กดดัน fund flow ไหลออกต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตามถือว่าบวกต่อหุ้นส่งออก ซึ่งเข้าสู่ High Season (CPF, TU, HANA) กลยุทธ์ปรับพอร์ตและเลือกลงทุนรายหุ้นเน้น Domestic Play ที่ P/E และ Beta ต่ำ (RATCH, EASTW) หุ้นอาหารส่งออกเข้าสู่ High Season (CPF, TU, HANA) สินค้าอุปโภคบริโภค (ROBINS, BJC) หรือมีเงินสดสุทธิ (VGI, MACO, PLANB) Top Picks CPF(FV@B30) และ BJC(FV@B69)        
 
ย้อนรอยตลาดหุ้นไทย…. มูลค่าซื้อขายยังไม่เอื้อ SET ยังคงต่ำ 1700 จุด
  SET Index วานนี้ ยังคงเคลื่อนไหวผันผวน ปิดตลาดที่ระดับ 1691.51 จุด เพิ่มขึ้น 2.02 จุด หรือ +0.12% ด้วยมูลค่าซื้อขายเบาบางเพียง 3.3 หมื่นล้านบาท โดยมีแรงซื้อในหุ้นโรงไฟฟ้าและพลังงานทดแทน นำโดย EA +5.13% และ GULF+2.21% ตามด้วยกลุ่ม ICT คือ DTAC ADVANC ยกเว้น TRUE ที่ยังได้รับแรงกดดันจากกรณีฟ้องร้อง และต้องจ่ายค่าเสียหายแก่หน่วยงานรัฐ ตรงกันข้ามหุ้นที่นำลง และกดดันดัชนี กระจายในหุ้น  ธ.พ. และกลุ่มขนส่งทางอากาศ (BA, AAV, NOK, AOT)  รวมถึงหุ้นหุ้นรายตัว อาทิ CPALL, SCC และ BANPU  เป็นต้น
  แนวโน้มตลาดหุ้นไทยยังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่า 1700 จุด ให้น้ำหนักต่อสงครามการค้าโลก โดยคาดสหรัฐจะขึ้นภาษีนำเข้าจากจีน 2 แสนล้านเหรียญฯ หลังทำ public hearing แล้ว และจะเพิ่มอีก 2.6 แสนล้านเหรียญ โดยรวมสหรัฐจะขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนทุกรายการ (อัตรา 25%) ถือว่าเป็นกรณีเลวร้ายสุด ขณะเดียวกันสหรัฐยังเตรียมขึ้นภาษีนำเข้าจากญี่ปุ่น เพราะได้ดุลการค้าสหรัฐ สูงอันดับ 3 รองจากจีนและเม็กซิโก และค่าเงินโลกผันผวน โดยประเทศเกิดใหม่ที่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ จากปัญหาพื้นฐานของประเทศ  และสหรัฐมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. นี้ แต่หนุนหุ้นส่งออกอาหาร ที่เข้าสู่ช่วง High season ชอบ HANA, CPF, TU  
 
สงครามการค้าที่ยืดเยื้อ ยังกดดันค่าเงินโลกผันผวน
  ผลกระทบสงครามการค้าสหรัฐที่เปิดศึกกับประเทศคู่ค้าทั่วโลก ประกอบกับปัญหาของประเทศเกิดใหม่ที่เผชิญปัญหาขาดดุลการค้าและขาดดุลบัญชีเดินสะพัดอย่างต่อเนื่อง รวมถึงบางประเทศมีหนี้สาธารณะสูง เช่น เวเนซุเอล่า, อาร์เจนติน่า, ตุรกี เป็นต้น ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยกดดันเศรษฐกิจประเทศกลุ่มนี้  และเป็นปัจจัยกดดัน Fund Flow ให้ไหลออกอย่างต่อเนื่อง  และกดดันค่าเงินตกต่ำในที่สุดดังที่เกิดขึ้นกับหลายประเทศ อาทิ  เวเนซุเอล่า ค่าเงินโบลิวาร์อ่อนค่ามากที่สุดของโลกราว 2.5 ล้าน% นับแต่ต้นปี (เป็น 248,519 โบลิวาร์ จากที่ทรงตัวที่ 9.9875 ในปีก่อนหน้า) ตามมาด้วยเงินเปโซอาร์เจนติน่าที่อ่อนค่า 101.2%ytd และตุรกีที่ค่าเงินลีราอ่อนค่ามากถึงราว 70.7%ytd 
เช่นเดียวกับค่าเงินเอเซียที่กลับมาอ่อนค่ามากขึ้น หลังจากที่ทรงตัวหรือแกว่งตัวในช่วงกว่า 1 เดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะค่าเงินรูเปียะห์ (อินโดนีเซีย) ค่าเงินเปโซ (ฟิลิปปินส์), รูปี (อินเดีย) และริงกิต (มาเลเซีย) ยกเว้นเงินบาท และเงินหยวนที่ยังคงทรงตัว
 
  โดยรวมค่าเงินโลกที่ผันผวนไปในทิศทางอ่อนค่าย่อมส่งผลดีต่อบริษัทจดทะเบียนที่ส่งออกสุทธิ และมีรายได้ในรูปดอลลาร์ บวกกับงวด 3Q61 เข้าสู่ช่วงฤดูกาลส่งออก จึงน่าจะได้ประโยชน์สูงสุดคือ 
  กลุ่มที่มีรายได้สุทธิสกุลดอลลาร์สุทธิ(+)  โดยทุก 1 บาทของเงินที่อ่อนค่า กำไรบริษัทที่เพิ่มขึ้นมากที่สุด คือ  VNG, กลุ่มส่งออกชิ้นส่วนฯ  อาทิ KCE, TU, CPF, SCCC, SVI  และ THCOM, GFPT 
  ตรงข้ามบริษัทที่จะได้รับผลกระทบคือ บริษัทที่มีต้นทุนสุทธิสกุลดอลลาร์ (-)  อาทิ กลุ่มขนส่งสายการบิน  THAI, AAV เพราะโครงสร้างต้นทุนที่อยู่ในรูป USD คิดเป็นสัดส่วน 60% ของต้นทุนรวม อาทิ น้ำมัน ค่าซ่อมบำรุง ค่าประกัน ค่าเช่าเครื่องบิน แต่รายได้ บางส่วนเป็นเงินสกุล USD ทำให้สุทธิแล้วได้รับผลกระทบบางส่วน 
  ทั้งนี้ยกเว้น BA บริษัทที่มีลักษณะ Natural Hedge เพราะมีรายได้และต้นทุนเป็นสกุลดอลลาร์ในอัตราใกล้เคียงกัน   
  ส่วนบริษัทที่มีหนี้สินสุทธิสกุลดอลลาร์ (-) ซึ่งมีการกู้เงิน และ/หรือการนำเข้าเครื่องจักร ย่อมมีภาระหนี้สินเพิ่มขึ้น อาจจะกระทบเล็กน้อย เมื่อเทียบกับฐานกำไรจึงไม่มากนัก อาทิ กลุ่มโรงไฟฟ้า BGRIM, BCPG, EGCO, RATCH, GLOW และกลุ่มปิโตรเคมี  PTTEP, PTT, TOP, IRPC, PTTGC 
 
DTAC กระทบจำกัด หาก กสทช ไม่เยียวยาคลื่น 850 Mhz  
  พรุ่งนี้ กสทช. จะพิจารณาเรื่องการออกมาตรการเยียวยาลูกค้าให้กับ DTAC บน 2 คลื่นสัมปทานทีใช้งานอยู่ คือ 850 และ 1800 MHz  ซึ่งจะสิ้นสุดอายุ 15 ก.ย. 61 ทั้งนี้ ASPS ประเมินว่า DTAC น่าจะได้รับการเยียวยา  เพราะ DTAC ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ กสทช.  เช่น  ต้องเข้าร่วมประมูลคลื่น 1800 เป็นต้น ซึ่งช่วยให้ DTAC จะมีคลื่นให้บริการ 2G และ 4G มีลูกค้ารวม 2.5 แสนราย  หรือ 1.1% ของลูกค้าทั้งหมดที่ 21.6 ล้านราย) ได้อย่างสม่ำเสมอ ระหว่างรอการลงทุนโครงข่าย 4G บนคลื่นใหม่ภายใต้  2300 MHz  (เช่ามาจาก TOP  เป็นเวลา 8 จนถึงปี 2568) เพื่อแทน 1800 MHz ที่หมดสัมปทาน แม้จะประมูลกลับมาแต่เพียง 5 Mhz น้อยกว่าที่คลื่นไปมาก
  ส่วนคลื่น 850 MHz ซึ่งให้บริการ 3G ในพื้นที่ห่างไกล มีลูกค้าอยู่บนคลื่นดังกล่าว 9 หมื่นราย โดยลูกค้าส่วนใหญ่ได้ย้ายไปคลื่นใบอนุญาตแล้ว 2100 Mhz แล้วก็ตาม แต่ในบางพื้นที่ที่การให้บริการไม่ครอบคลุมอาจจะมีการโรมมิ่งกับ คลื่น 850 MHz ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ได้ดีกว่า 2100 Mhz ปัจจุบัน DTAC มีลูกค้าที่มีการโรมมิ่งมีลูกค้าราว  1 ล้านราย รวม 1.09 ล้านราย 5.0% ของลูกค้า  การเยียวยาจะทำให้  DTAC  สามารถช่วยให้ DTAC ให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ  และ  DTAC  มีเวลาพอในขยายลงทุนโครงข่ายบนคลื่นที่มี (1800, 2100 และ 2300MHz) ให้ครอบคลุมพื้นที่ 850 MHz ที่หมดสัมปทาน ได้มากขึ้น  
  กรณีเลวร้าย หากไม่ได้เยียวยา DTAC ผลกระทบระยะสั้น คือ ลูกค้าที่ยังจดทะเบียนบนคลื่น 850  จำนวน  9 หมื่นรายจะซิมดับ ส่วนลูกค้า 1 ล้านรายที่ใช้งานผ่านการโรมมิ่งจะมีปัญหาการใช้งานไม่มีประสิทธิภาพ จุดนี้อาจจะเสียเปรียบคู่แข่งขัน  ประเมินผลกระทบกรณีเลวร้ายที่สุด คือ ลูกค้า 1.09 ล้านรายย้ายไปค่ายอื่นทั้งหมด ภายใต้สมมติฐาน ARPU รายละ 200 บาท (ต่ำกว่า ARPU เฉลี่ยที่ 248 บาท) จะกระทบรายได้ 3.2% และกำไร 2 พันล้านบาท คิดเป็นราว 40% ของกำไรปี 2562 และมูลค่าพื้นฐาน 10 บาท อย่างไรก็ตามเชื่อว่ากรณีเลวร้ายไม่น่าเกิดขึ้น   
 
ต่างชาติสลับมาซื้อหุ้นแถบเอเชียเหนือ แต่ยังขายกลุ่ม TIP
  แม้วานนี้ต่างชาติสลับมาซื้อสุทธิหุ้นในภูมิภาค 203 ล้านเหรียญ (หลังจากขายสุทธิ 3 วัน) แต่เป็นการซื้อสุทธิเฉพาะตลาดหุ้นแถบเอเชียเหนือเท่านั้น ได้แก่ ไต้หวันซื้อสุทธิ 124 ล้านเหรียญ (หลังจากขายสุทธิในวันก่อนหน้า) และเกาหลีใต้ 110 ล้านเหรียญ (หลังจากขายสุทธิมา 3 วัน) โดยยังขายสุทธิตลาด TIP คือ ฟิลิปปินส์ขายสุทธิ 16 ล้านเหรียญ (ขายสุทธิเป็นวันที่ 8), อินโดนีเซีย 9 ล้านเหรียญ (ขายสุทธิเป็นวันที่ 7), และไทยที่ต่างชาติยังขายสุทธิอีก 6 ล้านเหรียญ หรือ 188 ล้านบาท (ตั้งแต่กลางเดือน ส.ค. เป็นต้นมา ต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทยเพียงแค่วันเดียวเท่านั้น และมียอดขายสุทธิรวมสูงถึง 2.76 หมื่นล้านบาท) เช่นเดียวกับสถาบันในประเทศที่สลับมาขายสุทธิ 636 ล้านบาท (หลังจากซื้อสุทธิเพียงวันเดียว)
  ส่วนทางด้านตราสารหนี้ไทย ต่างชาติซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 ด้วยมูลค่า 2.03 พันล้านบาท แรงซื้อตราสารหนี้ช่วยหนุนให้ค่าเงินบาททรงตัวอยู่บริเวณ 32.79 บาท/ดอลลาร์
 
คาด SET ยังผันผวนต่ำกว่า 1700 จุด เน้น Domestic Play 
  ตลาดการเงินโลกยังคงผันผวนจากแรงกดดันจากสงครามการค้าที่ขยายวงกว้างและรุนแรงมากขึ้น รวมถึงการอ่อนค่าของสกุลเงินในประเทศเกิดใหม่ (Emerging Market) โดยเฉพาะประเทศที่มีสถานะการเงินอ่อนแอทั้งขาดดุลและดุลบัญชีเดินสะพัดมาตั้งแต่อดีต  และ มีหนี้ต่างประเทศอยู่ในระดับสูง อาจแผ่ขยายเป็นวงกว้างจนกระทบมาถึงเศรษฐกิจเอเซียรวมถึงไทย และยังส่งผลกดดัน Fund Flow ไหลออกต่อเนื่อง 
  ด้วยเหตุนี้จึงยังประเมินว่า แนวโน้มของ SET Index นับจากนี้มีโอกาสปรับลงมากกว่าขึ้น ผนวกกับหลังจากการประชุมนักวิเคราะห์ พบว่าได้มีการปรับลดประมาณการกำไรหุ้นรายตัวในบางกลุ่มฯ โดยส่วนใหญ่เป็นการปรับรายการพิเศษ ที่มีมูลค่ารวมกันกว่า 1.75 หมื่นล้านบาท เกือบทั้งหมดอยู่ในกลุ่ม ICT ส่วนการปรับอันเนื่องมาจากการดำเนินงานปกติมีสาเหตุหลายประการ เช่น กำไรสุทธิ 1H61ออกมาต่ำกว่าคาด, ต้นทุนทางการเงินมีโอกาสเพิ่มขึ้น หรือแนวโน้มการทำกำไร 2H61 ชะลอตัวจากที่คาด แต่ยอดรวมที่ปรับลดมีมูลค่าน้อยกว่ารายการพิเศษ เบื้องต้นคาดกำไรตลาดฯ ปี 2561 ลดลงจากประมาณการเดิม (1.1 ล้านล้านบาท) 2.6 หมื่นล้านบาท หรือ 2.4% ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยอยู่ในระหว่างการทบทวนปี 2562 เช่นกัน 
  ทั้งนี้ ภายใต้ประมาณการ EPS เดิมที่ 110.78 บาท ภาพรวมทำให้ดัชนีเป้าหมายปี 2561 อยู่ที่ 1662 จุด กลยุทธ์การลงทุน จึงยังเน้น Domestic Play ดังนี้
  หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการอุปโภคบริโภคในประเทศ : ROBINS, BJC, ADVANC
  หุ้นวัสดุก่อสร้าง : SCC, SCCC, DCC 
  หุ้นสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน : EASTW, TTW,  RATCH, BGRIM
  หุ้นที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น 
  1. ธนาคาร : BBL, TCAP
  2. มีเงินสดสุทธิ : VGI, MACO, PLANB
  หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า  และ ราคาหุ้นยัง Laggard : TU, CPF, HANA
 
ภรณี ทองเย็น  เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004146
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม  เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
พบชัย ภัทราวิชญ์  เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 052647
ภราดร เตียรณปราโมทย์  เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์  เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 087636
โยธิน ภูคงนิล  ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เชิงปริมาณ
เจิดจรัส แก้วเกื้อ  ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
วรรณพฤกษ์ โกมลวิทยาธร  ผู้ช่วยนักเศรษฐศาสตร์
OO13636

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!